Review: Distant World - Music from Final Fantasy
1st time in BKK
คะแนนการแสดง & การนำเสนอ: 9/10
คะแนนการจัดการงาน: 4/10
👍 จุดที่ชอบ 👍
1.การแสดงและผลงานการโปรดิวซ์ของคุณ Arnie Roth เติมเต็มจิตใจมากกกกกกกกกกก เหมือนชีวิตวัยเด็กของเราถูกปลุกขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง ความกังวลของชีวิตผู้ใหญ่พลันหายไป เหลือเพียงแต่ "โลกแฟนตาซี" ที่กำลังขับกล่อมเราด้วยเสียงเพลงเท่านั้น
2.การโหมโรงด้วย Prelude ตามด้วย Liberti Fatali คือที่สุดของความ goosebump อย่างแท้จริง พอมาผนวกกับการนำเสนอด้วยภาพฟุตเทจแล้วยิ่ง epic เข้าไปใหญ่
3.คิดว่าโปรดิวเซอร์ต้องการตีตลาดแฟนไฟนอลฯ ให้สำเร็จตั้งแต่คอนเสิร์ตในครั้งแรก ก็เลยเน้นเพลงโคตร Classic ที่ดังมากๆ มาเล่นกันจนเกือบหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น To Zanarkand, Victory Fanfare รวมไปถึง Choco Medley ที่สุดแสนจะน่ารักด้วย
4.การเซอร์ไพรส์ด้วย One-Winged Angel นี่พีคที่สุดแล้ว เป็นการรวบรัดอารมณ์ของคนดูตลอด 2 ชั่วโมงเข้ามาอยู่ในเวลาไม่กี่นาที สุดยอดมากๆ ครับ
5.ธีมการตีความเพลงของ Distant World ครั้งนี้น่าจะเป็นความรัก (ดูได้จากโทนฟุตเทจ) ฉะนั้นเพลงที่มันสำคัญกับคู่พระนางของแต่ละภาคมันเลยโดดเด่นเป็นพิเศษ (Eyes on me, Melodies of Life, To Zanarkand)
6.บรรยากาศในโถงดนตรีถือว่าอยู่ในอุดมคติพอสมควร ทุกคนทำตัวสมกับเป็นผู้ฟังที่ดีและมีส่วนร่วมในเวลาที่เหมาะสม บรรยากาศมันเลยอบอุ่นมากๆ ทำให้เรารู้สึกเลยทุกคนในที่นี้คือ "พวกเดียวกัน" กับเราจริงๆ
7.ทีมนักดนตรีและคอนดักเตอร์เก็บงานได้เนี้ยบมากๆ ขนาดผมเคยฟังคอนเสิร์ต Distant World และ Tour de Japan มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ยังอดตื่นตากับ "ความมีชีวิต" ของดนตรีไม่ได้ ต้องยกเครดิตให้ทีมศิลปินจริงๆ
8.ฟุตเทจที่เล่นควบคู่กับเพลงก็คัดเลือกและตัดต่อมาได้ดีเข้ากับจังหวะของเพลง อย่างของ Liberti Fatali ที่ผนวกกับฉากประดาบของ Squall กับ Seifer ได้อย่างเหมาะเหม็งชวนขนลุกจริงๆ
👎 จุดที่ไม่ชอบ 👎
1.การจัดงานแห้งแล้งมากกกกกกกกกกก คือถ้าไม่เห็นคนเยอะๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคอนเสิร์ตไฟนอลแฟนตาซีอะ นึกว่างานกาล่าระดมเงินบริจาคที่ไหน
ไม่มีคัตเอาท์ชื่องาน ไม่มีโลโก้ ไม่มีโปสเตอร์หรือซุ้มถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น คนที่มาก่อนเวลาก็นั่งเล่นมือถือไป ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่ได้รู้สึกว่ามางาน Distant World เลย
