เอี้ยก้วย ผู้ถ่ายทอด เก้ากระบี่เดียวดาย ของมารกระบี่แสวงพ่าย

หนึ่ง  เอี้ยก้วย  ท่องเคล็ดกระบี่ช้วนจินก่า  ต่อมา  ได้เรียนกระบี่สุรางคนางค์ที่ลิ้มเฉียวเองบัญญัติเพื่อทำลายกระบี่ช้วนจินก่า  ต่อมา  ได้รับทราบว่ามีเพลงกระบี่นี้ที่คิดค้นโดยปรมาจารย์ลิ้มเฉียวเอง ต้องใช้ร่วมกันกับกระบี่ช้วนจินก่า  เรียกว่า กระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุทธฺิ์  บทบรรยายมาถึง  การคิดกระบวนท่ากระบี่และทำลายกระบวนท่ากระบี่

สอง  เอี้ยก้วยได้รับทราบกระบวนท่าและใช้กระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัข  และการคิดทำลายท่าไม้เท้าตีสุนัขของฮาวเฮียงฮง ท่าสุดท้าย กว่าฮาวเฮียงฮงจะคิดท่าไม้เท้าอสรพิษเพื่อทำลายกระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัขท่าสุดท้าย  ต่อมา  อึ้งย้งถ่ายทอดของกระบวนท่าอันพิศดารของไม้เท้าตีสุนัข  ความสำเร็จของเอี้ยก้วยกับไม้เท้าตีสุนัขมีอยู่ถึงเจ็ดส่วนแล้ว  อึ้งย้งว่า อีก สี่ส่วน  (รวมเป็น 11 ขั้น)  ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและความเข้าใจยิ่งขึ้นไปอีก  (ไม้เท้าตีสุนัข  พิศดารสุดพลิกแพลง  มีเคล็ดมาก  แต่เอี้ยก้วยหัวไว  บอก 1 ได้ 3  บอก 3 ได้ 7)

สาม  เอี้ยก้วย  เคยคิดว่า  จะหลอมทุกวิชาที่เรียนรู้มาเป็นของตัว  (ลองฝึกฝนหลอมรวมวิชาอยู่เวลา 7 วัน)  แต่เนื่องจากมีภารกิจ  จึงคิกว่าตอนนี้ยังคิดไม่ออก  แต่หาก  เจอคู่ต่อสู้  ก็ใช้ตามสถานการณ์  (ที่มาของ  หากศัตรูมีร้อยกระบวนท่าเก้ากระบี่ก็มีร้อยกระบวนท่า  )

สี่  ภายหลังถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง  หมายความว่า สรรพวิชาที่ฝึกมาทั้งหมด  ไปต่อไม่ได้  เพราะแขนขาด  โชคดีมาพบพี่อินทรีย์วิเศษกับสุสานกระบี่ของมารกระบี่แสวงพ่าย  เท่ากับคนอ่านได้คำตอบว่า  แขนขาดแล้วจะไปยังไง

ตรงนี้  บทประพันธ์อธิบายสั้นๆ  แต่มันรวบรัดว่า  เอี้ยก้วยไม่ต้องไปคิดกระบวนท่าอะไรแล้ว  เพราะแขนเหลือข้างเดียว  และที่ฝึกฝนและชำนาญมาทั้งชีวิต  คือ  วิชากระบี่  ประกอบกับเคยสู้กับกิมลุ้นมาหลายครั้ง  เคยใช้กระบี่คมและไม้เท้าตีสุนัข  สู้กับกิมลุ้นที่มีพลังปราณใกล้เคียงก้วยเจ็งและมีอาวุธคือจักรทอง
แนวทางกระบี่  เป็นแนวทางใช้ท่าสามัญเรียบง่าย  แต่ทรงพลัง  (แนวทางคิดได้จากรอยกระบี่ที่เหลือในสุสาน  กับแนวทางการฝึกในน้ำตก  ทะเล) แต่ที่บทประพันธืไม่กล่าว  แต่ตีความไปถึงได้ คือ เอี้ยก้วยมีความรู้เชิงกระบี่  และกระบวนท่าที่ลึกซึ้งมากแล้ว  เพราะผ่านการศึกษากระบวนท่าพิศดารอย่างไม้เท้าตีสุนัข  (ตอนผมอ่านน่ะ  ตอนแรกแขนขาดแล้วจะเอาไรไปชนะกิมลุ้น  พอมาฝึก  แรง  อย่างเดียวกับท่าแทงกระบี่ธรรมดา  ท่าฟาดกระบี่ธรรมดา  จะชนะได้ยังไง  ยังงงอยู่)  แต่นึกย้อนว่า  เอี้ยก้วยผ่านประสบการณ์กระบวนท่าพิศดาร  และการคิดทำลายท่าพิศดาร  ถึงสองรอบใหญ่  ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญ  (ตอนยาจกอุดร  กับพิษประจิมตีกัน  เรานึกว่าจะได้วิชาทั้งคู่ ปรากฎได้แค่กระบวนท่า ที่มาทำลายล้างกัน)  เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีมรรคผลอะไรกับเอี้ยก้วยเลย  นอกจากมาเรียนต่อกับอึ้งย้ง  และก็แพ้กิ้มลุ้นอยู่ดี  แต่เหตุการณ์นี้  ถือ  เป็นเหตุการณ์สำคัญกว่า  กระบี่สุราวคนางค์ทำลายกระบี่ช้วนจินก่า  เพราะมันเห็นการคิดทำลายกระบวนท่า  

