เรื่องนี้ผ่านมา 10 ปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังจะจบปี 4 งานเยอะมากๆ แต่เรื่องนี้ก็กลับมาวนเวียนในหัวเราอีกแล้ว เพราะบังเอิญไปกดเจอเฟสเพื่อนคนนั้น เป็นความหลังที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจสุดๆ
เราขอแทนชื่อเพื่อนคนนั้นว่า พิมพ์ ละกันนะ ตอนที่เพิ่งขึ้นม.ต้น เราได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนคนนี้ พิมพ์เป็นคนเรียนเก่ง เข้ากับคนง่าย ยิ้มง่าย ชอบช่วยเหลือคน แถมน่ารักอีกต่างหาก ถ้าจัดอันดับเด็กในห้องแบ่งเป็น 3 กลุ่ม พิมพ์จะอยู่กลุ่มแรก คือกลุ่มท็อปตลอด ส่วนเราก็เป็นคนกลุ่ม3 เป็นนังคนโง่ที่นั่งเอ๋อๆอยู่ในห้อง555 เราว่าทุกคนน่าจะมีเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกันแต่เคยคุยกันไม่เยอะบ้างแหละ พิมพ์คือหนึ่งคนนั้นที่เราไม่ค่อยได้คุยด้วยเลยในห้องนะ แต่เราดันเรียนพิเศษที่เดียวกัน ก็เลยได้คุยกันมากขึ้นนิดหน่อยหลังจากที่ได้เรียนพิเศษด้วยกันนี่แหละ แต่เราทั้งสองคนก็จะมีเพื่อนของแต่ละคนไปด้วย สุดท้ายก็นั่งแยกกันอยู่ดี แล้วที่เรียนพิเศษก็จะมีเด็ก รร.อื่นที่มาเรียนด้วย เพื่อนที่มากับพิมพ์เป็น ผช.คนนึงอยู่ต่าง รร. ซึ่งทั้งสองคนดูคนสนิทกันมาก แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้สึกอะไรกับพิมพ์เท่าไหร่
อยู่ในห้องพิมพ์จะมาทักเราบ้าง ไปติวพร้อมกันบ้าง จนม.2 เราก็เลิกติว เพราะติวไปเกรดก็เท่าเดิม55(ส่งควายไปเรียนแท้ๆแม่ฉัน) ทุกๆปีจะมี อ.นิสิตฝึกสอนเข้ามา อ.คนนี้เป็นคนที่สอนประวัติศาสตร์สนุกมากๆๆๆๆแบบไปเปิดคณะตลกเถอะจารย์ ขอร้อง5555 จนวันนึงอ.ให้งานกลุ่มแต่ให้จับฉลากนะเพราะอ.บอกว่า ถ้าอยู่กลุ่มเดิมๆ ความกระตือรือร้นจะช่วยเพื่อนก็จะไม่มี และโชคดี๊โชคดี เราจับได้กลุ่มเดียวกับพิมพ์ ช่วงที่ทำงานกลุ่มถึงจะเป็นเวลาสั้นๆแต่เราก็ได้รู้จักพิมพ์มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ถึงได้รู้ว่าเฮ้ย ผญ.คนนี้เพอเฟคอะไรขนาดนี้ เราชอบมองเวลาพิมพ์ยิ้ม มันทำให้โลกดูสว่างมากเลยอ่ะ บางทีก็เผลอมองจนพิมพ์ถามว่ามองอะไร งุ้ยยยย เขินนน
