เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวเมือง Chichibu ที่ไซตามะมา โดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวเมืองจิจิบุ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ มาเริ่มออกเดินทางกันเลยค่ะ
เริ่มออกเดินทางไปสู่ Chichibu กันด้วยรถไฟ Red Arrow Chichibu No.7 ซึ่งเป็นรถไฟของบริษัท Seibu ค่ะ เราจะขึ้นจากสถานี Ikebukuro ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที รถไฟกว้างที่นั่งสบายหลับแปปเดียวก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราคือ สถานี Seibu Chichibu แล้วค่ะ
ในครั้งนี้เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ตอนซื้อตั๋วรถไฟเราเลยซื้อ Chichibu+Nagatoro 1 Day Pass ซึ่งจะเป็นพาสที่เราสามารถใช้ขึ้นลงรถไฟเที่ยวในตัวเมืองจิจิบุยาวไปถึงนากะโทโร่ได้โดยไม่จำกัดเที่ยวเลย
หน้าตาตั๋วและpassค่ะ
มาถึงปลายทางแล้วค่ะ
พอออกจากชานชาลามาก็จะเจอห้องพักนั่งรอรถไฟ และร้านขายของระลึกใหญ่มากพร้อมศูนย์อาหารชื่อ Matsunoyu แต่ก่อนอื่นเราออกเที่ยวกันก่อน โดยที่แรกที่เราจะไปกันคือ Komatsuzawa Leisure Farm ค่ะ การเดินทางจากสถานี Seibuchichibu ต้องนั่งแทกซี่ไปประมาณ 15-20 นาที สิ่งที่เราจะมาทำกันที่นี่คือ มาชิมของขึ้นชื่อของเมืองจิจิบุคือเห็ดชิตาเกะกับองุ่นนั่นเอง
ถึงแล้วววว
เริ่มแรกพอเรามาถึงต้องกดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติก่อน แล้วก็ดูตามแผนที่ได้เลยว่าไร่องุ่นไปทางไหน โรงเพาะเห็ดไปทางไหน ไร่องุ่นเค้ามีหลายไร่มากซึ่งคุณป้าพนักงานก็จะบอกเราว่าวันนี้เปิดให้เข้าไปได้คือไร่ไหนบ้าง ก็ไปตามนั้นเลยค่ะ เนื่องจากดูแล้วไร่องุ่นอยู่ใกล้กว่า เราเลยไปเริ่มที่ไร่องุ่นกันก่อน
พอมาถึงคุณป้าพนักงานก็จะอธิบายให้ฟังว่าเราสามารถทานองุ่นได้ไม่จำกัดภายใน 30 นาที โดยองุ่นจะมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือองุ่นเคียวโฮที่หอมหวานอร่อยมาก และยังมีองุ่นพันธุ์อื่นๆใส่ตะกร้าไว้ให้ชิมเปรียบเทียบกันได้อีก ขอแค่อย่าตัดมาเยอะเกินแล้วเหลือทิ้งนะจ๊ะ
ตัดที่โคนแล้วเอามาทั้งพวงที่มีพลาสติกหุ้มเลย
เขียวอมเปรี้ยวหน่อย แดงแอบหอมเหมือนไวน์ ดำๆคือเคียวโฮค่ะ
พันธุ์อื่นๆที่ใส่ตะกร้าให้กินเปรียบเทียบได้
องุ่นพวงใหญ่เท่าหน้า กินจนจุกเลยทีเดียว
เสร็จจากองุ่นแล้วเราก็ไปเก็บเห็ดกันต่อเลย
พอมาถึงหน้าโรงเพาะเห็ดแล้ว พนักงานจะให้ถุงเราคนละใบพร้อมสอนวิธีเด็ดเห็ดและก็แนะนำเมนูที่เอาเห็ดไปทำละอร่อย ซึ่งพอลองทำก็อร่อยจริง5555555 โดยตั๋วที่เราซื้อมานั้นเก็บเห็ดได้ไม่เกิน 500 กรัม ถ้าเกินจะคิด 100 เยนต่อ100 กรัม ก่อนออกมาก็ชั่งเครื่องชั่งกันดีๆนะ
