ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 26 : ท่านลุง
https://ppantip.com/topic/38325625
=====================================================================================
ตอนที่ 27 : ปะทะกันเอง (1)
ในที่สุดพวกเขาก็ต้องสู้กัน
เฮอมิต ใหญ่เดินไปนัดต่อสู้กับสปอร์ทแมน เจมส์ด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกับสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม แม้แม็กกี้จะไม่ได้มาด้วย แต่เชนก็นัดป๊อกกี้มาพูดคุย เพื่อนัดต่อสู้สะสาง
ซึ่งทั้งสองคู่นัดต่อสู้ในช่วงเวลาและสถานที่เดียวกัน
นั่นคือ วันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน ที่โรงยิมสี่
โดยในการต่อสู้ทั้งสองคู่นี้ไม่ได้ประกาศหรือบอกกล่าวให้นักเรียนประจิมสวัสดิ์ทุกคนได้รับรู้ ผู้ทราบข่าวมีเพียงผู้เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าจักพรรดิ ปรีกับเสนาธิการ เจก็ทราบเรื่อง
ใหญ่และเชนมาบอกกับปรีด้วยตัวเองหลังจากที่นัดกับคู่ต่อสู้แล้ว แต่เนื่องจากเขามาบอกด้วยตัวเอง ทำให้รินคู่หมั้นของจักพรรดิหนุ่มที่อยู่ด้วยรับรู้ เธอจึงบอกว่าจะมาดูการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย
พอถึงวันรุ่งขึ้น ดูเหมือนผู้ที่ทราบเรื่องการต่อสู้นี้คล้ายจะเก็บอาการไม่อยู่ เรียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเจก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน
“พวกเขาต้องสู้กันสู้จริง ๆ หรือนี่” เจถามฟ้าขณะที่กำลังเรียนคาบสุดท้ายอยู่ในห้อง
ถ้ายังจำกันได้ ฟ้า แฟนสาวของใหญ่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจ
เธอตอบว่า “คงงั้นแหละเจ ...ฉันถามพี่ใหญ่แล้ว เค้าบอกว่า ยังไงก็ต้องสู้”
“เหรอ... ทำไมต้องสู้กันเองด้วย”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้” ฟ้าตอบเสียงใส “ฉันไม่อยากให้พี่ใหญ่สู้หรอก แถมสู้กับเจมส์ด้วย จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ”
ดูเธอเป็นห่วงใหญ่มากทีเดียว
“ฉันก็ขอให้จบลงด้วยดี ไม่มีใครเป็นอะไรเท่าไหร่” เจบอก หน้าตายังมีอาการกังวลอยู่
“อย่ากังวลไปเลย” ปรีพูดขึ้นบ้าง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างกับทั้งสอง
“แต่ทำไงได้ล่ะ ดูเหมือนแต่ละคนจะเอาจริงมากทีเดียว”
“อืม... ก็ช่างมันเถอะ” ปรีบอก “นายจำที่ท่านลุงบอกได้มั้ย ..นายเชื่อมั่นเถอะ”
“อือ” เจพยักหน้ายอม ๆ ไป แต่อาการกังวลยังไม่จางหายไปด้วย
และแล้วคาบเรียนสุดท้ายนี้ก็จบลง
ฟ้า ปรี และเจไม่รอช้า เมื่ออาจารย์จบการสอน พวกเขารีบเก็บข้าวของอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมพร้อมมุ่งไปที่แห่งหนึ่ง
สถานที่ที่ทั้งสามไปย่อมเป็นโรงยิมสี่
ที่โรงยิมสี่ ตอนนี้มีผู้คนมาอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว
จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ อัจฉริยะที่สอง แอล และฟ้า แฟนสาวใหญ่ เหล่านักเรียนสายวิทย์–คณิตมาอยู่ที่นี่แล้ว
บุรุษสองร่าง เร ยักษ์วัดแจ้ง เอก ยักษ์วัดโพธิ์ บิ๊ก แห่งสายศิลป์ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
รวมทั้งริน สาวสวยผมหยิกคู่หมั้นปรีก็อยู่ด้วย เนื่องจากเธอทราบข่าวเมื่อวาน จึงอยากมาชมการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน
โดยการต่อสู้ครั้งนี้มีผู้ทราบเรื่องเพียงไม่กี่คน และไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก ผู้มาชมจึงมีเพียงเท่านี้
แต่ว่าผู้ต่อสู้ทั้งหมดกลับยังไม่มีใครมาเลย
“ใครจะชนะเหรอ?” รินเอ่ยถามปรีที่อยู่ข้าง ๆ
แน่นอนว่าเธอต้องเกาะแกะปรีอยู่แล้ว
“ไม่รู้” ปรีส่ายหน้า “ยังบอกไม่ได้หรอก แถมแต่ละคนก็ไม่มีใครเคยต่อสู้กันด้วย”
“อืม...นะ” รินยิ้ม แล้วหันไปทางหนุ่มบนรถเข็น “แอลล่ะ คิดว่าใคร?”