หลังจากงานกลุ่มจบ พรีเซนท์และผ่านไปด้วยดี ก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิมคือ คุยบ้าง ชวนเล่นบ้าง แต่ระยะห่างก็กลับมาคงเส้นคงวาเท่าเดิม อ้อแล้วม.ต้นรร.เรา เขาจะให้เลือกเรียนยุวกาชาดกับเนตรนารี แน่นอนเราเลือกชุดเขียวส่วนพิมพ์ชุดฟ้า เพื่อนในกลุ่มสองสามคนเลือกเรียนยุวกาชาด เราเลยได้ลองผูกผ้าพันคอเห็นว่าผูกยากเลยลองผูกบ้าง เออยากจริงว่ะ ของชุดเขียวมันง่ายไง แล้ววันที่ต้องไปเข้าค่ายพิมพ์มาสายแล้วเขากำลังจะตรวจเครื่องแบบ เราอยู่คนสุดท้ายในแถวตามห้อง พิมพ์วิ่งมาแบบทุลักทุเลมาก แต่ยังคงความน่ารักไว้ งุ้ยยยย รำคาญตัวเองว่ะ ทำไมอวยได้ขนาดนี้5555 พิมใส่เข็มขัดแล้วบอกให้เราช่วยผูกผ้าพันคอให้หน่อย เราก็ พับๆๆๆๆๆแล้วก็คล้องคอพิมพ์คือตอนนั้นหน้าแบบใกล้กันมากเพราะพิมพ์ก้มกำลังใส่เข็มขัด เรามองไม่เห็นผ้าพันคอเลยต้องก้มตาม แกเอ๊ยใจนี่เต้นตึกตักๆๆๆ มวนท้อง แล้วแบบพิมพ์ใส่เข็มขัดเสร็จแล้วเงยหน้ามามองนี้ อื้อหือออออ เลือดกำเดาแทบพุ่ง ผ้าพันคงพันคอนี่แทบจะไม่ได้ผูกเลย พอผูกเสร็จ "ขอบใจนะ" ไอ้เราก็รีบหันกลับแล้วบอกอื้มไม่เป็นไร คือตอนนั้นเหมือนใจมันจะระเบิดออกมาเลยอ่ะแกร555
ตั้งแต่ตอนที่ทำงานกลุ่มเราก็เริ่มมองพิมพ์บ่อยขึ้น พยายามเข้าไปใกล้ๆ ไปช่วยยกของบ้าง ลืมบอกไปว่าพิมพ์เป็นที่รักของอาจารย์หลายคน จะโดนเรียกใช้บ่อยๆ555 เราก็ไปช่วยบ่อยๆ555 เคยนั่งรถไปส่งพิมพ์ติวแล้วบอกว่ามาเอาของก็หลายครั้ง วันวาเลนไทน์ ก็บอกเพื่อนต่างห้องให้เอาดอกไม้ไปให้แล้วแบบไม่ต้องบอกชื่อไรงี้ มีคนฝากมา เราเห็นพิมพ์ได้ดอกไม้แล้วยิ้ม โอ้โหหหหหหหห เหมือนได้ล่องลอยอยู่ในอวกาศ แต่ลอยอยู่ได้ไม่นานก็มีรุ่นพี่เอาดอกไม้มาให้เหมือนกัน แล้วหล่อมาก หล่อจนตัวเองอยากจะได้มาเป็นสามีเลยทีเดียว หยอกๆ55 หลังจากนั้นก็เหมือนได้ข่าวว่าพิมพ์คุยๆอยู่กับพี่คนนี้ แต่เราก็ไม่กล้าถามอ่ะเนอะ กลุ่มเรากับกลุ่มพิมพ์ก็คนละโลกเลยฝากใครถามไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตในรั้วรร.เรื่อยๆจนจบ ม.3 แต่ตอนจบน่าเสียดายที่เราไม่ได้ให้พิมพ์เขียนเสื้อ เพราะเห็นว่ามีคนเข้าหาพิมพ์เยอะมาก เยอะจนคิดว่าอยู่ตรงนี้เงียบๆดีกว่า คิดว่าจบแล้วคงไม่ได้เจอกันแล้ว แต่...
