▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บันทึกนักเดินทาง
Trekking
ภาพถ่าย
[CR] China The First Time EP.03 (จบ)|Beijing|ครบหมดจบที่Great Wall
ต่อจากตอนที่แล้ว China The First Time EP.02| Zhangye-Dunhuang| ตะลุยทางสายไหม https://ppantip.com/topic/38313143 เราได้โบกมือบ๊ายบาย Dunhuang บินลัดฟ้ากลับมาที่ Beijing เพื่อเที่ยวสั่งลา2วันสุดท้ายในเมืองจีน แต่ต่อให้จะเป็นวันท้ายๆแล้วถ้ามากับเราก็อย่าหวังจะได้สบายเลย เพราะมีแพลนจะไป Hiking Jinshanling Great wall กันนนนน
Day 6 : Beijing City
การเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน Beijing นั้นค่อนข้างใช้เวลานาน ไม่ว่าจะเลือกใช้รถบัส รถไฟ หรือ Taxi ก็กินเวลาเป็นชั่วโมงทั้งนั้น ค่าTaxiเข้าเมืองอยู่ที่คันละประมาณ100เหรียญ เราเลือกพักที่ Day in Forbidden city Beijing ถือว่าเป็น Location ที่ดีมาก เพราะสามารถเดินเที่ยวรอบๆได้หลายที่ ไม่ว่าจะเป็น Forbidden city, Tiananmen square หรือจะไปShoppingชิลๆที่ Wangfujing ก็ยังได้
Tiananmen Square
หลังจากถึงที่พักเราก็เดินดิ่งจากโรงแรมมาที่ Tiananmen Square ทันที ก็ของมันต้องมาอะนะ
Tiananmen Square หรือจตุรัสเทียนอันเหมิน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร สามารถจุคนได้ประมาณ 2 ล้านคน จัตุรัสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง แต่เดิมมีชื่อว่า “เฉิงเทียนเหมิน” ต่อมาสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิงมีการบูรณะซ่อมแซมใหม่และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เทียนอันเหมิน” มาถึงปัจจุบัน
รอบๆจตุรัสก็จะมีสถานที่สำคัญตั้งล้อมรอบคล้ายๆกับสนามหลวงบ้านเรา ซึ่งถ้าจะเดินให้รอบนี่น่าจะใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ เวลาจะเข้ามาบริเวณนี้จะมีการตรวจตราแน่นหนามาก แสกนกระเป๋า ตรวจPassport รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยเดินไปมาในบริเวณตลอดเวลา
ความตั้งใจจริงๆคือจะเดินต่อเข้าไปเที่ยวใน Forbidden City ด้วย แต่ว่าเรามาช้าไปหน่อย นางปิดไปละ เลยต้องเก็บไว้มาวันพรุ่งนี้แทน
Beijing National Stadium (Bird's nest Stadium)
เสร็จจากจตุรัสเทียนอันเหมิน ด้วยความรบเร้าของเราทำให้ทุกคนยอมลากสังขารมาดูสนามกีฬาแห่งชาตินี้ได้ สนามกีฬาแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับกีฬาโอลิมปิกในปี 2008 ออกแบบโดย Herzog&De Meuron มีความจุขนาด 80,000 ที่นั่ง การเดินทางมาให้ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Olympic Sport Centre ก็จะถึงเลย มาไม่ยากแต่ใช้เวลานานมาก ร่วมๆชั่วโมงจากตัวเมือง
