ทริปนี้เกิดจากการมือลั่นจองตั๋วข้ามปีของ Air Asia ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว กรุงเทพ-หาดใหญ่ ไปกลับ 1000 นิดๆ สมาชิกทั้งหมด 4 คนถ้วน ไปค่ะ ลุยยยย

ป.ล.เราจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ตอนท้ายนะคะ

Day-1 วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2561
เราบินไฟล์ท 19.10 น.  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. ก็เดินทางมาถึงหาดใหญ่แล้วค่ะ
แพลนแรกที่เราจะไปกันก็คือ กินซาลาเปาโกอ้วน ค่ะ ไปค่ะ เรียก Grab ไปโลดดดด
แต่ แต่ ! พอไปถึงแล้วนั้น ต้องผิดหวังค่ะ ร้านปิด ฮือออออ T____________T
พวกเราเลยหาไรกินร้านข้างๆ แถวๆ นั้นแทนค่ะ
หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มจะหย่อนแล้ว ไปค่ะกลับที่พักกัน
คืนนี้เราพักกันที่ The Hive Hatyai Hostel จากร้านโกอ้วน สามารถเดินไปที่พักได้ประมาณ 15 นาที
เดินจนอาหารย่อยกันเลยทีเดียว 555555555


อยากบอกว่าที่พักโอเคมากๆ พนักงานก็น่ารักและดูแลดีมากๆ ค่ะ ใครไปหาดใหญ่ แนะนำที่นี่เลยจ้า
ที่พักมีห้องพักหลายแบบนะคะ แต่เราไปกัน  4 คนพอดี เลยได้นอนห้องเดียวกันหมดเลย และมีห้องน้ำในตัวเลยค่ะ

Day-2 วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561
วันนี้เราตื่นแต่เช้าไปกินติ่มซำ ร้านโชคดีแต่เตี้ยมกัน (ลืมบอกทางที่พักมีพวกขนมปัง ชา กาแฟ ให้ทานตอนเช้าด้วยนะคะ)
พวกเราไปถึงประมาณ 7 โมงคนเริ่มเยอะแล้ว แต่ทางร้านจัดสรรดีมากๆ รอไม่นาน ก็ได้ที่นั่งแล้วละค่ะ
อร่อยมากกกกกก สั่งกันมาเต็มโต๊ะ จนกินไม่หมด เสียดายยยย ><”

แพลนเที่ยววันนี้เราจะเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่-สงขลากันค่ะ เราจอง One Day Trip กับทางที่พักไว้
ทางที่พักมี Package อยู่ ซึ่งถ้าดูแพลนที่เค้าจัดแล้ว ไม่อยากไปอันไหน สามารถเปลี่ยนแปลงตามที่เราอยากไปได้ค่ะ
ที่แรกที่เราไปเลยคือสวนสาธารณะหาดใหญ่ ไปไหว้พระเพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนค่ะ
ที่นี่จะมีทั้งหมด 3 เขานะคะ เขาแรกจะเป็นองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เขาที่ 2 จะเป็นพระพุทธมงคลมหาราช (พระยืน)
และเขาที่ 3 จะเป็นท้าวมหาพรหมค่ะ

การขึ้นสามารถขึ้นได้หลายวิธีนะคะ จะขับรถขึ้นไปก็ได้ หรือจะขึ้นกระเช้าก็ได้ค่ะ

หลายๆคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าหาดใหญ่มีกระเช้าแบบนี้ด้วย ค่ากระเช้าไป-กลับ คนละ 100 บาทเท่านั้น
ให้ความรู้สึกเหมือนกระเช้านองปิงที่ฮ่องกงเลย 55555555

เสร็จแล้วเราก็ไปไหว้พระกันต่อที่วัดแหลมพ้อ (พระนอน)
บริเวณวัดนี้สามารถเดินเข้าไป มีจุดถ่ายรูปริมน้ำด้วยนะคะ สามารถมองเห็นสะพานป๋าเปรมด้วย

จากนั้นเราก็ไปที่แพขนานยนต์ เพื่อข้ามไปอำเภอเมืองสงขลา
แพนี้คือเราสามารถขับรถขึ้นไป แล้วให้แพพาข้ามไปได้เลยค่ะ สบายยย

พอข้ามมาถึงฝั่งสงขลาแล้ว ก็ไปกันที่สวนสองทะเล ไปดูพญานาคพ่นน้ำ หรือเราเรียกว่า เมอไลอ้อนเมืองไทยค่ะ

แล้วก็ไปขึ้นเขาตังกวน เพื่อชมวิวเมืองสงขลากันค่ะ

จากนั้นก็ไปหาดสมิหลาค่ะ แต่เราไม่ค่อยอินกันเท่าไหร่ เพราะรอไปอินกับทะเลที่หลีเป๊ะทีเดียว