2.ไม่มีกิจกรรมรองรับแขกที่ตั้งใจมาก่อนเวลาเลย คนคอสเพลย์มาก็เหงาๆ ผมคิดว่าถ้ามีเตรียมการตอบคำถามแจกของเล็กๆ น้อยๆ บ้างมันน่าจะสนุกกว่านี้
3.พิธีกรที่เดินสัมภาษน์คนในงานก็จางเหลือเกิน นอกจากจะแต่งตัวไม่สะดุดตาแล้วยังข้อมูลไม่แน่นอีกต่างหาก แล้วด้วยความที่มันไม่มีกิจกรรมอะไร การถาม-ตอบก็เลยดูจืดชืดมากๆ
4.โซนขายของแย่มาก ถ้าไม่ไปต่อแถวยาวๆ เราจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าของที่เราสนใจหน้าตาเป็นยังไง คือตั้งชั้นเอาเสื้อ/ถุงผ้ามาแขวนให้ดูหน่อยมันคงไม่ลำบากอะไรมั้งคุณเอ๊ย
💡 จิปาถะ 💡
1.แอดมินเป็นแฟนไฟนอลฯ ที่ค่อนข้าง old school ครับ (ตั้งแต่ภาค 11 เป็นต้นไปเล่นไม่เคยจบ) เลยรู้สึกว่าคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้เลือกเพลงจากยุคโมเดิร์นมาเล่นเยอะไปหน่อย
หนักไปทาง FF14 FF15 ซะเยอะ ทั้งที่ของดีมันอยู่ในยุค 1-10 แท้ๆ เสียดายมากเลย
2.เพลงที่สำคัญสำหรับแอดมินมากที่สุดก็คือ Final Fantasy Main Theme ครับ
3.พี่แสตมป์-อภิวัชร์ก็มาร่วมงานด้วย นั่งอยู่ข้างหลังๆ ผมนี่เอง
.
.
ป.ล.สุดท้ายผมก็ไม่รู้นะว่าที่งานมันดูเหงาๆ มันเป็นความต้องการของ DW เอง / เป็นข้อจำกัดของทางมหิดลฯ / หรือเป็นความบกพร่องของ Organizer กันแน่
ถ้าใครมีข้อคิดเห็น/ข้อมูลเพิ่มเติมก็เชิญมาแชร์กันได้นะฮะ
#ตั๋วหนังมันแพง #DistantWorld #FinalFantasy
Review: Distant World - Music from Final Fantasy by ตั๋วหนังมันแพง
1st time in BKK
คะแนนการแสดง & การนำเสนอ: 9/10
คะแนนการจัดการงาน: 4/10
1.การแสดงและผลงานการโปรดิวซ์ของคุณ Arnie Roth เติมเต็มจิตใจมากกกกกกกกกกก เหมือนชีวิตวัยเด็กของเราถูกปลุกขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง ความกังวลของชีวิตผู้ใหญ่พลันหายไป เหลือเพียงแต่ "โลกแฟนตาซี" ที่กำลังขับกล่อมเราด้วยเสียงเพลงเท่านั้น
2.การโหมโรงด้วย Prelude ตามด้วย Liberti Fatali คือที่สุดของความ goosebump อย่างแท้จริง พอมาผนวกกับการนำเสนอด้วยภาพฟุตเทจแล้วยิ่ง epic เข้าไปใหญ่
3.คิดว่าโปรดิวเซอร์ต้องการตีตลาดแฟนไฟนอลฯ ให้สำเร็จตั้งแต่คอนเสิร์ตในครั้งแรก ก็เลยเน้นเพลงโคตร Classic ที่ดังมากๆ มาเล่นกันจนเกือบหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น To Zanarkand, Victory Fanfare รวมไปถึง Choco Medley ที่สุดแสนจะน่ารักด้วย
4.การเซอร์ไพรส์ด้วย One-Winged Angel นี่พีคที่สุดแล้ว เป็นการรวบรัดอารมณ์ของคนดูตลอด 2 ชั่วโมงเข้ามาอยู่ในเวลาไม่กี่นาที สุดยอดมากๆ ครับ
5.ธีมการตีความเพลงของ Distant World ครั้งนี้น่าจะเป็นความรัก (ดูได้จากโทนฟุตเทจ) ฉะนั้นเพลงที่มันสำคัญกับคู่พระนางของแต่ละภาคมันเลยโดดเด่นเป็นพิเศษ (Eyes on me, Melodies of Life, To Zanarkand)