จำได้มั๊ยว่า ตอนที่แล้วที่เราไปเที่ยว JiaYuGuan ที่เป็นเมืองส่งออกเหล็กคุณภาพ เหล็กที่ใช้สร้างสนามแห่งนี้กว่า50%ก็มาจาก JiaYuGuan นั้นละ
เราสามารถเดินชมบริเวณรอบๆได้ฟรี แต่ถ้าอยากเข้าไปดูด้านในก็จะต้องเสียตังเพิ่ม บริเวณรอบๆก็จะมีชาวจีนออกมาทำกิจกรรมกันเต็มไปหมด ทั้งคนแก่ วัยรุ่น มาเป็นครอบครัวก็มี กลายเป็นRecreational space ของชาวเมืองไปแล้ว
Wangfujing Street Food
ออกจาก Stadium กว่าจะกลับถึงเมืองก็มืดแล้ว ความหิวทำให้เดินมั่วๆซั่วๆมาเจอ Food Street ตรงWangfujing ก็เข้าทางเลยจ้า ชอบมากเดินไปกินไปเนี้ย แต่สิ่งแรกที่เห็นและขายกันเยอะมากทำให้ตกใจไปเลยก็คือแมงป่องตัวเป็นๆเสียบไม้ย่าง คือมันยังดิ้นกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่เลยอะ จะเป็นลม แต่ของอย่างอื่นก็กินได้ ลุยโลดดด
อาหารที่นี่ราคาอาจจะแพงกว่าตลาดอื่นๆที่เราไปเดินมาเล็กน้อย แต่ก็นะนี่มันเมืองหลวงเนอะ อะไรๆก็แพงตาม และที่จะไม่กินไม่ได้เลยเมื่อมาถึงนี่แล้วก็คือ "เป็ดปักกิ่ง" แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำการบ้านมา เลยซื้อๆกินไปงั้นอะ สุดท้ายก็เฉยๆ กินที่ไทยก็ได้
Day 7 : The Last Day
วันนี้วันสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดเพราะความเหนื่อยของทั้งทริปมารวมกันยังไม่เท่ากับวันนี้วันเดียว เราจะออกเดินทางไป Hiking กำแพงเมืองจีนกัน แต่เดี๋ยวก่อนนน ไอ้ด่านใกล้ๆไปง่ายๆอย่าง Badaling เนี้ยเราไม่ไปจ้า ไม่อยากไปผจญกับฝูงชนถ่ายรูปไม่สวย เราขอไปให้ไกลหน่อยแต่ได้เห็นของจริงที่ยังไม่ผ่านการซ่อมแซมมาก และก็คนน้อยด้วย นั้นก็คือ Jinshanling
Jinshanling Great Wall
การเดินทางมา Jinshanling ถ้าจะให้สะดวก แนะนำว่าให้เช่ารถพร้อมคนขับจากบริษัทขับพาเราไปดีกว่า เพราะเค้าจะรอรับเรากลับ พร้อมเล่าข้อมูลต่างๆให้เราฟังได้อีกด้วย เราใช้บริการคุณ Harry (wechat Harry961) บริการดี รถสบาย ขับขี่ปลอดภัย ราคาโอเค ลองติดต่อนางได้
กำแพงด่าน Jinshanling เป็นด่านที่มีการปรับปรุงน้อยและใกล้ Beijing มากที่สุด เหมาะกับคนที่ต้องการหลีกหนีคนและอยากสัมผัสความ original ของกำแพง ถ้าใครขาลุยหน่อยก็สามารถเดินยาวไปถึง Gubeikou ได้ ใช้เวลาประมาณ 8ชมในการเดินและต้องมีความพร้อมที่ค่อนข้างสูง เพราะทางเดินจะลำบากมาก มีการปีนป่ายจริงๆจังๆ แต่ถ้าใครอยากได้แค่พอประมาณก็แนะนำให้มาแบบเรา ใช้เวลาเดินประมาณ 4ชม มีปีนป่ายเล็กน้อยให้Adrenalineไหลหลั่ง แต่เตือนคนกลัวความสูงให้เตรียมใจหน่อย เพราะบางช่วงสูงจริงๆและไม่มีกำแพงกันตก