ก่อนจะเข้าไปสู่ Street Art แห่งสงขลา พี่คนขับรถพาเราไปวัดเขาเก้าเส้ง (เก้าแสน) ค่ะ
พี่เค้าบอกที่นี่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ ใครสนใจลองไปหาอ่านกันดูคร่าวๆ
ตามลิ้งนี้นะคะ https://sites.google.com/site/watkhaokawsaen/kkk1
นอกจากมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีที่ถ่ายรูปสวยๆ ให้เลือกถ่ายกันด้วยล่ะค่ะ

หลังจากนั้นเราก็ปล่อยชิวที่ Street  Art กันยาวๆ เลยค่ะ ถนนนครนอก นครใน หับโห้หิ้น ฯลฯ
ที่นี่มีมุมถ่ายรูปมากมายให้เราได้เลือกถ่ายกันให้หนำใจเลยแหละค่ะ แต่เนื่องจากเราเหนื่อยสะสมกันมาแต่เช้า
มาถึงจุดนี้แล้วเดินไม่ค่อยถึงเท่าไหร่
ใครไปแถวนั้นก็อย่าลืมแวะไปซื้อขนมไข่นายเลิศนะคะ ขนมไข่เตาถ่านที่นี่หอมเนยมากๆ อร่อยมากๆ ด้วยแหละ

พอได้เวลาพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เราก็ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินกันที่มัสยิดกลาง สงขลาค่ะ
ขึ้นชื่อว่าทัชมาฮาลเมืองไทยเลยนะคะ

เมื่อตะวันลับขอบฟ้า เหล่าเทเลทับบี้ส์บอกลา
บ๊ายบายทิงกี้วิงกี้
บ๊ายบายดิปซี่
บ๊ายบายลาล่า
บ๊ายบายโพ
เจอกันวันรุ่งขึ้นที่หลีเป๊ะนะคะทุกโค้นนนนน
*
*
*
Day-3 วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2561
เช้าวันที่ 3 แล้วจ้า เราจอง Package รถ+เรือเพื่อข้ามไปเกาะหลีเป๊ะไว้
รถตู้นัดมารับที่ที่พักตอน 8.30 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็มาถึงท่าเรือปากบารา
มาถึงก็ติดต่อขอรับตั๋วเรือ แล้วไปเช็คอินที่ท่าเรือได้เลยค่ะ เราไปเรือรอบ 11.30 น. เป็นเรือ Speed Boat นะคะ
จะพาแวะเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ ที่ละ 15 นาทีด้วยค่ะ
ใช้เวลานั่งเรืออีกประมาณ 2 ชั่วโมง
ในที่สุดเราก็ถึงเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล แล้วจ้า
สำหรับที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ เราจองไว้ที่ The Street Hostel ค่ะ ที่พักอยู่ใน Walking Street เลยค่ะ หาง่ายมั่กกก
การติดต่อจองที่พัก ถ้าโทรไปจองต้องตั้งสตินิดนึงนะคะ เพราะตอนเราโทรไปพนักงานพูดไทยไม่ได้ค่ะ 555555
อีกช่องทางการจองอีกหนึ่งช่องทางก็คือแชทเฟสบุ้คค่ะ แต่อาจจะตอบช้าหน่อย ต้องใจเย็นๆ
สำหรับห้องพักที่นี่ก็มีหลายแบบค่ะ แต่เราโชคดีอีกแล้ว มา 4 คนได้พักห้อง 4 คนพอดี แต่ห้องน้ำรวมนะคะ
ที่พักโอเคมากๆ มีขนมวางไว้ที่ส่วนกลางให้กินได้ตลอดเวลาเลยค่ะ
พอเก็บของ พักผ่อนสักพัก พวกเราก็เดินไปหาด ซันเซ็ท บีช กันเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกและเล่นน้ำกันค่ะ
ทะเลหลีเป๊ะ นี่เป๊ะสมชื่อจริงๆ น้ำใสม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เห็นแล้วอดใจไม่เล่นน้ำไม่ได้จริงๆ
หลังจากเล่นน้ำจนชุ่มช่ำกันแล้ว เราก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปหาอะไรกินที่ Walking Street กันค่ะ
ที่พลาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ โรตี จ้า จัดไป 3 แผ่น แต่มี 2 รูป 5555
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็เตรียมซื้อเสบียงกันไว้พรุ่งนี้เช้าและสำหรับตุนไว้ตอนไปดำน้ำค่ะ
ใครจะซื้อของเซเว่นบนเกาะหลีเป๊ะ อย่าลืมพกถุงผ้ากันไปด้วยนะคะ
เค้าเริ่มรณรงค์ลดโลกร้อนกันแล้ว