ม.4 เราเรียนที่เดิม เรียนศิลป์ภาษา พิมพ์ก็เหมือนกันแต่เรียนวิทย์-คณิต ในห้องเรา เราว่าเราคุ้นหน้าผช.คนนึง พอมานึกดีๆแล้วก็นึกออกว่าเป็นเพื่อนพิมพ์ที่เรียนพิเศษด้วยกัน เรียนไปเรียนมาไอ้นี่มันก็สนิทกับเรา เพราะไม่มีใครคุยเรื่องเกมส์กับการ์ตูนรู้เรื่องเท่าเราแล้วในห้องอ่ะ5555 มันชื่อนนท์ มันเป็นเพื่อนข้างบ้านพิมพ์ เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่รู้จักกัน พอสนิทมากเข้าเลยถือโอกาสตะล่อมถามเรื่องต่างๆของพิมพ์ สงสัยถามมากไปจนมันถามกลับมาว่า ชอบพิมพ์หรอ ไอ้เราก็แบบเห้ยยยย รู้ได้ไงวะ ตรูอาการออกขนาดนั้นเลยหรอ ตอนนั้นคิดว่าเป็นไงเป็นกันวะ สนิทกันแล้วคงบอกได้ แต่คิดผิดจ้ะ สรุปเรื่องรั่วไอ้นนท์ปากกระโถน ตอนนั้นแทบจะอยากบอกน้องแนนจริงๆว่าไอ้นนท์มันหม้อหญิง55555 แต่เนอะเพื่อนอ่ะ
สรุปพิมพ์รู้เรื่อง พอเรารู้ว่าพิมพ์รู้เราก็ไม่อยากจะเจอหน้าพิมพ์แล้วอ่ะ มันทั้งอาย ทั้งเขิน ทั้งลำบากใจ เรารู้ว่าพิมพ์ก็ต้องลำบากใจเหมือนกัน จากนั้นเราก็พยายามหลบหน้าพิมพ์ตลอด บางคาบห้องเรากับห้องพิมพ์จะเรียนห้องข้างๆกัน ตอนเดินผ่านเราก็ก้มหน้าไม่ก็หันไปทางอื่น ต้องรีบเดิน เจอที่โรงอาหาร ตามอาคารก็จะหลบ มีครั้งนึงออกจากห้องสมุดเจอจะๆเลย เราอึ้ง พิมพ์อึ้ง เห็นพิมพ์พยายามจะพูดอะไรแต่เราก็ไม่ไหวอ่ะ รีบก้มหน้าเดินหนีไป จนไอ้นนท์มันมาถามเราว่าหลบหน้าพิมพ์หรอ เราก็ตอบไปว่า เอ้าจะไม่ให้ตรูหลบได้ไง ก็เอ็งดันไปบอกพิมพ์เรื่องนั้น มันลำบากใจนะเว้ย มันก็ขอโทษ บอกว่าไม่คิดว่าเราจะเป็นขนาดนี้
คนเรามันจะเหมือนมีเรดาร์อ่ะเวลามีคนที่ชอบแล้ว มันจะมองเห็นก่อนเสมอไม่รู้เป็นอะไร แต่วันนั้นไม่รู้เป็นอะไรเรดาร์พังทั้งวันจัดตารางสอนมาผิดวันต้องยืมหนังสือไอ้นนท์มันดู โดนครูว่าว่าสะเพร่า พักกลางวันก็เล่นกับนนท์จนโดนไม้บรรทัดฟุตเหล็กบาดที่นิ้วก้อยข้างซ้าย จ้ะ ไปห้องพยาบาลจ้ะ คนเดียวจ้ะ ไอคนทำมันก็นั่งชิลล์ไปจ้ะ พอไปถึงอึ้งสิคะ พิมพ์เป็นเวรผู้ช่วยอยู่ในห้องพยาบาล ตายHaละ กำลังจะเดินออก อ.ในห้องก็ถามว่าเป็นอะไรมาเธอ จะให้เราเดินออกมาไม่สนใจครูก็แลจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย เลยบอกไปว่าโดยไม้บรรทัดบาดมาค่ะ เขาก็บอกมาทำแผลมา "นักเรียนมาทำแผลให้คนนี้หน่อย" ตายล้าวววววววววววว ที่หลบมาไม่มีความหมาย มาตกม้าตายที่ห้องพยาบาลเนี่ยนะ!!