ระยะทางจากตัวเมืองBeijing มาที่กำแพงด่านนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ สองชั่วโมง วิวสองข้างทางก็จะเป็นภูเขาให้เราได้ดูเพลินๆ พอเข้าเขตกำแพงเราก็จะเห็นป้อมอยู่บนสันเขาไกลๆนู้นนนน บอกเลยว่าตอนนั้นใจนี่หึกเหิมมาก แต่พอลงจากรถเท่านั้นหละแทบจะวิ่งกลับเข้ารถ เพราะมันหนาวมาก แล้วแต่ละคนใส่ชุดบางๆ ชุดออกกำลัง เตรียมร้อนเต็มที่ มือชา หน้าชาไปตามๆกัน
ค่าเข้าGate คนละ 65 CNY ถ้าใครคิดว่าไหวก็ให้เดินขึ้นไปตั้งแต่ตีนเขา แต่ถ้าอยากเก็บแรงก็ให้ขึ้นกระเช้าไปคนละ 40CNY ก็จะถึงจุดที่เริ่ม trekking เลย ส่วนตัวขอแนะนำให้ขึ้นเถอะ หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล อย่ามาใช้แรงไปกับอะไรไม่เป็นเรื่อง ห้าๆๆ อ่อออ แล้วก็น้ำอาหาร เตรียมให้พร้อมนะ ถึงแม้ข้างบนจะมีป้าๆมาขายของอยู่บ้าง แต่เตรียมไปเองดีกว่าเพื่อความสบายใจ
เนี้ยลงกระเช้าปั๊บก็ถึงเลย เก๋เวอร์ ใช้เงินแก้ปัญหา ถ้าปีนเองจากตีนเขาก็น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงเผื่อเวลาไป เมื่อขึ้นมาแล้วให้เดินย้อนไปทางทิศตะวันออก (เดินตามพระอาทิตย์ไป)เดินให้ถูกหละ เดินผิดเดินย้อนไม่ไหวนะจ๊ะ ถ้าสังเกตุในรูปจะเห็นว่ามีป้อมเรียงรายอยู่ ป้อมเหล่านี้ก็คล้ายๆศูนย์บัญชาการในแต่ละเขต เป็นที่พัก เป็นหอสังเกตการณ์ เวลาเค้าจะส่งสารหากัน เช่นศัตรูมา ก็จะทำการจุดไฟในป้อม ป้อมที่อยู่ใกล้ๆก็จะเห็น ก็จะจุดตามๆส่งสารต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งป้อมที่เราจะต้องทำการเดินทั้งหมดในวันนี้มีทั้งหมดแปดป้อม ระยะทางนี่ไม่แน่ใจ แต่มองไปไกลๆนู้นก็ยังไม่เห็นป้อมที่แปดเลย แค่คิดก็ขาเปลี้ยละ
ช่วงแรกที่ขึ้นมาก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ถ่ายรูปกดกันให้ยับ มุมนั้นทีมุมนี้ที ดูเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เดินไปได้แค่สองป้อม!!! ตายละ จะทันมั๊ยยยยย ช่วงหลังเลยต้องเร่งสปีดนิดนึง
กำแพงมันก็จะมีสองด้านใช่มะ ด้านนอกเมืองกับด้านในเมือง วิธีสังเกตง่ายๆก็คือ ด้านทีหันไปด้านนอกเมืองจะมีช่องสำหรับวางปืนไว้ยิงข้าศึกได้ ส่วนอีกด้านก็จะเป็นเรียบๆไม่มีหยัก และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ากำแพงจะผ่านการซ่อมแซมมาบ้างแล้ว โดยดูได้จากวัสดุกำแพงที่ด้านฐานจะเป็นคนละชนิดกับด้านบน และก็จะมีความเก่าไปตามยุคสมัยที่ผ่านการซ่อมมา ก็อย่างว่านะ ถ้าไม่ซ่อมเลยอาจจะไม่เหลือให้เราเดินแล้วก็ได้ แต่มันก็จะมีบางช่วงที่ซ่อมน้อยมากแบบไม่มีกำแพงไม่มีบันได จะเดินจะปีนอะไรก็ต้องระวังกันด้วย เพราะมันค่อนข้างอันตราย อย่างถ้าเป็นในฤดูหนาวบางช่วงก็จะไม่เปิดให้เดินเพราะพื้นลื้นและลมก็แรง พัดมาทีนี่เรียกว่าเจอกันข้างล่างเลยนะจ๊ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้