ใหญ่มากกกกกก
พอเก็บเห็ดเสร็จแล้วเราก็กลับมาตรงจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นโซนร้านอาหารและมีเตาให้สำหรับคนที่อยากย่างเห็ดย่างปลาที่จับมาได้แล้วกินเดี๋ยวนั้นเลย แต่วันนั้นฝนตกอากาศหนาวเลยไม่ได้ลงไปจับปลากัน ก็ย่างเห็ดกินกรุบกริบค่ะ
สดมาก แค่จิ้มกับโชยุก็อร่อยแล้ว
กินอิ่มเรียบร้อยเราก็กลับไปยังสถานี Seibu Chichibu เพราะอ่านเจอมาว่าแถวนั้นมีร้านดังที่มีเมนูขึ้นชื่อของเมืองจิจิบุคือข้าวหน้าหมูหมักมิโซะ เดินจากสถานีไปราว 5 นาที พอไปถึงก็รอคิวพอน่ารักประมาณ 5 นาที แล้วก็เข้าไปซื้อตั๋วที่เครื่องอัตโนมัติในร้านแล้วยื่นให้พนักงาน ซึ่งมารู้ทีหลังว่าร้านนี้ดังมากกกกก ปกติรอคิวเป็นชั่วโมง แต่วันที่เราไปฝนตกเลยรอคิวแค่ 5 นาที อิอิ
อันนี้คือไซส์ปกติสั่งเพิ่มไข่ดิบ อร่อยมาก อิ่ม แฮปปี้
ต่อไปเราจะไปเดินย่อยอาหารกันที่ถนนคนเดินสไตล์เรโทร Banba Dori ที่จริงๆแล้วเป็นถนนที่อยู่ระหว่างสถานี Ohanabatake และ สถานี Chichibu (คนละอันกับ Seibu Chichibu นะ เพราะเป็นรถไฟคนละสาย) แต่จากการสอบถามนายสถานีได้ความว่าอยู่ไม่ไกลกันมากสามารถเดินไปจากสถานี Seibuchichibu ได้ แต่ด้วยความที่วันนั้นฝนตกเลยเดินประมาณ 15 นาที ก็จะถึงปากทางเข้าถนน Banba Dori สังเกตจากเสาไฟสไตล์เรโทรได้เลย
เดินเข้ามาในถนน Banba Doriเรื่อยๆ จะเจอสี่แยกหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และก็ยังใช้งานอยู่ด้วย
ร้านอาหาร
ร้านขายผักดอง
ระหว่างทางก็มีร้านรวงน่ารักๆ
และเราก็แวะกินของดังที่ได้เห็นมาจากไอจีคนญี่ปุ่นคือมันฝรั่งทอดราดซอสมิโซะค่ะ
รสชาติแปลกใหม่ดีเพราะว่าซอสมิโซะเค้าจะออกหวานๆ คหสตว่าไม่เหมือนมิโซะที่กินในอาหารคาวปกติทั่วไปค่ะ
จากนั้นเราก็เดินย่อยถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆเพราะมีหลายมุมมากที่น่าถ่ายรูป เป็นบ้านเก่า อาคารเก่าที่อนุรักษ์ไว้
น่ารักๆ
ลานจอดรถนี้เคยเป็นโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลย้ายไปตั้งที่อื่นเลยเหลือแค่ป้ายเป็นที่ระลึก ถ่ายมาเพราะแปลกดีค่ะ ชื่อป้ายรถเมล์ก็ยังเป็นชื่อรพ.นี้55555
และเราก็เดินมาจนสุดถึงศาลเจ้าจิจิบุค่ะ
แวะไหว้พระสักหน่อย
และก็สมควรแก่เวลาที่เราจะกลับไปยังสถานี Chichibu เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือ Nagatoro
ระหว่างทางเดินกลับเราก็เจอร้านขายของที่ระลึกที่เป็นบ้านแบบโบราณที่เปิดให้เข้าไปนั่งพักได้ฟรีด้วย ฝนก็ตก นุ้งเดินมาเหนื่อยไหนๆก็ขอแวะนิดนึงนะคะ
ขายผักด้วย
ห้องเสื่อตาตามิให้นั่งพักได้