แอลนิ่งมองริน แล้วค่อยตอบ “ยังดูยาก ...แต่ฉันว่าคู่เจมส์กับใหญ่ คนชนะน่าจะเป็นใหญ่มากกว่า เพราะมีฝีมือสูง แข็งแกร่ง แถมเป็นจอมวางแผน ทั้งยังปราบซ่อนดาบในรอยยิ้ม ชา ห้าผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพาได้อีก เขาจึงน่าจะชนะมากกว่า”
“งั้นเหรอ...” หญิงสาวมอง “คู่แรกรินตัดสินไม่ได้นะ แต่อีกคู่รินเชียร์เชน เพราะเขามีฉายาว่า สู้คราใดต้องปราชัย เลยอยากให้เชนชนะบ้าง”
“อืม” แอลพยักหน้าคิดตาม “ก็อาจเป็นไปได้ คู่นั้นสองต่อหนึ่ง ฝ่ายสองย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว”
สักพักก็มีผู้ต่อสู้คนแรกเปิดประตูโรงยิมสี่เข้ามา
คนผู้นี้คือ ชายร่างสูงโปร่ง ไว้ผมทรงสกินเฮดแบบหนา เขาคือ สี่ขุนพลแห่งสายพละ สปอร์ทแมน เจมส์นั่นเอง
เจมส์ในวันนี้ดูพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้มากทีเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นที่เอาชนะใหญ่อย่างเห็นได้ชัด เขาสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้ออาดิดาสมาด้วย
“ยังไม่มีใครมาอีกหรือ..” เจมส์พูดขึ้น พลางหันมองผู้มาชมทุกคน ชูกำปั้นให้ทั้งหมดเห็น “พวกนายรอดูละกัน ฉันชนะแน่”
เขากล่าวอย่างมั่นใจ แล้วเดินไปทางมุมหนึ่งของโรงยิมสี่ ยืดกล้ามเนื้อวอร์มอัพเพื่อเตรียมพร้อม
ถัดมาก็มีผู้ต่อสู้มาถึงอีกคน
คนผู้นี้สวมหมวกหันกลับหลัง คาบขนมปังแท่งยี่ห้อหนึ่ง
แน่นอนว่า เขาคือ ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์ สี่ขุนพลแห่งสายศิลป์
หนุ่มหน้าหวานแห่งศิลป์-คำนวณหันมองผู้ชมทุกคน ฉีกยิ้มให้ แล้วเดินไปหาบุรุษสองร่าง เร
“พี่เชนกับพี่แม็กกี้ยังไม่มาอีกเหรอ?” ป๊อกกี้ถามขึ้น
“ยังนะ” เรบอก
“ครับ” ป๊อกกี้พยักหน้ารับ
“พยายามเข้านะป๊อกกี้” เรพูดขึ้นต่อ “แม้นายจะเป็นสี่ขุนพลแล้ว แต่ก็ประมาทสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมไม่ได้”
“ใช่” ยักษ์วัดแจ้ง เอกสนับสนุน “เชนกับแม็กกี้ถ้าร่วมมือ ร้ายกาจมากทีเดียว”
“สู้เต็มที่ละกัน” ยักษ์วัดโพธิ์ บิ๊กพูดบ้าง “อย่าให้เสียฉายา ผู้ฆ่ายักษ์ ที่เอาชนะพวกเราได้”
“แน่นอน” ป๊อกกี้ยิ้มให้ทั้งสาม จากนั้นก็ก้าวเดินหาปรีต่อ
“ไงป๊อกกี้” ปรีเอ่ยทัก
“ครับ พี่ปรี”
“มีอะไรหรือ?”
“เตรียมพร้อมไว้ด้วยนะครับ พี่เจก็ด้วย” ป๊อกกี้หันมองทั้งสอง
“เตรียมพร้อม?” เจทวนคำ “ทำไมล่ะ?”
“หึ...” หนุ่มหน้าหวานไม่ตอบ “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เขาเดินไปอีกมุมหนึ่ง เป็นคนละมุมกับเจมส์
แต่เหตุใดป๊อกกี้ถึงบอกให้ปรีกับเจเตรียมพร้อม เขาเป็นคนต่อสู้เองไม่ใช่หรือ?
