ประท้วงฝรั่งเศส : ม็อบเสื้อกั๊กเหลืองจี้มาครงลาออก ให้อดีต ผบ.สส. บริหารแทน
หญิงวัย 80 ปีต้องจบชีวิตลง หลังถูกกระป๋องแก๊สน้ำตาพุ่งเข้ากระแทกที่ใบหน้าของเธอขณะกำลังปิดหน้าต่าง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ขณะที่ล่าสุดนายกรัฐมนตรีเอดัวร์ ฟีลิป ของฝรั่งเศสประกาศว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะเลื่อนแผนการขึ้นภาษีน้ำมันที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า ออกไปเป็นเวลา 6 เดือน เป็นการบรรเทากระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง
หญิงรายนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง" พวกเขาประท้วงต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนพุ่งสูงขึ้น
หลังเกิดเหตุ เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ในระหว่างเข้ารับการผ่าตัด เธอเกิดอาการช็อค และเสียชีวิตในที่สุด
นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 4 จากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม "เสื้อกั๊กเหลือง" ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน โดยนัดชุมนุมกันทุกวันเสาร์
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า มีประชาชนราว 1.36 แสนคนเข้าร่วมการชุมนุมทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (2 ธ.ค.) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม "เสื้อกั๊กเหลือง" ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
แอน ฮิดาลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส บอกสื่อท้องถิ่นว่าการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านยูโร (ประมาณ 111-148 ล้านบาท)
ปธน.มาครง เรียกประชุมความมั่นคงฉุกเฉิน หลัง ม็อบ "เสื้อกั๊กเหลือง" บานปลายมาครงอัดม็อบ "เสื้อกั๊กเหลือง" น่าละอาย
โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ลาออก และให้ "ผู้บัญชาการตัวจริง" อย่าง พล.อ. ปิแอร์ เดอ วิลลิเยร์ เข้ามาบริหารประเทศแทน
สำหรับนายพลรายนี้เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารสุงสุดของฝรั่งเศสที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อ ก.ค. 2017 หลังเขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีรัฐบาลปรับลดงบประมาณ ของกองทัพลง 850 ล้านยูโร (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท) จนถูกนายมาครงซึ่งขณะนั้นเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีได้เพียง 2 เดือนตำหนิกลับว่า "ผิดหน้าที่" และบอกว่า "ผมคือผู้บังคับบัญชาของคุณนะ"
รัฐบาลรับมือ "กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง" อย่างไร
ประธานาธิบดีมาครงเรียกประชุมด้านความมั่นคงฉุกเฉินเช้าตรู่วันจันทร์ (3 ธ.ค.) ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนระบุว่าในขณะนี้ยังไม่มีทางเลือกใด ๆ ที่ถูกตัดออกจากการพิจารณา แต่ไม่มีการหยิบยกการประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งประเทศในการหารือครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสก็ได้พูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เมื่อวันจันทร์ด้วย
ผู้นำฝ่ายขวาอย่างมารีน เลอแปน ที่เข้าร่วมประชุมด้วยก็เอ่ยปากเตือนนายมาครงว่าเขาอาจเป็นประธานาธิบดีคนแรกของฝรั่งเศสที่ออกคำสั่งยิงปะทะประชาชนในรอบ 50 ปี เธอยังบอกด้วยว่านายมาครงควรจะเพิ่มภาษีน้ำมัน ลดค่าก๊าซและไฟฟ้า และยุติการแช่แข็งอัตราค่าแรงขั้นต่ำและบำนาญขั้นต่ำ
ส่วน บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้พบปะกับตัวแทนภาคธุรกิจเพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจจากเหตุการณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
"ผลกระทบเกิดขึ้นในวงกว้างและยังดำรงอยู่" เลอ แมร์ กล่าวกับเอเอฟพี
ผู้ค้าปลีกบางรายพบว่ายอดจำหน่ายสินค้าลดลงร้อยละ 20-40 ระหว่างการชุมนุม ขณะที่ร้านอาหารบางแห่งต้องสูญเสียรายได้ไปถึงร้อยละ 20-50
กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองมีสัญญาณยุติการชุมนุมหรือไม่