มาถึงเราก็ไปนั่งบนเก้าอี้ พิมพ์ก็เอาน้ำเกลือมาล้างแผลให้ "เลือดออกเยอะนะเนี่ย" เราก็อื้อ "ไปทำอะไรมา" ใครจะกล้าบอกว่าเล่นปัญญาอ่อนกับเพื่อนนางแล้วสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ "อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ" เราก้มหน้ารีบตอบไป พิมพ์เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดรอบแผลเรา บอกว่าถ้าแสบบอกนะ โอ้โหห แสบตามากกว่าออร่านางฟ้ามาเต็ม งุ้ยยยย (อวยอีกละ5555) แล้วตามด้วยเบตาดีน + พลาสเตอร์ ตอนที่พิมพ์แปะอ่ะ พิมพ์ดูตั้งใจมากกกกกอ่ะ โอ้ยยยยจะบ้าตายยยยย เสร็จแล้วเราก็ไปเซ็นชื่อนักเรียนที่มาใช้ห้องพยาบาล แล้วก็ออกจากห้องกำลังจะกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะหินอ่อน (ลืมบอกไปว่าเรามีเพื่อนในกลุ่มม.ปลาย 5 คน รวมไอ้คนปากโทรโข่งแล้ว) พิมพ์ก็เดินตามออกมาแล้วถามเราว่า "เป็นอะไรรึเปล่าที่หลบหน้าเรา" เราก็หันไปยิ้มแหยๆแล้วก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเลยจ้า เร็วกว่าหมาก็อิฉันนี่แหละค่า
จากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมคือหลบ หลบ หลบ โอ้โหทุกวันที่ไปเรียนนี่นึกว่าไปรบ หลบเก่ง ใช้เรดาร์เก่ง แต่ที่เพิ่มเติมก็คือพิมพ์จะพยายามเข้าใกล้ระยะเรดาร์ตลอด โดยผ่านไอ้นนท์ มีอีนนท์ที่ไหนก็มีเราที่นั่น บางทีนนท์ก็จับกระเป๋าไม่ให้เราไปไหนระหว่างที่พิมพ์เดินมา เราก็จะก้มหน้าตลอด พิมพ์ก็จะก้มหน้ามามองแล้วก็ยิ้ม มีครั้งนึงที่นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร พิมพ์ก็มานั่งโต๊ะข้างๆ เวรล่ะ เอาไงดีวะ จะยกไปกินที่อื่นหรอแลจะลำบากเกิน เราเลยฝืนนั่งกินต่อ อยู่คนละโต๊ะไม่ได้โต๊ะเดียวกันซะหน่อย แล้วเพื่อนอีกคนในกลุ่มเราก็สะกิดเราแล้วบอกว่า เห้ยๆหันไปทางขวาดิ มีอ.มาใหม่อ่ะ เราก็เออออหันตาม ที่ไหนได้พิมพ์กำลังมองเราอยู่ อีเพื่อนมันก็ขำกัน เรากลัวเสียฟอร์มเลยมองผ่านหน้าพิมพ์ไปแล้วก็บอกว่า ไม่เห็นมีอ.ใหม่เลยวะ แต่ในโฟกัสยังเห็นพิมพ์มองเราอยู่นะ
จากที่เคยหลบเราก็เริ่มแสดงท่าทีเย็นชา กลบเกลื่อนความอาย เดินผ่านเราเลือกที่จะไม่หลบแต่เราเดินแบบมองผ่านไปเลย เราพยายามคิดว่าไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ถ้าไม่สนใจเดี๋ยวก็คงลืมไปเอง จนทุกอย่างล่วงเลยมาวันงานเลี้ยงจบม.6 มีการแสดงโชว์จากเพื่อนๆห้องอื่นๆ เราก็ไปยืนดูหน้าเวที ดูเพลินๆหันหลังกลับมาก็พบว่าพิมพ์ยืนอยู่ข้างหลังเรา เราตกใจ พิมพ์ยิ้มให้เรา เรายิ้มให้พิมพ์ ไม่มีใครพูดอะไร จบงานแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน เรารู้สึกเสียใจมากตอนเดินออกมาจากงาน เพื่อนๆในกลุ่มและไอ้นนท์ก็ร้องห่มร้องไห้ที่จะต้องแยกย้ายกันแล้ว ไม่รู้ว่าทุกโรงเรียนจะเป็นแบบนี้มั้ยที่เวลาเด็กที่จบ แอดมิชชั่นติดมหาลัยดังๆแล้วจะติดไว้ที่รั้วโรงเรียน เราเรียนต่อที่มหาลัยใกล้บ้าน บ้านเราก็อยู่แถวๆโรงเรียนนั่นแหละ ขี่รถผ่านก็จะเห็นป้ายที่เขาติด เราเห็นชื่อกับภาพพิมพ์ติดอยู่ พิมพ์ได้เรียนมหาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ
จนตอนนี้ไม่รู้ว่าพิมพ์เป็นยังไง สบายดีมั้ย เราเจอเฟสแล้วเราก็ไม่กล้าเพิ่มเพื่อนไป เรายังคงไม่กล้าเหมือนเดิม55 เราอยากขอโทษพิมพ์ที่เราทำตัวโง่ๆแบบนั้น ทำให้ไม่สบายใจ ทำตัวเย็นชา นึกถึงเมื่อไหร่ ความรู้สึกมันยังคุกรุ่นอยู่ในใจเวลาที่นึกถึงตลอด ขอบใจนะที่ทำแผลให้ เป็นแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้555
ถ้าพิมพ์ได้อ่านก็คงจะดีนะ (: สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะ ขอให้มีชีวิตที่ดี
ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกคนด้วยนะคะ อาจจะเล่าตกไปบ้าง งงไปบ้าง เพราะผ่านมานานแล้ว
ทำงานต่อ ไม่รอแล้วนะ ขอบคุณที่มารับฟังกันนะคะ
ชอบผู้หญิงด้วยกัน ครั้งแรกในชีวิต
เราขอแทนชื่อเพื่อนคนนั้นว่า พิมพ์ ละกันนะ ตอนที่เพิ่งขึ้นม.ต้น เราได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนคนนี้ พิมพ์เป็นคนเรียนเก่ง เข้ากับคนง่าย ยิ้มง่าย ชอบช่วยเหลือคน แถมน่ารักอีกต่างหาก ถ้าจัดอันดับเด็กในห้องแบ่งเป็น 3 กลุ่ม พิมพ์จะอยู่กลุ่มแรก คือกลุ่มท็อปตลอด ส่วนเราก็เป็นคนกลุ่ม3 เป็นนังคนโง่ที่นั่งเอ๋อๆอยู่ในห้อง555 เราว่าทุกคนน่าจะมีเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกันแต่เคยคุยกันไม่เยอะบ้างแหละ พิมพ์คือหนึ่งคนนั้นที่เราไม่ค่อยได้คุยด้วยเลยในห้องนะ แต่เราดันเรียนพิเศษที่เดียวกัน ก็เลยได้คุยกันมากขึ้นนิดหน่อยหลังจากที่ได้เรียนพิเศษด้วยกันนี่แหละ แต่เราทั้งสองคนก็จะมีเพื่อนของแต่ละคนไปด้วย สุดท้ายก็นั่งแยกกันอยู่ดี แล้วที่เรียนพิเศษก็จะมีเด็ก รร.อื่นที่มาเรียนด้วย เพื่อนที่มากับพิมพ์เป็น ผช.คนนึงอยู่ต่าง รร. ซึ่งทั้งสองคนดูคนสนิทกันมาก แต่เราก็ไม่ได้อะไรเพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้สึกอะไรกับพิมพ์เท่าไหร่
อยู่ในห้องพิมพ์จะมาทักเราบ้าง ไปติวพร้อมกันบ้าง จนม.2 เราก็เลิกติว เพราะติวไปเกรดก็เท่าเดิม55(ส่งควายไปเรียนแท้ๆแม่ฉัน) ทุกๆปีจะมี อ.นิสิตฝึกสอนเข้ามา อ.คนนี้เป็นคนที่สอนประวัติศาสตร์สนุกมากๆๆๆๆแบบไปเปิดคณะตลกเถอะจารย์ ขอร้อง5555 จนวันนึงอ.ให้งานกลุ่มแต่ให้จับฉลากนะเพราะอ.บอกว่า ถ้าอยู่กลุ่มเดิมๆ ความกระตือรือร้นจะช่วยเพื่อนก็จะไม่มี และโชคดี๊โชคดี เราจับได้กลุ่มเดียวกับพิมพ์ ช่วงที่ทำงานกลุ่มถึงจะเป็นเวลาสั้นๆแต่เราก็ได้รู้จักพิมพ์มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ถึงได้รู้ว่าเฮ้ย ผญ.คนนี้เพอเฟคอะไรขนาดนี้ เราชอบมองเวลาพิมพ์ยิ้ม มันทำให้โลกดูสว่างมากเลยอ่ะ บางทีก็เผลอมองจนพิมพ์ถามว่ามองอะไร งุ้ยยยย เขินนน