ป๊อกกี้ทรุดตัวนั่งตรงมุมนั้น รอคอยคู่ต่อสู้ของตนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ดังนั้น ตอนนี้ผู้ที่ต่อสู้ก็เหลือเพียงเหล่านักเรียนสายอุตสาหกรรมทั้งสามคน นั่นคือ สี่ขุนพลของสายอุตสาหกรรม เฮอมิต ใหญ่ และสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม เชนกับแม็กกี้
เจดูจะตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่ใกล้จะเริ่มขึ้นมาก ท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข จนจักรพรรดิปรีที่อยู่ข้างกายต้องพูดขึ้น
“ใจเย็น ๆ น่าเจ”
“อือ” เจพยักหน้ารับ แต่ก็ยังมีอาการเช่นเดิม “ก็อยากจะใจเย็นนะ แต่มันรู้สึกลุ้นอย่างไงบอกไม่ถูก เพราะคราวนี้เป็นการต่อสู้กันเองของโรงเรียนเรา แถมเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยสู้กันด้วย”
“อืม... พอเข้าใจ”
“แล้วทำไมป๊อกกี้ถึงบอกให้ฉันกับนายต้องเตรียมพร้อมด้วยล่ะ?”
ปรีนิ่งมองหนุ่มร่างเล็ก “คงจะให้เราเตรียมพร้อมดูการต่อสู้ของเขาล่ะมั้ง”
“เหรอ...” เจนิ่งคิดวูบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นต่อ “จงเชื่อมั่นที่นายว่า มันหมายความว่าไง?”
“ก็ให้เชื่อมั่นไง” ปรีพูดสวนทันที “อย่างที่ท่านลุงบอกแหละ เชื่อมั่นในโรงเรียนของเรา เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในเพื่อน”
“เอ่อ ไม่เข้าใจ”
“เออ เอาเถอะ สักพักก็เข้าใจเอง ตอนนี้เราทำได้แค่จับตาดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้”
“อือ”
ไม่นานสามหนุ่มนักเรียนของสายอุตสาหกรรมก็เดินทางมาถึงที่นี่ นำมาโดยใหญ่ สี่ขุนพลแห่งสายอุตสาหกรรม ที่ขนาบข้างมาด้วยเชนทางเบื้องขวา และแม็กกี้ทางเบื้องซ้าย
ฤาษีหนุ่มหันมองผู้อยู่ที่นี่ทุกคน แต่ก็ไม่พูดอะไร เพียงก้าวเดินต่อไปเท่านั้น
แต่น่าแปลก คราวนี้ใหญ่กลับไม่ได้คาบบุหรี่อย่างเคย กลับเดินมาด้วยปากอันว่างเปล่า
นี่แสดงว่า เขาเอาจริงตั้งแต่แรกเลยหรือ เพราะว่ากันว่าถ้าใหญ่คายบุหรี่ออกจากปากเมื่อไหร่ เมื่อนั่นก็คือการเอาจริงของเขา
เชนที่อยู่ทางเบื้องขวาของใหญ่สีหน้าดูเคร่งเครียดอย่างยิ่ง แต่ก็แฝงด้วยแววตาแน่วนิ่งพร้อมลุยเสมอ
ผิดกับแม็กกี้ที่อยู่ทางเบื้องซ้ายของใหญ่ เขาไม่มีทีท่าโกรธเกรี้ยวดุร้ายอย่างเช่นตอนเกิดเรื่องแล้ว กลับมายียวนขี้เล่นตามประสาเดิม
เมื่อทั้งสามเดินผ่านผู้คนที่ยืนรอ แม็กกี้ก็เอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน” เขากล่าวราวกับตัวเองเป็นโฆษกสนาม แล้วหันไปพูดกับแอลต่อ “ไงครับคุณพี่แอล คิดว่าคู่ผม ใครจะชนะเหรอ?”
“ยังไม่แน่” หนุ่มบนรถเข็นตอบเสียงเรียบ “นายกับเชนก็มีสิทธิ์ชนะเหมือนกัน”
“โอ้... เชียร์ผมด้วยรึ” แม็กกี้ยิ้ม “ขอบคุณนะครับคุณพี่แอล”
ซึ่งในช่วงนี้ใหญ่กับเชนก็คุยกับปรีบ้าง
“ปรี.. นายได้ดูฉันสู้อีกแล้วนะ” ใหญ่บอก
“อืม...” ปรีพยักหน้ารับ “ถือว่าคุ้มนะ เพียงเดือนเดียวได้ดูนายสู้ถึงสองครั้ง”
ใหญ่มองหนุ่มผมหยิกผู้เป็นจักรพรรดิ พูดขึ้นต่อ “นายเองก็เหมือนกันล่ะ ..ไม่ค่อยได้สู้เท่าไหร่ ระวังตำแหน่งจักรพรรดิจะสั่นคลอนล่ะ”
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
“เอ่อ ก่อนจะต่อสู้ ฉันมีอะไรจะบอกนายอย่างหนึ่ง ตั้งใจฟังนะ”
“อะไรล่ะ?”
