++...นักการเมืองมีการย้ายพรรคก่อนเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องปกติ...++(ริมคันนา)

การย้ายพรรคของนักการเมืองมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ในมุมมองของดิฉันนั้น  มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะคนเรานั้นย่อมหาทางที่เหมาะกับตัวเองทั้งมีอุดมการณ์ ทั้งมีผลประโยชน์ ทั้งหาทางเอาตัวรอด ก็แล้วแต่มุมมอง แต่ใครจะมองว่า การย้ายพรรคของนักการเมืองแต่ละคนนั้น มาจากสาเหตุอะไร ก็คงพอจะมองออก แล้วยิ่งที่ผ่านมา เหตุการณ์ต่างๆล้วนก่อให้เกิดคดีความติดตัวกันมากมายด้วยแล้ว  ย่อมไม่แปลกหรอกค่ะที่จะหาทางเอาตัวรอดกันไป

การย้ายพรรคของนักการเมืองก่อนการเลือกตั้ง  ยิ่งเป็นการดี แฟร์ๆ ที่ทำกันก่อนการเลือกตั้ง เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนต่างหากที่จะเป็นคนตัดสินว่า นักการเมืองคนไหนที่ประชาชนจะฝากความหวังให้เข้าไปทำหน้าที่แทนได้ แบบนี้ประชาชนจะได้เห็นตัวตนชัดเจนของนักการเมืองแต่ละคน ส่วนต่อจากนี้ไปก็คือผลแห่งการกระทำของนักการเมืองวัดกันที่คูหา

ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่า สมัยอดีตที่มีนักการเมืองบางคนที่ตอนหาเสียง เดินเข้าหาประชาชน อาศัยนโยบายของพรรคนึงหาเสียง พอประชาชนเทคะแนนให้เพราะหวังว่าจะเป็นปากเสียงในเรื่องต่างๆ และยอมรับในนโยบายที่นำมาเร่ขาย จนได้รับคะแนนไว้วางใจไป  แต่พอเข้าไปเป็นสส.ในสภา ซึ่งนักการเมืองคนนั้นประชาชนก็รู้อยู่ว่ามีคดีความติดตัว  แต่พอมีการโหวตนายก กลับย้ายขั้วไปกอดกับพรรคแมลงสาป ซึ่งเป็นคนละฝั่ง คนละอุดมการณ์ กับพรรคที่สังกัดก่อนได้ตำแหน่ง แบบตรงกันข้าม จนเป็นเหตุให้นายกที่ได้ กลับกลายเป็นฟากฝั่งที่ประชาชนไม่ได้ต้องการ   บอกตรงๆแบบนั้นมันประเภท หักหลังประชาชนชัดๆค่ะ ประชาชนรับไม่ได้หรอก

แต่หลังจากนั้นนักการเมืองคนนั้นก็ต้อง ดับสูญไปจากวงการการเมืองไทย  หันไปทำอาชีพอื่น  เพราะถ้ายังหนาอยู่ ก็คงไม่ต่างอะไรกับแมลงสาปที่ค่อยๆสูญพันธุ์ไปทีละน้อยทีละน้อย ถึงยังอยู่ก็หาราคาไม่ได้ ลอยไปลอยมาไร้หลักการณ์ไปวันๆ

เพราะฉะนั้น การย้ายพรรคของนักการเมืองก่อนการเลือกตั้ง  ใครอยากไปไหน ก็ไปเถอะค่ะ  สุดท้าย ก็ไปรอดูกันที่ผลของเลือกตั้ง  จะออกมาอย่างไรนั้นประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง

แต่ที่น่าแปลกใจอยู่อย่างคือ เมื่อก่อนที่มีนักการเมืองเข้ามาไทยรักไทย ซึ่งย้ายก่อนการเลือกตั้ง  เราจะได้ยินคำประณาม หยามเหยียดว่า เป็นพวกสส.ขายตัว ถูกซื้อ เห็นแก่เงิน  ซึ่งเป็นคำด่าทอ จากฟากฝั่งของคนดีที่ชอบเหยียดหยามคนที่คิดต่างกับตัวเอง  

แต่ตอนนี้ มีการย้ายพรรคกันมากมายแต่เป็นการย้ายเข้าไปสู่พรรคที่พวกสลิ่มคนดีเชียร์  กลับมีวาทกรรมใหม่ว่า  "ฝ่ายประชาธิปไตยเลือดไหลไม่หยุด"  ตกลงว่า การย้ายพรรคไม่ใช่สส.ขายตัวแล้วใช่มั้ยคะ?  เป็นสลิ่มคนดีนี่ ใช้วาทกรรมอย่างไรก็ได้ใช่มั้ยคะ จะดีจะชั่ว ดูแค่เป็นฝ่ายไหนทำ  อืม  สลิ่มนี่มันประเทศกรูมีจริงๆเลยเชียว  อิอิ

...ริมคันนา...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

พลเอกสุจินดา ลาออก พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะเลือก  พล.อ.อ สมบุญ ระหงษ์  เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนฯ ในขณะนั้น ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายก ฯ