ช่องส่องบ่อน้ำ อีกอย่างที่ถ่ายมาด้วยเหตุผลเดียวกับป้ายรพ.เมื่อกี้
ถึงสถานี Chichibu แล้วเราก็จะขึ้นรถไฟไปยังสถานี Nagatoro จริงๆแล้วเราแพลนไว้ว่าอยากมาเดินเล่นริมแม่น้ำแล้วก็เล่นล่องแก่งที่นี่มากๆ แต่ฝนตกเลยต้องล้มแพลนไป ฮือ ไว้มาแก้มือโอกาสหน้า เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยมาที่นี่ก็เพื่อมาทานของหวานคือ น้ำแข็งไสเจ้าดังที่เขาว่าน้ำแข็งนั้นทำมาจากน้ำแร่ที่มาจากเทือกเขาจิจิบุ แถมปกติเป็นร้านที่รอคิวอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ไม่ลองไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ก็ขอบคุณฝนอีกนะคะที่ทำให้เราไม่ต้องรอคิวเลย เย่
ป้ายหน้าร้าน
เมนูแนะนำของทางร้าน เป็นน้ำแข็งไสพร้อมน้ำเชื่อมสูตรพิเศษกับซอสสองรสและถั่วแดงบด
เห็นชามใหญ่ขนาดนี้คนเดียวหมดนะคะ เพราะเนื้อน้ำแข็งคือนุ่มฟูแถมละลายในปาก เราว่านุ่มกว่าบิงซูแต่มันเป็นน้ำแข็งไส แค่ราดนมข้นหวานก็อร่อยแล้ว อร่อยจนซดน้ำที่ละลาย55555
ทานของหวานเสร็จเราก็เดินตรงขึ้นไปศาลเจ้าโฮโดะซังสักหน่อย เดินประมาณ 15 นาทีค่ะ ใครไม่ไหวแนะนำแทกซี่โลดค่ะ แต่ถ้าไม่กลับไปเรียกจากหน้าสถานีอาจจะหายากหน่อย
ระหว่างทางเจอโรงละครลิง (ที่คาดว่าเจ๊งไปแล้ว) เช่นกัน ถ่ายมาด้วยเหตุผลเดียวกับป้ายรพ.และช่องส่องบ่อน้ำ555555
ถึงศาลเจ้าแล้วจ้า
ป้ายขอพรเป็นรูปน้องหมาน่ารักกกก
ดูบันไดจากรูปอาจจะชอคไปหน่อยแต่จริงๆนิดเดียวเองนะคะ
ความน่าสนใจคือที่นี่มีเซียมซีหลายแบบมาก เอากลับไปเป็นของที่ระลึกก็ได้ แต่แปลเซียมซีออกมั้ยเป็นอีกเรื่องนะคะ5555555
จบทริปหนึ่งวันของเราแล้ว กลับมาถึงสถานี Seibuchichibu ประมาณ 6 โมงเย็น มีเวลาเลือกซื้อของฝากเล็กน้อยค่ะ
ของดังของที่นี่คือมิโซะและองุ่น ประกอบกับเห็นคนญี่ปุ่นหยิบกันเยอะมาก เลยสอยเยลลี่ไวน์แดงกับมันฝรั่งทอดรสมิโซะมาค่ะ ราคาน่ารัก อร่อยด้วย
ขออภัยที่ไม่มีรูปค่ะ
กระทู้แรก มีข้อผิดพลาดขออภัยด้วยนะคะ ปกติตามอ่านอย่างเดียว55555
พบกันใหม่เมื่อมีโอกาส(และตังค์)ค่า
[SR] พาเที่ยวเมือง Chichibu จังหวัด Saitama ค่ะ
เริ่มออกเดินทางไปสู่ Chichibu กันด้วยรถไฟ Red Arrow Chichibu No.7 ซึ่งเป็นรถไฟของบริษัท Seibu ค่ะ เราจะขึ้นจากสถานี Ikebukuro ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที รถไฟกว้างที่นั่งสบายหลับแปปเดียวก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราคือ สถานี Seibu Chichibu แล้วค่ะ
ในครั้งนี้เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ตอนซื้อตั๋วรถไฟเราเลยซื้อ Chichibu+Nagatoro 1 Day Pass ซึ่งจะเป็นพาสที่เราสามารถใช้ขึ้นลงรถไฟเที่ยวในตัวเมืองจิจิบุยาวไปถึงนากะโทโร่ได้โดยไม่จำกัดเที่ยวเลย