“แอลก็ฟังด้วยนะ คือการต่อสู้ในครั้งนี้ฉันเอาจริง คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นหรอก ทำเต็มฝีมือเลย เรื่องนี้ต้องให้จบลง ทั้งนี้คงจะหวังได้ว่าพวกนายพอใจ หมดทุกอย่าง เขาว่ากันว่า ไม่ค่อยได้สู้ ใช่ว่าจะไม่เก่งกาจขึ้น ตัวเราต้องพร้อมเสมอ จริงแท้แน่นอน ส่วนเรื่องอื่นนั้นไม่ว่าจะเป็น การปกครอง ต่อรอง สู้รบ นี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป็นเพียงเรื่องประกอบ แผนการก็เช่นเดียวกัน ของแท้มันอยู่ที่ เราเท่านั้น” ใหญ่พูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นอย่างมุ่งมั่น
ปรีเงียบฟังอย่างตั้งใจ คล้ายทบทวนสิ่งที่ใหญ่พูดทั้งหมด
แต่สิ่งที่ใหญ่พูดมามันค่อนข้างชอบกล เว้นช่วงการพูดแปลก ๆ ไม่ค่อยถูกต้องนัก เหตุใดเขาถึงพูดจาในลักษณะเช่นนี้
จักรพรรดิผมหยิกมองหน้าฤาษีหนุ่ม พูดขึ้นมาว่า “อืม... ไงก็เต็มที่นะ”
“อยู่แล้ว นายก็เตรียมตัวไว้ละกัน”
ใหญ่ตอบ ค่อยหันมองฟ้าที่อยู่ไม่ห่างปรี คลี่ยิ้มให้ ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบ พูดกับใหญ่เล็กน้อย แต่ไม่นานฟ้าก็ต้องออกจากโรงยิมไป ไม่ทันได้ดูใหญ่ต่อสู้ เพราะว่ามีโทรศัพท์เข้ามาให้กลับไปทำธุระที่บ้านโดยด่วน เธอจึงต้องออกไปอย่างขัดขืนไม่ได้ ซึ่งก็ไม่เป็นไรสำหรับใหญ่ เพราะฟ้าได้พูดให้กำลังใจก่อนจะออกไปแล้ว
จากนั้นฤาษีหนุ่มก็ก้าวเดินออกไปอีกมุม เป็นมุมตรงข้ามกับเจมส์ เชนก็เหมือนกัน เขากับแม็กกี้ก้าวเดินไปทางมุมหนึ่งด้านตรงข้ามกับที่ป๊อกกี้อยู่
ในที่สุดผู้ต่อสู้ทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้แต่ละคนจึงเตรียมพร้อม เพื่อรอการต่อสู้
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการต่อสู้ที่จัดขึ้นมาของทั้งหมดเอง จึงไม่มีกรรมการช่วยตัดสินผลแพ้ชนะ ซึ่งผลการแพ้ชนะที่ทั้งหมดต้องการก็คือ คู่ต่อสู้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เท่านั้น เลยเป็นเหตุให้การต่อสู้ที่กำลังดำเนินขึ้นในไม่ช้านี้ น่าจับตามองมากทีเดียว
สปอร์ทแมน เจมส์ลุกขึ้นหลังจากนั่งยืดกล้ามเนื้ออยู่หลายนาที ก้าวเดินไปหาเฮอมิต ใหญ่ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าแน่วแน่
สู้คราใดต้องปราชัย เชนและเกมมาสเตอร์ แม็กกี้หันสบตากันวูบหนึ่ง แล้วออกเดินไปหาป๊อกกี้ที่กำลังเดินเข้าหาทั้งสองเช่นกัน
ตอนนี้การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ใหญ่ยืนประจันหน้าเจมส์อยู่ทางด้านซีกขวาของโรงยิมสี่
แม็กกี้และเชนยืนจ้องมองพร้อมต่อสู้กับป๊อกกี้อยู่ทางด้านซีกซ้ายของโรงยิมสี่
แต่ยังไม่มีใครเข้าต่อสู้ทันที เพราะพวกเขากำลังรอสัญญาณจากผู้หนึ่งอยู่
จักรพรรดิ ปรีก้าวเดินมาอยู่บริเวณส่วนกลางของโรงยิมสี่ พร้อมพูดขึ้นว่า
“เริ่มต่อสู้ได้!!”
