งานวิจัยใหม่มีความเป็นไปได้ที่จะคาดการณ์ได้ว่า คนไหนที่มีความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด



ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐบาลกับสถานบันต่างๆได้มีการแพร่หลายอย่างเป็นวงกว้างและฝังเข้ารากลึกในประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัยทางจิตวิทยาที่มีความเป็นไปได้ที่จะคาดการณ์ว่า คนไหนที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดบ้าง

นักวิจัยได้กล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบันนั้นมีความผันผวนและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดทางสังคมขึ้น รวมไปถึงวัฒนธรรมที่เพิ่มมากขึ้นกับหลักศีลธรรมอันดีงามในแต่ละรูปแบบ และมีการเคลื่อนไหวกลุ่มการเมืองที่แพร่กระจายอย่างเป็นวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบความท้าทายในการดำรงชีวิตและจะต้องมาดูการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายสาธารณะและการเมือง”

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่ได้รับผลประโยชน์จากสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกับการเมืองนั้น พวกเขามองว่า การพัฒนากับการเปลี่ยนแปลงเป็นภัยคุกคามของพวกเขา และเป็นแรงจูงใจที่ทำให้พวกเขาเริ่มหันมาเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดกันมากขึ้น”

โดยอาจารย์ทางด้านจิตวิทยาในมหาวิทยาลัย Lehigh ก็พบว่า งานวิจัยใหม่นี้เชื่อได้ว่า คนที่มีความเข้าใจทางการเมืองและนโยบายสาธารณะนั้น มีแนวโน้มที่จะมีความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองเป็นอย่างมาก

ก็นั่นล่ะครับ คนส่วนใหญ่ที่มีความเข้าใจทางการเมืองได้ดีก็มีแนวโน้มที่เชื่อว่า จะต้องมีบุคคลที่มองไม่เห็นหรือเป็นกลุ่มลับได้ทำการสมรู้ร่วมคิดกันในการขับเคลื่อนทิศทางโลก สร้างเหตุการณ์ต่างๆและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมา

งานวิจัยก็ได้ทำการสอบถามผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า พวกเขามีความรู้ความเข้าใจในนโยบายสาธารณะมากน้อยแค่ไหน จากนั้นนักวิจัยก็ได้สอบถามผู้เข้าร่วมโดยให้พวกเขาอธิบายว่า นโยบายใช้ได้ผลจริงมากน้อยแค่ไหน

หลังจากที่ได้อธิบายแล้ว ผู้เข้าร่วมก็ถูกสอบถามอีกครั้งเกี่ยวกับความเข้าใจในนโยบายต่างๆ

ทางนักวิจัยอธิบายว่า ความพยายามที่จะอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆของผู้เข้าร่วมก็ชี้ให้เห็นว่า จริงๆแล้วพวกเขาไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของนโยบายสักเท่าไร ผลลัพธ์ที่ออกมาในรายงานระดับความรู้ความเข้าใจนั้น “ผู้เข้าร่วมที่มีความเข้าใจในนโยบายสาธารณะได้ดีหลังจากที่ได้อธิบายแล้ว มีแนวโน้มที่จะมีความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองสูง โดยเฉพาะหากพวกเขาขาดความรู้ความเข้าใจในปรากฎการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นด้วยแล้ว” เธอกล่าว

งานวิจัยยังมีการค้นพบรายละเอียดเกี่ยวกับ “มายาคติในการอธิบายหลักการเชิงลึกกับความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิด” พวกเราอาจอธิบายได้ว่า ผู้คนให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทั้งการให้ความเห็นหรือความเชื่อ ที่ดีก็คือบางคนก็ให้ความเห็นในแบบตัวของตัวเองทั้งความเชื่อกับมุมมองทัศนคติ โดยคนนั้นก็มีแนวคิดและมีความเข้าใจต่อโลก

การค้นพบนี้ก็ได้มีการตีพิมพ์ในนิตยสาร European Journal Of Social Psychology

จากการวิจัยอีกชิ้นนึงในช่วงที่ผ่านมานั้น นักวิจัยพบว่า เมื่อระบบการเมืองได้เข้าคุกคามคนหรือส่งผลต่อความเชื่อพื้นฐานทางสังคม ค่านิยมที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนั้น ก็คาดการณ์ได้ว่ามีความเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดด้วยเช่นกัน

งานวิจัยก็ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 3500 คนในประเทศอเมริกาที่ได้มีการตีพิมพ์นิตยสารเดียวกัน โดยเป็นกลุ่มคนที่มีความคิดหลากลหลายไม่ว่าจะเป็นคนที่ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่อย่างเช่น “ในประเทศนี้ เป็นประเทศอเมริกาจริงๆ มิอาจแบ่งแยกค่านิยมออกไปได้” หรือความเห็นที่ว่า ค่านิยมประเทศอเมริกาเริ่มเสื่อมถอยไปเรื่อยๆเช่น “สื่อมวลชนเป็นหุ่นเชิดของผู้มีอำนาจ” และ “ไม่มีระบบการเมืองหรือเหตุการณ์ไหนที่จะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ”

งานวิจัย “ภัยคุกคามที่นำไปสู่การคิดในรูปแบบทฤษฎีสมคบคิดอย่างเป็นระบบ” นั้น ก็ได้มีการทำขึ้นในมหาวิทยาลัย Minnesota

โดยนักวิจัยกล่าวว่า “พวกเราพบว่า บางคนที่คิดว่าปัจจัยพื้นฐานทางสังคม ค่านิยมเริ่มถูกคุกคามนั้น เป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดและมีความนิยมเลื่อมใสในทฤษฎีสมคบคิด”

นักวิจัยได้กระตุ้นให้ผู้คนเรียนรู้ถึงความเป็นมนุษย์และจะต้องอาศัยแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้และทำการป้อนข้อมูลความเชื่อให้หลากหลายในการทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเหตุการณ์ภาคประชาชน

เขากล่าวว่า “คุณจะต้องท้าทายตัวเองในการตั้งข้อสมมุติฐานและความเชื่อ เรียนรู้จากประสบการณ์กับทัศนคติที่แตกต่าง และจะต้องจำไว้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบผิดปกติหรือมีความซับซ้อนอาจไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้ถูกต้องแม่นยำ แม้ว่าคุณจะพยายามคิดมากแค่ไหนก็ตาม”

ผู้แปล : Mr.lawrence10

ที่มา : sciencedaily.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่