หน้าตาตั๋วและpassค่ะ
มาถึงปลายทางแล้วค่ะ
พอออกจากชานชาลามาก็จะเจอห้องพักนั่งรอรถไฟ และร้านขายของระลึกใหญ่มากพร้อมศูนย์อาหารชื่อ Matsunoyu แต่ก่อนอื่นเราออกเที่ยวกันก่อน โดยที่แรกที่เราจะไปกันคือ Komatsuzawa Leisure Farm ค่ะ การเดินทางจากสถานี Seibuchichibu ต้องนั่งแทกซี่ไปประมาณ 15-20 นาที สิ่งที่เราจะมาทำกันที่นี่คือ มาชิมของขึ้นชื่อของเมืองจิจิบุคือเห็ดชิตาเกะกับองุ่นนั่นเอง
ถึงแล้วววว
เริ่มแรกพอเรามาถึงต้องกดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติก่อน แล้วก็ดูตามแผนที่ได้เลยว่าไร่องุ่นไปทางไหน โรงเพาะเห็ดไปทางไหน ไร่องุ่นเค้ามีหลายไร่มากซึ่งคุณป้าพนักงานก็จะบอกเราว่าวันนี้เปิดให้เข้าไปได้คือไร่ไหนบ้าง ก็ไปตามนั้นเลยค่ะ เนื่องจากดูแล้วไร่องุ่นอยู่ใกล้กว่า เราเลยไปเริ่มที่ไร่องุ่นกันก่อน
พอมาถึงคุณป้าพนักงานก็จะอธิบายให้ฟังว่าเราสามารถทานองุ่นได้ไม่จำกัดภายใน 30 นาที โดยองุ่นจะมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือองุ่นเคียวโฮที่หอมหวานอร่อยมาก และยังมีองุ่นพันธุ์อื่นๆใส่ตะกร้าไว้ให้ชิมเปรียบเทียบกันได้อีก ขอแค่อย่าตัดมาเยอะเกินแล้วเหลือทิ้งนะจ๊ะ
ตัดที่โคนแล้วเอามาทั้งพวงที่มีพลาสติกหุ้มเลย
เขียวอมเปรี้ยวหน่อย แดงแอบหอมเหมือนไวน์ ดำๆคือเคียวโฮค่ะ
พันธุ์อื่นๆที่ใส่ตะกร้าให้กินเปรียบเทียบได้
องุ่นพวงใหญ่เท่าหน้า กินจนจุกเลยทีเดียว
เสร็จจากองุ่นแล้วเราก็ไปเก็บเห็ดกันต่อเลย
พอมาถึงหน้าโรงเพาะเห็ดแล้ว พนักงานจะให้ถุงเราคนละใบพร้อมสอนวิธีเด็ดเห็ดและก็แนะนำเมนูที่เอาเห็ดไปทำละอร่อย ซึ่งพอลองทำก็อร่อยจริง5555555 โดยตั๋วที่เราซื้อมานั้นเก็บเห็ดได้ไม่เกิน 500 กรัม ถ้าเกินจะคิด 100 เยนต่อ100 กรัม ก่อนออกมาก็ชั่งเครื่องชั่งกันดีๆนะ
ใหญ่มากกกกกก
พอเก็บเห็ดเสร็จแล้วเราก็กลับมาตรงจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นโซนร้านอาหารและมีเตาให้สำหรับคนที่อยากย่างเห็ดย่างปลาที่จับมาได้แล้วกินเดี๋ยวนั้นเลย แต่วันนั้นฝนตกอากาศหนาวเลยไม่ได้ลงไปจับปลากัน ก็ย่างเห็ดกินกรุบกริบค่ะ
สดมาก แค่จิ้มกับโชยุก็อร่อยแล้ว
กินอิ่มเรียบร้อยเราก็กลับไปยังสถานี Seibu Chichibu เพราะอ่านเจอมาว่าแถวนั้นมีร้านดังที่มีเมนูขึ้นชื่อของเมืองจิจิบุคือข้าวหน้าหมูหมักมิโซะ เดินจากสถานีไปราว 5 นาที พอไปถึงก็รอคิวพอน่ารักประมาณ 5 นาที แล้วก็เข้าไปซื้อตั๋วที่เครื่องอัตโนมัติในร้านแล้วยื่นให้พนักงาน ซึ่งมารู้ทีหลังว่าร้านนี้ดังมากกกกก ปกติรอคิวเป็นชั่วโมง แต่วันที่เราไปฝนตกเลยรอคิวแค่ 5 นาที อิอิ