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทความวุ่นวายในประจิม] - ตอนที่ 27 : ปะทะกันเอง (1)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=====================================================================================
ตอนที่ 27 : ปะทะกันเอง (1)
ในที่สุดพวกเขาก็ต้องสู้กัน
เฮอมิต ใหญ่เดินไปนัดต่อสู้กับสปอร์ทแมน เจมส์ด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกับสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม แม้แม็กกี้จะไม่ได้มาด้วย แต่เชนก็นัดป๊อกกี้มาพูดคุย เพื่อนัดต่อสู้สะสาง
ซึ่งทั้งสองคู่นัดต่อสู้ในช่วงเวลาและสถานที่เดียวกัน
นั่นคือ วันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน ที่โรงยิมสี่
โดยในการต่อสู้ทั้งสองคู่นี้ไม่ได้ประกาศหรือบอกกล่าวให้นักเรียนประจิมสวัสดิ์ทุกคนได้รับรู้ ผู้ทราบข่าวมีเพียงผู้เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าจักพรรดิ ปรีกับเสนาธิการ เจก็ทราบเรื่อง
ใหญ่และเชนมาบอกกับปรีด้วยตัวเองหลังจากที่นัดกับคู่ต่อสู้แล้ว แต่เนื่องจากเขามาบอกด้วยตัวเอง ทำให้รินคู่หมั้นของจักพรรดิหนุ่มที่อยู่ด้วยรับรู้ เธอจึงบอกว่าจะมาดูการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย
พอถึงวันรุ่งขึ้น ดูเหมือนผู้ที่ทราบเรื่องการต่อสู้นี้คล้ายจะเก็บอาการไม่อยู่ เรียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเจก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน
“พวกเขาต้องสู้กันสู้จริง ๆ หรือนี่” เจถามฟ้าขณะที่กำลังเรียนคาบสุดท้ายอยู่ในห้อง
ถ้ายังจำกันได้ ฟ้า แฟนสาวของใหญ่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจ
เธอตอบว่า “คงงั้นแหละเจ ...ฉันถามพี่ใหญ่แล้ว เค้าบอกว่า ยังไงก็ต้องสู้”
“เหรอ... ทำไมต้องสู้กันเองด้วย”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้” ฟ้าตอบเสียงใส “ฉันไม่อยากให้พี่ใหญ่สู้หรอก แถมสู้กับเจมส์ด้วย จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ”
ดูเธอเป็นห่วงใหญ่มากทีเดียว
“ฉันก็ขอให้จบลงด้วยดี ไม่มีใครเป็นอะไรเท่าไหร่” เจบอก หน้าตายังมีอาการกังวลอยู่
“อย่ากังวลไปเลย” ปรีพูดขึ้นบ้าง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างกับทั้งสอง
“แต่ทำไงได้ล่ะ ดูเหมือนแต่ละคนจะเอาจริงมากทีเดียว”
“อืม... ก็ช่างมันเถอะ” ปรีบอก “นายจำที่ท่านลุงบอกได้มั้ย ..นายเชื่อมั่นเถอะ”
“อือ” เจพยักหน้ายอม ๆ ไป แต่อาการกังวลยังไม่จางหายไปด้วย
และแล้วคาบเรียนสุดท้ายนี้ก็จบลง
ฟ้า ปรี และเจไม่รอช้า เมื่ออาจารย์จบการสอน พวกเขารีบเก็บข้าวของอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมพร้อมมุ่งไปที่แห่งหนึ่ง
สถานที่ที่ทั้งสามไปย่อมเป็นโรงยิมสี่
ที่โรงยิมสี่ ตอนนี้มีผู้คนมาอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว
จักรพรรดิ ปรี เสนาธิการ เจ อัจฉริยะที่สอง แอล และฟ้า แฟนสาวใหญ่ เหล่านักเรียนสายวิทย์–คณิตมาอยู่ที่นี่แล้ว
บุรุษสองร่าง เร ยักษ์วัดแจ้ง เอก ยักษ์วัดโพธิ์ บิ๊ก แห่งสายศิลป์ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
รวมทั้งริน สาวสวยผมหยิกคู่หมั้นปรีก็อยู่ด้วย เนื่องจากเธอทราบข่าวเมื่อวาน จึงอยากมาชมการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน
โดยการต่อสู้ครั้งนี้มีผู้ทราบเรื่องเพียงไม่กี่คน และไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก ผู้มาชมจึงมีเพียงเท่านี้
แต่ว่าผู้ต่อสู้ทั้งหมดกลับยังไม่มีใครมาเลย
“ใครจะชนะเหรอ?” รินเอ่ยถามปรีที่อยู่ข้าง ๆ
แน่นอนว่าเธอต้องเกาะแกะปรีอยู่แล้ว
“ไม่รู้” ปรีส่ายหน้า “ยังบอกไม่ได้หรอก แถมแต่ละคนก็ไม่มีใครเคยต่อสู้กันด้วย”
“อืม...นะ” รินยิ้ม แล้วหันไปทางหนุ่มบนรถเข็น “แอลล่ะ คิดว่าใคร?”
