ผมเองเชื่อว่ายุคทองของนักลงทุนซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงยุคทองของ VI นั้นสิ้นสุดไปแล้ว เหตุผลเพราะว่ามันดำเนินมานานเป็นทศวรรษแล้ว ราคาหุ้นโดยรวมคือดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปสูงเกินกว่าพื้นฐานหรือผลประกอบการของกิจการน่าจะกว่าหนึ่งเท่าตัว
กล่าวคือในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตปีละประมาณ 6-7% ราคาของหุ้นกลับโตขึ้นปีละ 14-15% ส่งผลให้ราคาหุ้นแพงขึ้นมากวัดจากค่า PE ที่สูงขึ้นจากที่ไม่เกิน 10 เท่าเป็น 16-17 เท่าในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกัน การเติบโตในอนาคตของเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยน่าจะกำลังถดถอยลงตามอายุของประชากรไทยที่กำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว นี่จะทำให้ราคาหรือดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ยาก
เราอาจจะกำลังอยู่ในสภาวะที่ “หุ้นหรือบริษัทโตช้าแต่ราคาแพง” ซึ่งทำให้การลงทุนในอนาคตไม่น่าจะสดใสเหมือนตอนที่ “หุ้นโตเร็วแต่ราคาถูก”
โดย ดร.นิเวศน์ / พฤศจิกายน 2561
สิ้นยุคVI มันจบแล้วนาย
กล่าวคือในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตปีละประมาณ 6-7% ราคาของหุ้นกลับโตขึ้นปีละ 14-15% ส่งผลให้ราคาหุ้นแพงขึ้นมากวัดจากค่า PE ที่สูงขึ้นจากที่ไม่เกิน 10 เท่าเป็น 16-17 เท่าในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกัน การเติบโตในอนาคตของเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยน่าจะกำลังถดถอยลงตามอายุของประชากรไทยที่กำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว นี่จะทำให้ราคาหรือดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ยาก
เราอาจจะกำลังอยู่ในสภาวะที่ “หุ้นหรือบริษัทโตช้าแต่ราคาแพง” ซึ่งทำให้การลงทุนในอนาคตไม่น่าจะสดใสเหมือนตอนที่ “หุ้นโตเร็วแต่ราคาถูก”
โดย ดร.นิเวศน์ / พฤศจิกายน 2561