นายอานันท์ ประกาศจัดการเลือกตั้งในวันที่ 13 กันยายน 2535 ไม่กี่เดือนจากเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ


ขณะนั้นกระแสพรรคเทพ พรรคมาร แรงมาก  พรรคชาติไทยที่เป็นฝ่ายพรรคมารก็เตรียมการเลือกตั้งปกติ

โดยหวังให้พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มานำทัพ แต่จู่ๆพลเอกชาติชาย กลับหนีจากพรรคชาติไทย

พรรคที่เหมือนกับเป็นพรรคครอบครัวตนเอง มาอยู่พรรคชาติพัฒนา ท่ามกลางความแปลกใจของคอการเมืองยุคนั้น


นี่ระดับหัวหน้าพรรค แคนนิเดตนายกรัฐมนตรีย้ายพรรค คนยุคนั้นยังเห็นเป็นเรื่องปกติ อาจจะแปลกใจเล็กน้อย แค่นั้น !!!

แต่สองวันนี้  แค่ส.ส ธรรมดาย้ายพรรค บางพวกถึงกับฟินน้ำลายไหล ดีใจสุดขีด


เอ...ทำไมคนสมัยนี้อารมณ์อ่อนไหวขนาดนี้ หรือ พวกนั้นมันไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์การเมือง จึงเห็นเป็นเรื่องแปลก ?

cnck
ความคิดเห็นที่ 13
อย่าว่าแต่ย้ายพรรคก่อนการเลือกตั้งเลย !!!

ในการเลือกตั้งครั้งที่ 15 ของไทยในวันที่ 18 เมษายน 2526

รัฐธรรมนูญฉบับนั้นอนุญาตให้ย้ายพรรคหลังการเลือกตั้งได้ แต่ต้องทำภายใน 4 วัน


ผลการเลือกตั้งครั้งแรก  พรรคกิจสังคมได้ 92 ที่นั่ง พรรคชาติไทยได้เพียง 73 ที่นั่ง

แต่ด้วยความอยากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคชาติไทยลงมือดูด ส.ส ทันที สุดท้ายกลับมามี ส.ส มากกว่า พรรคกิจสังคม


แต่บั้นปลายพรรคชาติไทยก็แห้ว... เพราะทหารที่มี พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็น ผบ.ทบ ไม่เอาพรรคชาติไทยเป็นรัฐบาล

ทำให้ต้องไปเป็นฝ่ายค้านตลอดสมัยนั้น


ป.ล  ถามว่าดูด ส.ส ที่ได้รับการเลือกตั้งแล้ว ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ? เพี้ยนหัวเราะ

ป.ล 2 ผู้จัดการรัฐบาลยุคนั้นคือ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ  ซึ่งขณะนั้นมียศพลโท

cnck
ความคิดเห็นที่ 7
สองวันนี้อ่านเรื่องการย้ายพรรค เห็นบางพวกฟินกันใหญ่ ก็นึกแปลกใจ เอ๊ะ !!! มันแปลกตรงไหนหว่า ?...

การเมืองไทยนับหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ 1 เมื่อ 15 พ.ย 2476 มาถึงครั้งล่าสุด ครั้งที่ 26 3 ก.ค 2554

มีครั้งไหนบ้างที่ไม่มี  ส.ส ย้ายพรรค  !!!

(การเลือกตั้งครั้งที่ 27  2 กพ 2557 นกหวีดขัดขวางการเลือกตั้ง)


ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช  พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ  คุณทักษิณ ชินวัตร คุณสมัคร สุนทรเวช

ระดับนายกรัฐมนตรียังเคยย้ายพรรคมาแล้ว นับประสาอะไรกับพวกเป็นแค่รัฐมนตรี หรือ ส.ส บิ๊กเนม


cnck
ความคิดเห็นที่ 6
น้องคิดว่า เป็นพฤติกรรมการเอาตัวรอด ของคนที่มองตัวเองแล้วว่าไม่น่าจะรอด หรือหวังผลประโยชน์
เปรียบกับคนที่ว่ายน้ำไม่แข็ง (คือว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นเน้อ ไม่ใช่ว่ายแล้ว..ไม่แข็ง 555+ //นุ้งคิดไปเองอะเปล่าคะเนี่ย)
โอ๊ย เปลี่ยนใหม่ๆ ค่ะ
เปรียบเหมือนกลุ่มคน ที่อยากจะข้ามไปฝั่งฝันได้ไว พอเห็นเรือลำหนึ่ง ที่ภายนอกสังสรรค์เฮฮากันเจื้อยแจ้ว
เลยกระโดดจากเรือที่ตัวเองอยู่ปัจจุบัน ว่ายไปเกาะ

ว่าแต่.. พวกเค้าจะคาดการณ์ชะตาตัวเองไหมคะว่า พอถึงฝั่งแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง
จะโดนยันหัวเรือส่ง หรือ จะได้รับการอุ้มชู อย่างดีรึเปล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่