แอลนิ่งมองริน แล้วค่อยตอบ “ยังดูยาก ...แต่ฉันว่าคู่เจมส์กับใหญ่ คนชนะน่าจะเป็นใหญ่มากกว่า เพราะมีฝีมือสูง แข็งแกร่ง แถมเป็นจอมวางแผน ทั้งยังปราบซ่อนดาบในรอยยิ้ม ชา ห้าผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพาได้อีก เขาจึงน่าจะชนะมากกว่า”
“งั้นเหรอ...” หญิงสาวมอง “คู่แรกรินตัดสินไม่ได้นะ แต่อีกคู่รินเชียร์เชน เพราะเขามีฉายาว่า สู้คราใดต้องปราชัย เลยอยากให้เชนชนะบ้าง”
“อืม” แอลพยักหน้าคิดตาม “ก็อาจเป็นไปได้ คู่นั้นสองต่อหนึ่ง ฝ่ายสองย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว”
สักพักก็มีผู้ต่อสู้คนแรกเปิดประตูโรงยิมสี่เข้ามา
คนผู้นี้คือ ชายร่างสูงโปร่ง ไว้ผมทรงสกินเฮดแบบหนา เขาคือ สี่ขุนพลแห่งสายพละ สปอร์ทแมน เจมส์นั่นเอง
เจมส์ในวันนี้ดูพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้มากทีเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นที่เอาชนะใหญ่อย่างเห็นได้ชัด เขาสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้ออาดิดาสมาด้วย
“ยังไม่มีใครมาอีกหรือ..” เจมส์พูดขึ้น พลางหันมองผู้มาชมทุกคน ชูกำปั้นให้ทั้งหมดเห็น “พวกนายรอดูละกัน ฉันชนะแน่”
เขากล่าวอย่างมั่นใจ แล้วเดินไปทางมุมหนึ่งของโรงยิมสี่ ยืดกล้ามเนื้อวอร์มอัพเพื่อเตรียมพร้อม
ถัดมาก็มีผู้ต่อสู้มาถึงอีกคน
คนผู้นี้สวมหมวกหันกลับหลัง คาบขนมปังแท่งยี่ห้อหนึ่ง
แน่นอนว่า เขาคือ ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์ สี่ขุนพลแห่งสายศิลป์
หนุ่มหน้าหวานแห่งศิลป์-คำนวณหันมองผู้ชมทุกคน ฉีกยิ้มให้ แล้วเดินไปหาบุรุษสองร่าง เร
“พี่เชนกับพี่แม็กกี้ยังไม่มาอีกเหรอ?” ป๊อกกี้ถามขึ้น
“ยังนะ” เรบอก
“ครับ” ป๊อกกี้พยักหน้ารับ
“พยายามเข้านะป๊อกกี้” เรพูดขึ้นต่อ “แม้นายจะเป็นสี่ขุนพลแล้ว แต่ก็ประมาทสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมไม่ได้”
“ใช่” ยักษ์วัดแจ้ง เอกสนับสนุน “เชนกับแม็กกี้ถ้าร่วมมือ ร้ายกาจมากทีเดียว”
“สู้เต็มที่ละกัน” ยักษ์วัดโพธิ์ บิ๊กพูดบ้าง “อย่าให้เสียฉายา ผู้ฆ่ายักษ์ ที่เอาชนะพวกเราได้”
“แน่นอน” ป๊อกกี้ยิ้มให้ทั้งสาม จากนั้นก็ก้าวเดินหาปรีต่อ
“ไงป๊อกกี้” ปรีเอ่ยทัก
“ครับ พี่ปรี”
“มีอะไรหรือ?”
“เตรียมพร้อมไว้ด้วยนะครับ พี่เจก็ด้วย” ป๊อกกี้หันมองทั้งสอง
“เตรียมพร้อม?” เจทวนคำ “ทำไมล่ะ?”
“หึ...” หนุ่มหน้าหวานไม่ตอบ “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เขาเดินไปอีกมุมหนึ่ง เป็นคนละมุมกับเจมส์
แต่เหตุใดป๊อกกี้ถึงบอกให้ปรีกับเจเตรียมพร้อม เขาเป็นคนต่อสู้เองไม่ใช่หรือ?