การชุมนุมกลับมาดำเนินการต่อในวันจันทร์ เมื่อกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองราว 50 คนนั่งปิดกั้นคลังน้ำมันหลักที่ท่าเรือ Fos-sur-Me ใกล้เมืองมาร์เซย์ ซึ่งทำให้สถานีบริการน้ำมันทั้งประเทศไม่มีน้ำมันจัดจำหน่าย
บรรดานักเรียนระดับมัธยมศึกษากว่า 100 แห่งทั่วประเทศจัดการชุมนุมต่อต้านแผนปฏิรูปการศึกษาและการสอบ และในวันเดียวกัน พนักงานขับรถฉุกเฉินก็จัดการชุมนุมเพื่อคัดค้านมาตรการปฏิรูปสวัสดิการสังคมและประกันสุขภาพ ซึ่งพวกเขาระบุว่ามันอาจส่งกระทบต่อการให้บริการของพวกเขา
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มนักเรียนและพนักงานขับรถฉุกเฉินจัดวางตัวเองเป็นพันธมิตรของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองหรือไม่
ชนวนเหตุประท้วงเกิดจากอะไร
ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000
ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ก่อนร่วงลงมา แต่รัฐบาลนายมาครงได้ปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตรสำหรับเบนซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ใช้เชื้อเพลิงสะอาด
การตัดสินใจขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2019 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วง ทว่าประธานาธิบดีมาครงกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3
โดยการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 300,000 คน
ทำไมต้อง "เสื้อกั๊กเหลือง"
ผู้ขับขี่รถทุกคนในฝรั่งเศสต้องพกเสื้อกั๊กสีเหลืองไว้ในรถของตน เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีกรวยสามเหลี่ยมสีแดงที่ต้องวางไว้ด้านหลังรถที่เกิดเสียขึ้นมากลางทาง และถ้าพลขับจะลงจากตัวรถก็ต้องสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วย
การไม่สวมใส่เสื้อกั๊กหลังรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (ประมาณ 5,064 บาท) ตามกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ในปี 2008
https://www.bbc.com/thai/international-46436059
https://www.thaipost.net/main/detail/23682
ไปๆมาๆจะมาเลียนแบบประเทศไทย...
⏳⏳~มาลาริน~โลกนี้ยิ่งดูยิ่งดูยอกย้อน...ประชาชนฝรั่งเศสประท้วงเรียกร้องให้ทหารมาบริหารประเทศแทนมาครง
ประท้วงฝรั่งเศส : ม็อบเสื้อกั๊กเหลืองจี้มาครงลาออก ให้อดีต ผบ.สส. บริหารแทน
หญิงวัย 80 ปีต้องจบชีวิตลง หลังถูกกระป๋องแก๊สน้ำตาพุ่งเข้ากระแทกที่ใบหน้าของเธอขณะกำลังปิดหน้าต่าง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ขณะที่ล่าสุดนายกรัฐมนตรีเอดัวร์ ฟีลิป ของฝรั่งเศสประกาศว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะเลื่อนแผนการขึ้นภาษีน้ำมันที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า ออกไปเป็นเวลา 6 เดือน เป็นการบรรเทากระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง
หญิงรายนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง" พวกเขาประท้วงต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนพุ่งสูงขึ้น
หลังเกิดเหตุ เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ในระหว่างเข้ารับการผ่าตัด เธอเกิดอาการช็อค และเสียชีวิตในที่สุด
นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 4 จากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม "เสื้อกั๊กเหลือง" ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน โดยนัดชุมนุมกันทุกวันเสาร์
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่า มีประชาชนราว 1.36 แสนคนเข้าร่วมการชุมนุมทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (2 ธ.ค.) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม "เสื้อกั๊กเหลือง" ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
แอน ฮิดาลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส บอกสื่อท้องถิ่นว่าการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านยูโร (ประมาณ 111-148 ล้านบาท)
ปธน.มาครง เรียกประชุมความมั่นคงฉุกเฉิน หลัง ม็อบ "เสื้อกั๊กเหลือง" บานปลายมาครงอัดม็อบ "เสื้อกั๊กเหลือง" น่าละอาย
โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ลาออก และให้ "ผู้บัญชาการตัวจริง" อย่าง พล.อ. ปิแอร์ เดอ วิลลิเยร์ เข้ามาบริหารประเทศแทน