นี่คือ  ที่มาของ  มีกระบวนท่าย่อมถูกทำลายได้  (เก้ากระบี่เดียวดาย  เป็นเคล็ดทำลายกระบวนท่า)

เอี้ยก้วย  มองกระบวนท่าต่างๆ  ทุกกระบวนเป็นสิ่งที่ถูกทำลายได้ด้วย  ท่ากระบี่ที่เรียบง่าย  สามัญ  (แต่แรง   เพราะศัตรูที่ตามล้างตลอดคือกิมลุ้นที่มีอาวุธหนัก คือ จักร  กับลมปราณพลังปัญญาปารมีคชสาร(แรงหยังกับช้างกระมัง) ขั้น ๗  เป็นต้นไป  แม้จะดูง่อยถ้าเทียบบารมีพระเอกอย่างก้วยเจ็ง  แต่ตามบทพลังปราณแก่กร้าวแกร่งกว่าทุกผู้คนจริง  เพียงแต่วิชายุทธน่าจะด้อยกว่าเค้า(พวกก้วยเจ็ง จิวแป๊ะทง)ครึ่งขั้น)

เอี้ยก้วยฝึกกับพี่อินทรีย์อยู่ 1 เดือน ก็ขึ้นมาและช่วยเซียวเหล่งนึ่ง  ตอนนั้น  พลังปราณน่าจะยังดอยกว่ากิ้มลุ้น  แต่กระบี่เหล็กนิลดำมันทำลายจักรได้  เลยชนะ  (ซึ่งคงไม่ใช่ความแรงและหนักอย่างเดียว  แต่เอี้ยก้วยมองขาดกระบวนท่าด้วย  จึงใช้กระบี่ออกไปทำลายท่าอาวุธของกิมลุ้นด้วย)

ประการที่  ห้า  บทประพันธ์มีกล่าวถึงเอี้ยก้วยว่า  1  ความเข้าใจในกระบี่ของเอี้ยก้วย  บรรลุถึงที่สุดแล้ว  ต่อให้ต๊กโก้วคิ้วป้ายฟื้นชีวิตมา  ก็ไม่อาจสอนไปมากกว่านี้ได้แล้ว  (สรุป คือ คำกล่าวมันย่อมรวมไปถึง  วิชากระบี่  ทุกชนิด)  ตอนท้ายที่สู้กับกิมลุ้น บทจึงว่า  ถ้าพากระบี่เหล็กนิลดำมาด้วย  คงไม่ลำบากถึงเพียงนี้ (ต้องสู้กับกิมลุ้นเป็น 100 กระบวนท่าขึ้นไปเลย)  2  ก่อนหน้านั้น  บอกว่า  แม้ไม่ได้เรียนกับต๊กโก้วคิ้วป้าย  แต่การฝึกฝนแนวทางกระบี่ ต่างๆ  ที่สุสานกระบี่  ทำให้เอี้ยก้วย  บรรลุขอบเขตกระบี่ของต๊กโก้วคิ้วป้ายอย่างใกล้เคียงแล้ว