ป๊อกกี้ทรุดตัวนั่งตรงมุมนั้น รอคอยคู่ต่อสู้ของตนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ดังนั้น ตอนนี้ผู้ที่ต่อสู้ก็เหลือเพียงเหล่านักเรียนสายอุตสาหกรรมทั้งสามคน นั่นคือ สี่ขุนพลของสายอุตสาหกรรม เฮอมิต ใหญ่ และสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรม เชนกับแม็กกี้
เจดูจะตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่ใกล้จะเริ่มขึ้นมาก ท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข จนจักรพรรดิปรีที่อยู่ข้างกายต้องพูดขึ้น
“ใจเย็น ๆ น่าเจ”
“อือ” เจพยักหน้ารับ แต่ก็ยังมีอาการเช่นเดิม “ก็อยากจะใจเย็นนะ แต่มันรู้สึกลุ้นอย่างไงบอกไม่ถูก เพราะคราวนี้เป็นการต่อสู้กันเองของโรงเรียนเรา แถมเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยสู้กันด้วย”
“อืม... พอเข้าใจ”
“แล้วทำไมป๊อกกี้ถึงบอกให้ฉันกับนายต้องเตรียมพร้อมด้วยล่ะ?”
ปรีนิ่งมองหนุ่มร่างเล็ก “คงจะให้เราเตรียมพร้อมดูการต่อสู้ของเขาล่ะมั้ง”
“เหรอ...” เจนิ่งคิดวูบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นต่อ “จงเชื่อมั่นที่นายว่า มันหมายความว่าไง?”
“ก็ให้เชื่อมั่นไง” ปรีพูดสวนทันที “อย่างที่ท่านลุงบอกแหละ เชื่อมั่นในโรงเรียนของเรา เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในเพื่อน”
“เอ่อ ไม่เข้าใจ”
“เออ เอาเถอะ สักพักก็เข้าใจเอง ตอนนี้เราทำได้แค่จับตาดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้”
“อือ”
ไม่นานสามหนุ่มนักเรียนของสายอุตสาหกรรมก็เดินทางมาถึงที่นี่ นำมาโดยใหญ่ สี่ขุนพลแห่งสายอุตสาหกรรม ที่ขนาบข้างมาด้วยเชนทางเบื้องขวา และแม็กกี้ทางเบื้องซ้าย
ฤาษีหนุ่มหันมองผู้อยู่ที่นี่ทุกคน แต่ก็ไม่พูดอะไร เพียงก้าวเดินต่อไปเท่านั้น
แต่น่าแปลก คราวนี้ใหญ่กลับไม่ได้คาบบุหรี่อย่างเคย กลับเดินมาด้วยปากอันว่างเปล่า
นี่แสดงว่า เขาเอาจริงตั้งแต่แรกเลยหรือ เพราะว่ากันว่าถ้าใหญ่คายบุหรี่ออกจากปากเมื่อไหร่ เมื่อนั่นก็คือการเอาจริงของเขา
เชนที่อยู่ทางเบื้องขวาของใหญ่สีหน้าดูเคร่งเครียดอย่างยิ่ง แต่ก็แฝงด้วยแววตาแน่วนิ่งพร้อมลุยเสมอ
ผิดกับแม็กกี้ที่อยู่ทางเบื้องซ้ายของใหญ่ เขาไม่มีทีท่าโกรธเกรี้ยวดุร้ายอย่างเช่นตอนเกิดเรื่องแล้ว กลับมายียวนขี้เล่นตามประสาเดิม
เมื่อทั้งสามเดินผ่านผู้คนที่ยืนรอ แม็กกี้ก็เอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน” เขากล่าวราวกับตัวเองเป็นโฆษกสนาม แล้วหันไปพูดกับแอลต่อ “ไงครับคุณพี่แอล คิดว่าคู่ผม ใครจะชนะเหรอ?”
“ยังไม่แน่” หนุ่มบนรถเข็นตอบเสียงเรียบ “นายกับเชนก็มีสิทธิ์ชนะเหมือนกัน”
“โอ้... เชียร์ผมด้วยรึ” แม็กกี้ยิ้ม “ขอบคุณนะครับคุณพี่แอล”
ซึ่งในช่วงนี้ใหญ่กับเชนก็คุยกับปรีบ้าง
“ปรี.. นายได้ดูฉันสู้อีกแล้วนะ” ใหญ่บอก
“อืม...” ปรีพยักหน้ารับ “ถือว่าคุ้มนะ เพียงเดือนเดียวได้ดูนายสู้ถึงสองครั้ง”
ใหญ่มองหนุ่มผมหยิกผู้เป็นจักรพรรดิ พูดขึ้นต่อ “นายเองก็เหมือนกันล่ะ ..ไม่ค่อยได้สู้เท่าไหร่ ระวังตำแหน่งจักรพรรดิจะสั่นคลอนล่ะ”
“ขอบใจที่เป็นห่วง”
“เอ่อ ก่อนจะต่อสู้ ฉันมีอะไรจะบอกนายอย่างหนึ่ง ตั้งใจฟังนะ”
“อะไรล่ะ?”