สำหรับนายพลรายนี้เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารสุงสุดของฝรั่งเศสที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อ ก.ค. 2017 หลังเขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีรัฐบาลปรับลดงบประมาณ ของกองทัพลง 850 ล้านยูโร (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท) จนถูกนายมาครงซึ่งขณะนั้นเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีได้เพียง 2 เดือนตำหนิกลับว่า "ผิดหน้าที่" และบอกว่า "ผมคือผู้บังคับบัญชาของคุณนะ"
รัฐบาลรับมือ "กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง" อย่างไร
ประธานาธิบดีมาครงเรียกประชุมด้านความมั่นคงฉุกเฉินเช้าตรู่วันจันทร์ (3 ธ.ค.) ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนระบุว่าในขณะนี้ยังไม่มีทางเลือกใด ๆ ที่ถูกตัดออกจากการพิจารณา แต่ไม่มีการหยิบยกการประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งประเทศในการหารือครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสก็ได้พูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เมื่อวันจันทร์ด้วย
ผู้นำฝ่ายขวาอย่างมารีน เลอแปน ที่เข้าร่วมประชุมด้วยก็เอ่ยปากเตือนนายมาครงว่าเขาอาจเป็นประธานาธิบดีคนแรกของฝรั่งเศสที่ออกคำสั่งยิงปะทะประชาชนในรอบ 50 ปี เธอยังบอกด้วยว่านายมาครงควรจะเพิ่มภาษีน้ำมัน ลดค่าก๊าซและไฟฟ้า และยุติการแช่แข็งอัตราค่าแรงขั้นต่ำและบำนาญขั้นต่ำ
ส่วน บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้พบปะกับตัวแทนภาคธุรกิจเพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจจากเหตุการณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
"ผลกระทบเกิดขึ้นในวงกว้างและยังดำรงอยู่" เลอ แมร์ กล่าวกับเอเอฟพี
ผู้ค้าปลีกบางรายพบว่ายอดจำหน่ายสินค้าลดลงร้อยละ 20-40 ระหว่างการชุมนุม ขณะที่ร้านอาหารบางแห่งต้องสูญเสียรายได้ไปถึงร้อยละ 20-50
กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองมีสัญญาณยุติการชุมนุมหรือไม่
การชุมนุมกลับมาดำเนินการต่อในวันจันทร์ เมื่อกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองราว 50 คนนั่งปิดกั้นคลังน้ำมันหลักที่ท่าเรือ Fos-sur-Me ใกล้เมืองมาร์เซย์ ซึ่งทำให้สถานีบริการน้ำมันทั้งประเทศไม่มีน้ำมันจัดจำหน่าย
บรรดานักเรียนระดับมัธยมศึกษากว่า 100 แห่งทั่วประเทศจัดการชุมนุมต่อต้านแผนปฏิรูปการศึกษาและการสอบ และในวันเดียวกัน พนักงานขับรถฉุกเฉินก็จัดการชุมนุมเพื่อคัดค้านมาตรการปฏิรูปสวัสดิการสังคมและประกันสุขภาพ ซึ่งพวกเขาระบุว่ามันอาจส่งกระทบต่อการให้บริการของพวกเขา
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มนักเรียนและพนักงานขับรถฉุกเฉินจัดวางตัวเองเป็นพันธมิตรของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองหรือไม่
ชนวนเหตุประท้วงเกิดจากอะไร
ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000
ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ก่อนร่วงลงมา แต่รัฐบาลนายมาครงได้ปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตรสำหรับเบนซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ใช้เชื้อเพลิงสะอาด
การตัดสินใจขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2019 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วง ทว่าประธานาธิบดีมาครงกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 3
โดยการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 300,000 คน
ทำไมต้อง "เสื้อกั๊กเหลือง"
ผู้ขับขี่รถทุกคนในฝรั่งเศสต้องพกเสื้อกั๊กสีเหลืองไว้ในรถของตน เพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีกรวยสามเหลี่ยมสีแดงที่ต้องวางไว้ด้านหลังรถที่เกิดเสียขึ้นมากลางทาง และถ้าพลขับจะลงจากตัวรถก็ต้องสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วย
การไม่สวมใส่เสื้อกั๊กหลังรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 135 ยูโร (ประมาณ 5,064 บาท) ตามกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ในปี 2008
https://www.bbc.com/thai/international-46436059
https://www.thaipost.net/main/detail/23682
ไปๆมาๆจะมาเลียนแบบประเทศไทย...