6.บรรยากาศในโถงดนตรีถือว่าอยู่ในอุดมคติพอสมควร ทุกคนทำตัวสมกับเป็นผู้ฟังที่ดีและมีส่วนร่วมในเวลาที่เหมาะสม บรรยากาศมันเลยอบอุ่นมากๆ ทำให้เรารู้สึกเลยทุกคนในที่นี้คือ "พวกเดียวกัน" กับเราจริงๆ
7.ทีมนักดนตรีและคอนดักเตอร์เก็บงานได้เนี้ยบมากๆ ขนาดผมเคยฟังคอนเสิร์ต Distant World และ Tour de Japan มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ยังอดตื่นตากับ "ความมีชีวิต" ของดนตรีไม่ได้ ต้องยกเครดิตให้ทีมศิลปินจริงๆ
8.ฟุตเทจที่เล่นควบคู่กับเพลงก็คัดเลือกและตัดต่อมาได้ดีเข้ากับจังหวะของเพลง อย่างของ Liberti Fatali ที่ผนวกกับฉากประดาบของ Squall กับ Seifer ได้อย่างเหมาะเหม็งชวนขนลุกจริงๆ
1.การจัดงานแห้งแล้งมากกกกกกกกกกก คือถ้าไม่เห็นคนเยอะๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคอนเสิร์ตไฟนอลแฟนตาซีอะ นึกว่างานกาล่าระดมเงินบริจาคที่ไหน
ไม่มีคัตเอาท์ชื่องาน ไม่มีโลโก้ ไม่มีโปสเตอร์หรือซุ้มถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น คนที่มาก่อนเวลาก็นั่งเล่นมือถือไป ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่ได้รู้สึกว่ามางาน Distant World เลย
2.ไม่มีกิจกรรมรองรับแขกที่ตั้งใจมาก่อนเวลาเลย คนคอสเพลย์มาก็เหงาๆ ผมคิดว่าถ้ามีเตรียมการตอบคำถามแจกของเล็กๆ น้อยๆ บ้างมันน่าจะสนุกกว่านี้
3.พิธีกรที่เดินสัมภาษน์คนในงานก็จางเหลือเกิน นอกจากจะแต่งตัวไม่สะดุดตาแล้วยังข้อมูลไม่แน่นอีกต่างหาก แล้วด้วยความที่มันไม่มีกิจกรรมอะไร การถาม-ตอบก็เลยดูจืดชืดมากๆ
4.โซนขายของแย่มาก ถ้าไม่ไปต่อแถวยาวๆ เราจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าของที่เราสนใจหน้าตาเป็นยังไง คือตั้งชั้นเอาเสื้อ/ถุงผ้ามาแขวนให้ดูหน่อยมันคงไม่ลำบากอะไรมั้งคุณเอ๊ย
1.แอดมินเป็นแฟนไฟนอลฯ ที่ค่อนข้าง old school ครับ (ตั้งแต่ภาค 11 เป็นต้นไปเล่นไม่เคยจบ) เลยรู้สึกว่าคอนเสิร์ตครั้งแรกนี้เลือกเพลงจากยุคโมเดิร์นมาเล่นเยอะไปหน่อย
หนักไปทาง FF14 FF15 ซะเยอะ ทั้งที่ของดีมันอยู่ในยุค 1-10 แท้ๆ เสียดายมากเลย
2.เพลงที่สำคัญสำหรับแอดมินมากที่สุดก็คือ Final Fantasy Main Theme ครับ
3.พี่แสตมป์-อภิวัชร์ก็มาร่วมงานด้วย นั่งอยู่ข้างหลังๆ ผมนี่เอง
.
ป.ล.สุดท้ายผมก็ไม่รู้นะว่าที่งานมันดูเหงาๆ มันเป็นความต้องการของ DW เอง / เป็นข้อจำกัดของทางมหิดลฯ / หรือเป็นความบกพร่องของ Organizer กันแน่
ถ้าใครมีข้อคิดเห็น/ข้อมูลเพิ่มเติมก็เชิญมาแชร์กันได้นะฮะ
#ตั๋วหนังมันแพง #DistantWorld #FinalFantasy