“แอลก็ฟังด้วยนะ คือการต่อสู้ในครั้งนี้ฉันเอาจริง คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นหรอก ทำเต็มฝีมือเลย เรื่องนี้ต้องให้จบลง ทั้งนี้คงจะหวังได้ว่าพวกนายพอใจ หมดทุกอย่าง เขาว่ากันว่า ไม่ค่อยได้สู้ ใช่ว่าจะไม่เก่งกาจขึ้น ตัวเราต้องพร้อมเสมอ จริงแท้แน่นอน ส่วนเรื่องอื่นนั้นไม่ว่าจะเป็น การปกครอง ต่อรอง สู้รบ นี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป็นเพียงเรื่องประกอบ แผนการก็เช่นเดียวกัน ของแท้มันอยู่ที่ เราเท่านั้น” ใหญ่พูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นอย่างมุ่งมั่น
ปรีเงียบฟังอย่างตั้งใจ คล้ายทบทวนสิ่งที่ใหญ่พูดทั้งหมด
แต่สิ่งที่ใหญ่พูดมามันค่อนข้างชอบกล เว้นช่วงการพูดแปลก ๆ ไม่ค่อยถูกต้องนัก เหตุใดเขาถึงพูดจาในลักษณะเช่นนี้
จักรพรรดิผมหยิกมองหน้าฤาษีหนุ่ม พูดขึ้นมาว่า “อืม... ไงก็เต็มที่นะ”
“อยู่แล้ว นายก็เตรียมตัวไว้ละกัน”
ใหญ่ตอบ ค่อยหันมองฟ้าที่อยู่ไม่ห่างปรี คลี่ยิ้มให้ ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบ พูดกับใหญ่เล็กน้อย แต่ไม่นานฟ้าก็ต้องออกจากโรงยิมไป ไม่ทันได้ดูใหญ่ต่อสู้ เพราะว่ามีโทรศัพท์เข้ามาให้กลับไปทำธุระที่บ้านโดยด่วน เธอจึงต้องออกไปอย่างขัดขืนไม่ได้ ซึ่งก็ไม่เป็นไรสำหรับใหญ่ เพราะฟ้าได้พูดให้กำลังใจก่อนจะออกไปแล้ว
จากนั้นฤาษีหนุ่มก็ก้าวเดินออกไปอีกมุม เป็นมุมตรงข้ามกับเจมส์ เชนก็เหมือนกัน เขากับแม็กกี้ก้าวเดินไปทางมุมหนึ่งด้านตรงข้ามกับที่ป๊อกกี้อยู่
ในที่สุดผู้ต่อสู้ทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้แต่ละคนจึงเตรียมพร้อม เพื่อรอการต่อสู้
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการต่อสู้ที่จัดขึ้นมาของทั้งหมดเอง จึงไม่มีกรรมการช่วยตัดสินผลแพ้ชนะ ซึ่งผลการแพ้ชนะที่ทั้งหมดต้องการก็คือ คู่ต่อสู้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เท่านั้น เลยเป็นเหตุให้การต่อสู้ที่กำลังดำเนินขึ้นในไม่ช้านี้ น่าจับตามองมากทีเดียว
สปอร์ทแมน เจมส์ลุกขึ้นหลังจากนั่งยืดกล้ามเนื้ออยู่หลายนาที ก้าวเดินไปหาเฮอมิต ใหญ่ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าแน่วแน่
สู้คราใดต้องปราชัย เชนและเกมมาสเตอร์ แม็กกี้หันสบตากันวูบหนึ่ง แล้วออกเดินไปหาป๊อกกี้ที่กำลังเดินเข้าหาทั้งสองเช่นกัน
ตอนนี้การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ใหญ่ยืนประจันหน้าเจมส์อยู่ทางด้านซีกขวาของโรงยิมสี่
แม็กกี้และเชนยืนจ้องมองพร้อมต่อสู้กับป๊อกกี้อยู่ทางด้านซีกซ้ายของโรงยิมสี่
แต่ยังไม่มีใครเข้าต่อสู้ทันที เพราะพวกเขากำลังรอสัญญาณจากผู้หนึ่งอยู่
จักรพรรดิ ปรีก้าวเดินมาอยู่บริเวณส่วนกลางของโรงยิมสี่ พร้อมพูดขึ้นว่า
“เริ่มต่อสู้ได้!!”
(มีต่อครับ)