หลังจากงานกลุ่มจบ พรีเซนท์และผ่านไปด้วยดี ก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิมคือ คุยบ้าง ชวนเล่นบ้าง แต่ระยะห่างก็กลับมาคงเส้นคงวาเท่าเดิม อ้อแล้วม.ต้นรร.เรา เขาจะให้เลือกเรียนยุวกาชาดกับเนตรนารี แน่นอนเราเลือกชุดเขียวส่วนพิมพ์ชุดฟ้า เพื่อนในกลุ่มสองสามคนเลือกเรียนยุวกาชาด เราเลยได้ลองผูกผ้าพันคอเห็นว่าผูกยากเลยลองผูกบ้าง เออยากจริงว่ะ ของชุดเขียวมันง่ายไง แล้ววันที่ต้องไปเข้าค่ายพิมพ์มาสายแล้วเขากำลังจะตรวจเครื่องแบบ เราอยู่คนสุดท้ายในแถวตามห้อง พิมพ์วิ่งมาแบบทุลักทุเลมาก แต่ยังคงความน่ารักไว้ งุ้ยยยย รำคาญตัวเองว่ะ ทำไมอวยได้ขนาดนี้5555 พิมใส่เข็มขัดแล้วบอกให้เราช่วยผูกผ้าพันคอให้หน่อย เราก็ พับๆๆๆๆๆแล้วก็คล้องคอพิมพ์คือตอนนั้นหน้าแบบใกล้กันมากเพราะพิมพ์ก้มกำลังใส่เข็มขัด เรามองไม่เห็นผ้าพันคอเลยต้องก้มตาม แกเอ๊ยใจนี่เต้นตึกตักๆๆๆ มวนท้อง แล้วแบบพิมพ์ใส่เข็มขัดเสร็จแล้วเงยหน้ามามองนี้ อื้อหือออออ เลือดกำเดาแทบพุ่ง ผ้าพันคงพันคอนี่แทบจะไม่ได้ผูกเลย พอผูกเสร็จ "ขอบใจนะ" ไอ้เราก็รีบหันกลับแล้วบอกอื้มไม่เป็นไร คือตอนนั้นเหมือนใจมันจะระเบิดออกมาเลยอ่ะแกร555
ตั้งแต่ตอนที่ทำงานกลุ่มเราก็เริ่มมองพิมพ์บ่อยขึ้น พยายามเข้าไปใกล้ๆ ไปช่วยยกของบ้าง ลืมบอกไปว่าพิมพ์เป็นที่รักของอาจารย์หลายคน จะโดนเรียกใช้บ่อยๆ555 เราก็ไปช่วยบ่อยๆ555 เคยนั่งรถไปส่งพิมพ์ติวแล้วบอกว่ามาเอาของก็หลายครั้ง วันวาเลนไทน์ ก็บอกเพื่อนต่างห้องให้เอาดอกไม้ไปให้แล้วแบบไม่ต้องบอกชื่อไรงี้ มีคนฝากมา เราเห็นพิมพ์ได้ดอกไม้แล้วยิ้ม โอ้โหหหหหหหห เหมือนได้ล่องลอยอยู่ในอวกาศ แต่ลอยอยู่ได้ไม่นานก็มีรุ่นพี่เอาดอกไม้มาให้เหมือนกัน แล้วหล่อมาก หล่อจนตัวเองอยากจะได้มาเป็นสามีเลยทีเดียว หยอกๆ55 หลังจากนั้นก็เหมือนได้ข่าวว่าพิมพ์คุยๆอยู่กับพี่คนนี้ แต่เราก็ไม่กล้าถามอ่ะเนอะ กลุ่มเรากับกลุ่มพิมพ์ก็คนละโลกเลยฝากใครถามไม่ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตในรั้วรร.เรื่อยๆจนจบ ม.3 แต่ตอนจบน่าเสียดายที่เราไม่ได้ให้พิมพ์เขียนเสื้อ เพราะเห็นว่ามีคนเข้าหาพิมพ์เยอะมาก เยอะจนคิดว่าอยู่ตรงนี้เงียบๆดีกว่า คิดว่าจบแล้วคงไม่ได้เจอกันแล้ว แต่...
ม.4 เราเรียนที่เดิม เรียนศิลป์ภาษา พิมพ์ก็เหมือนกันแต่เรียนวิทย์-คณิต ในห้องเรา เราว่าเราคุ้นหน้าผช.คนนึง พอมานึกดีๆแล้วก็นึกออกว่าเป็นเพื่อนพิมพ์ที่เรียนพิเศษด้วยกัน เรียนไปเรียนมาไอ้นี่มันก็สนิทกับเรา เพราะไม่มีใครคุยเรื่องเกมส์กับการ์ตูนรู้เรื่องเท่าเราแล้วในห้องอ่ะ5555 มันชื่อนนท์ มันเป็นเพื่อนข้างบ้านพิมพ์ เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่รู้จักกัน พอสนิทมากเข้าเลยถือโอกาสตะล่อมถามเรื่องต่างๆของพิมพ์ สงสัยถามมากไปจนมันถามกลับมาว่า ชอบพิมพ์หรอ ไอ้เราก็แบบเห้ยยยย รู้ได้ไงวะ ตรูอาการออกขนาดนั้นเลยหรอ ตอนนั้นคิดว่าเป็นไงเป็นกันวะ สนิทกันแล้วคงบอกได้ แต่คิดผิดจ้ะ สรุปเรื่องรั่วไอ้นนท์ปากกระโถน ตอนนั้นแทบจะอยากบอกน้องแนนจริงๆว่าไอ้นนท์มันหม้อหญิง55555 แต่เนอะเพื่อนอ่ะ