ดังนั้น  จึงจินตนาการได้  ต่อมา  เมื่อเอี้ยก้วยถามเซียวเหล่งนึ่งว่า  ท่านอาอยู่ในหุบเขาไร้รักวิชาฝีมือก้าวหน้าขึ้นหรือไม่  (คือสองคนนี้  อยู่กันแบบศิษย์อาจารย์กันตลอด  สอนวิชากันมาตลอด)  แล้วพอจบภาคก็ไปก็น่าจะไปอยู่เขาอยู่ถ้ำ  

ต่อมา  ปรากฏสาวชุดเหลือง  ในภาคดาบมังกรหยก  อยู่ถ้ำซึ่งกิ้มย้งว่าเป็นรุ่นที่ 4  

จึงมโนได้ว่า  เนื่องจากเซียวเหล่งบรรลุวิชาแค่นั้น  กระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์  และสองมือขัดแย้ง  แต่เอี้ยก้วยน่าจะเล่าเคล็ดหัวใจของแนวทางการฝึกให้เซียวเหล่งนึ่ง (คิดว่าน่าจะอายุยืนกัน  อยู่ว่างๆ  น่าจะถกวิชากันอีก)  สำหรับเซียวเหล่งนึ่ง  ที่ไม่ได้โชคอันประเสริฐอย่างเอี้ยก้วยที่ได้ทานดีงูวิเศษ  (คล้ายนาค)ที่พี่อินทรีย์เอามาให้ทาน  เอี้ยก้วยน่าจะถกเรื่องกระบี่กับท่านอา  จนรื้อฟื้น  เคล็ดกระบี่เก้าเดียวดาย  ของต๊กโก้วคิ้วป้าย มาจนได้  (ถ้าจะว่ามีศิษย์อื่นของต๊กโก้วคิ้วป้าย ได้คัมภีรืจากต๊กโก้ว..  ไม่น่าจะเป็นไปได้  เพราะถ้ามีวิชาตกทอดก็น่าจะถ่ายทอดมากู้ชาติกัน  และถ้ามีแต่ฝึกไม่สำเร็จ  ก็ต้องได้ยินชื่อของเอี้ยก้วย  ว่ามีกระบี่ของอาจารย์ตน  จะไม่มาถามไถ่หรือเยี่ยมคำนับสุสานกระบี่เลยรึ)

คิดเห็นยังไงบ้างครับ  มโนล้วนๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
วิชาเก้ากระบี่เดียวดายนั้น ถูกอ้างถึงหลายเรื่อง ถ้าจะให้ว่ากันตามจริง อาจะนับได้ว่า เอี้ยก้วย ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นทายาทของเค้าเนื่องจากได้พบหลุมศพพร้อมกระบี่ครบชุด ตั้งแต่กระบี่คมกริบ กระบี่หนัก และกระบี่ไม้ และยังได้ฝึกฝนเพื่อเพิ่มกำลังภายในด้วยแนวทางเดียวกันจากการแนะนำของอินทรีอีกด้วย แต่เอี้ยก้วยไม่ได้ฝึกท่ากระบี่ นั่นแปลว่ากระบวนท่าและเคล็ดวิชาทั้งหลายเอี้ยก้วยสะสมจากประสบการณ์แล้วคิดเองใหม่หมด ส่วนกำลังภายในเกือบทั้งหมดได้จากการรำกระบี่ในน้ำตก และในทะเล
แต่อินทรียักษ์จำวิธีที่ต๊กโกวคิ้วป่ายฝึกได้ จึงบังคับให้เอี้ยก้วยทำตาม โดยฝึกกระบี่ในน้ำป่า รุกรับกับอินทรียักษ์ แนวทางกระบี่เป็นการเน้นกำลังหนักหน่วง ซึ่งถูกกล่าวกันว่าเอี้ยก้วยคือผู้สืบทอด "เคล็ดวิชาสายลมปราณ"
ซึ่งต่างจากเก้ากระบี่เดียวดายของต๊กโกวคิ้วป่ายในกระบี่เย้ยยุทธจักรที่เน้นการพลิกแพลงกระบวนท่า ยิ่งคู่ต่อสู้เก่งกาจมากเพียงใด เพลงกระบี่ก็แสดงอานุภาพล้ำลึกพิสดารตามมากเพียงนั้น โดยว่ากันว่า "ฟงชินหยาง" คือผู้สืบทอด "เคล็ดวิชาสายกระบี่"ของตำนาน ผู้แสวงพ่ายท่านนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่