สรุปพิมพ์รู้เรื่อง พอเรารู้ว่าพิมพ์รู้เราก็ไม่อยากจะเจอหน้าพิมพ์แล้วอ่ะ มันทั้งอาย ทั้งเขิน ทั้งลำบากใจ เรารู้ว่าพิมพ์ก็ต้องลำบากใจเหมือนกัน จากนั้นเราก็พยายามหลบหน้าพิมพ์ตลอด บางคาบห้องเรากับห้องพิมพ์จะเรียนห้องข้างๆกัน ตอนเดินผ่านเราก็ก้มหน้าไม่ก็หันไปทางอื่น ต้องรีบเดิน เจอที่โรงอาหาร ตามอาคารก็จะหลบ มีครั้งนึงออกจากห้องสมุดเจอจะๆเลย เราอึ้ง พิมพ์อึ้ง เห็นพิมพ์พยายามจะพูดอะไรแต่เราก็ไม่ไหวอ่ะ รีบก้มหน้าเดินหนีไป จนไอ้นนท์มันมาถามเราว่าหลบหน้าพิมพ์หรอ เราก็ตอบไปว่า เอ้าจะไม่ให้ตรูหลบได้ไง ก็เอ็งดันไปบอกพิมพ์เรื่องนั้น มันลำบากใจนะเว้ย มันก็ขอโทษ บอกว่าไม่คิดว่าเราจะเป็นขนาดนี้
คนเรามันจะเหมือนมีเรดาร์อ่ะเวลามีคนที่ชอบแล้ว มันจะมองเห็นก่อนเสมอไม่รู้เป็นอะไร แต่วันนั้นไม่รู้เป็นอะไรเรดาร์พังทั้งวันจัดตารางสอนมาผิดวันต้องยืมหนังสือไอ้นนท์มันดู โดนครูว่าว่าสะเพร่า พักกลางวันก็เล่นกับนนท์จนโดนไม้บรรทัดฟุตเหล็กบาดที่นิ้วก้อยข้างซ้าย จ้ะ ไปห้องพยาบาลจ้ะ คนเดียวจ้ะ ไอคนทำมันก็นั่งชิลล์ไปจ้ะ พอไปถึงอึ้งสิคะ พิมพ์เป็นเวรผู้ช่วยอยู่ในห้องพยาบาล ตายHaละ กำลังจะเดินออก อ.ในห้องก็ถามว่าเป็นอะไรมาเธอ จะให้เราเดินออกมาไม่สนใจครูก็แลจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย เลยบอกไปว่าโดยไม้บรรทัดบาดมาค่ะ เขาก็บอกมาทำแผลมา "นักเรียนมาทำแผลให้คนนี้หน่อย" ตายล้าวววววววววววว ที่หลบมาไม่มีความหมาย มาตกม้าตายที่ห้องพยาบาลเนี่ยนะ!!
มาถึงเราก็ไปนั่งบนเก้าอี้ พิมพ์ก็เอาน้ำเกลือมาล้างแผลให้ "เลือดออกเยอะนะเนี่ย" เราก็อื้อ "ไปทำอะไรมา" ใครจะกล้าบอกว่าเล่นปัญญาอ่อนกับเพื่อนนางแล้วสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ "อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ" เราก้มหน้ารีบตอบไป พิมพ์เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดรอบแผลเรา บอกว่าถ้าแสบบอกนะ โอ้โหห แสบตามากกว่าออร่านางฟ้ามาเต็ม งุ้ยยยย (อวยอีกละ5555) แล้วตามด้วยเบตาดีน + พลาสเตอร์ ตอนที่พิมพ์แปะอ่ะ พิมพ์ดูตั้งใจมากกกกกอ่ะ โอ้ยยยยจะบ้าตายยยยย เสร็จแล้วเราก็ไปเซ็นชื่อนักเรียนที่มาใช้ห้องพยาบาล แล้วก็ออกจากห้องกำลังจะกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะหินอ่อน (ลืมบอกไปว่าเรามีเพื่อนในกลุ่มม.ปลาย 5 คน รวมไอ้คนปากโทรโข่งแล้ว) พิมพ์ก็เดินตามออกมาแล้วถามเราว่า "เป็นอะไรรึเปล่าที่หลบหน้าเรา" เราก็หันไปยิ้มแหยๆแล้วก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเลยจ้า เร็วกว่าหมาก็อิฉันนี่แหละค่า
จากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมคือหลบ หลบ หลบ โอ้โหทุกวันที่ไปเรียนนี่นึกว่าไปรบ หลบเก่ง ใช้เรดาร์เก่ง แต่ที่เพิ่มเติมก็คือพิมพ์จะพยายามเข้าใกล้ระยะเรดาร์ตลอด โดยผ่านไอ้นนท์ มีอีนนท์ที่ไหนก็มีเราที่นั่น บางทีนนท์ก็จับกระเป๋าไม่ให้เราไปไหนระหว่างที่พิมพ์เดินมา เราก็จะก้มหน้าตลอด พิมพ์ก็จะก้มหน้ามามองแล้วก็ยิ้ม มีครั้งนึงที่นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร พิมพ์ก็มานั่งโต๊ะข้างๆ เวรล่ะ เอาไงดีวะ จะยกไปกินที่อื่นหรอแลจะลำบากเกิน เราเลยฝืนนั่งกินต่อ อยู่คนละโต๊ะไม่ได้โต๊ะเดียวกันซะหน่อย แล้วเพื่อนอีกคนในกลุ่มเราก็สะกิดเราแล้วบอกว่า เห้ยๆหันไปทางขวาดิ มีอ.มาใหม่อ่ะ เราก็เออออหันตาม ที่ไหนได้พิมพ์กำลังมองเราอยู่ อีเพื่อนมันก็ขำกัน เรากลัวเสียฟอร์มเลยมองผ่านหน้าพิมพ์ไปแล้วก็บอกว่า ไม่เห็นมีอ.ใหม่เลยวะ แต่ในโฟกัสยังเห็นพิมพ์มองเราอยู่นะ
จากที่เคยหลบเราก็เริ่มแสดงท่าทีเย็นชา กลบเกลื่อนความอาย เดินผ่านเราเลือกที่จะไม่หลบแต่เราเดินแบบมองผ่านไปเลย เราพยายามคิดว่าไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ถ้าไม่สนใจเดี๋ยวก็คงลืมไปเอง จนทุกอย่างล่วงเลยมาวันงานเลี้ยงจบม.6 มีการแสดงโชว์จากเพื่อนๆห้องอื่นๆ เราก็ไปยืนดูหน้าเวที ดูเพลินๆหันหลังกลับมาก็พบว่าพิมพ์ยืนอยู่ข้างหลังเรา เราตกใจ พิมพ์ยิ้มให้เรา เรายิ้มให้พิมพ์ ไม่มีใครพูดอะไร จบงานแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน เรารู้สึกเสียใจมากตอนเดินออกมาจากงาน เพื่อนๆในกลุ่มและไอ้นนท์ก็ร้องห่มร้องไห้ที่จะต้องแยกย้ายกันแล้ว ไม่รู้ว่าทุกโรงเรียนจะเป็นแบบนี้มั้ยที่เวลาเด็กที่จบ แอดมิชชั่นติดมหาลัยดังๆแล้วจะติดไว้ที่รั้วโรงเรียน เราเรียนต่อที่มหาลัยใกล้บ้าน บ้านเราก็อยู่แถวๆโรงเรียนนั่นแหละ ขี่รถผ่านก็จะเห็นป้ายที่เขาติด เราเห็นชื่อกับภาพพิมพ์ติดอยู่ พิมพ์ได้เรียนมหาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ
จนตอนนี้ไม่รู้ว่าพิมพ์เป็นยังไง สบายดีมั้ย เราเจอเฟสแล้วเราก็ไม่กล้าเพิ่มเพื่อนไป เรายังคงไม่กล้าเหมือนเดิม55 เราอยากขอโทษพิมพ์ที่เราทำตัวโง่ๆแบบนั้น ทำให้ไม่สบายใจ ทำตัวเย็นชา นึกถึงเมื่อไหร่ ความรู้สึกมันยังคุกรุ่นอยู่ในใจเวลาที่นึกถึงตลอด ขอบใจนะที่ทำแผลให้ เป็นแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้555
ถ้าพิมพ์ได้อ่านก็คงจะดีนะ (: สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะ ขอให้มีชีวิตที่ดี
ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกคนด้วยนะคะ อาจจะเล่าตกไปบ้าง งงไปบ้าง เพราะผ่านมานานแล้ว
ทำงานต่อ ไม่รอแล้วนะ ขอบคุณที่มารับฟังกันนะคะ