อันนี้คือไซส์ปกติสั่งเพิ่มไข่ดิบ อร่อยมาก อิ่ม แฮปปี้
ต่อไปเราจะไปเดินย่อยอาหารกันที่ถนนคนเดินสไตล์เรโทร Banba Dori ที่จริงๆแล้วเป็นถนนที่อยู่ระหว่างสถานี Ohanabatake และ สถานี Chichibu (คนละอันกับ Seibu Chichibu นะ เพราะเป็นรถไฟคนละสาย) แต่จากการสอบถามนายสถานีได้ความว่าอยู่ไม่ไกลกันมากสามารถเดินไปจากสถานี Seibuchichibu ได้ แต่ด้วยความที่วันนั้นฝนตกเลยเดินประมาณ 15 นาที ก็จะถึงปากทางเข้าถนน Banba Dori สังเกตจากเสาไฟสไตล์เรโทรได้เลย
เดินเข้ามาในถนน Banba Doriเรื่อยๆ จะเจอสี่แยกหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และก็ยังใช้งานอยู่ด้วย
ร้านอาหาร
ร้านขายผักดอง
ระหว่างทางก็มีร้านรวงน่ารักๆ
และเราก็แวะกินของดังที่ได้เห็นมาจากไอจีคนญี่ปุ่นคือมันฝรั่งทอดราดซอสมิโซะค่ะ
รสชาติแปลกใหม่ดีเพราะว่าซอสมิโซะเค้าจะออกหวานๆ คหสตว่าไม่เหมือนมิโซะที่กินในอาหารคาวปกติทั่วไปค่ะ
จากนั้นเราก็เดินย่อยถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆเพราะมีหลายมุมมากที่น่าถ่ายรูป เป็นบ้านเก่า อาคารเก่าที่อนุรักษ์ไว้
น่ารักๆ
ลานจอดรถนี้เคยเป็นโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลย้ายไปตั้งที่อื่นเลยเหลือแค่ป้ายเป็นที่ระลึก ถ่ายมาเพราะแปลกดีค่ะ ชื่อป้ายรถเมล์ก็ยังเป็นชื่อรพ.นี้55555
และเราก็เดินมาจนสุดถึงศาลเจ้าจิจิบุค่ะ
แวะไหว้พระสักหน่อย
และก็สมควรแก่เวลาที่เราจะกลับไปยังสถานี Chichibu เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือ Nagatoro
ระหว่างทางเดินกลับเราก็เจอร้านขายของที่ระลึกที่เป็นบ้านแบบโบราณที่เปิดให้เข้าไปนั่งพักได้ฟรีด้วย ฝนก็ตก นุ้งเดินมาเหนื่อยไหนๆก็ขอแวะนิดนึงนะคะ
ขายผักด้วย
ห้องเสื่อตาตามิให้นั่งพักได้
ช่องส่องบ่อน้ำ อีกอย่างที่ถ่ายมาด้วยเหตุผลเดียวกับป้ายรพ.เมื่อกี้
ถึงสถานี Chichibu แล้วเราก็จะขึ้นรถไฟไปยังสถานี Nagatoro จริงๆแล้วเราแพลนไว้ว่าอยากมาเดินเล่นริมแม่น้ำแล้วก็เล่นล่องแก่งที่นี่มากๆ แต่ฝนตกเลยต้องล้มแพลนไป ฮือ ไว้มาแก้มือโอกาสหน้า เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยมาที่นี่ก็เพื่อมาทานของหวานคือ น้ำแข็งไสเจ้าดังที่เขาว่าน้ำแข็งนั้นทำมาจากน้ำแร่ที่มาจากเทือกเขาจิจิบุ แถมปกติเป็นร้านที่รอคิวอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ไม่ลองไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ก็ขอบคุณฝนอีกนะคะที่ทำให้เราไม่ต้องรอคิวเลย เย่
ป้ายหน้าร้าน
เมนูแนะนำของทางร้าน เป็นน้ำแข็งไสพร้อมน้ำเชื่อมสูตรพิเศษกับซอสสองรสและถั่วแดงบด
เห็นชามใหญ่ขนาดนี้คนเดียวหมดนะคะ เพราะเนื้อน้ำแข็งคือนุ่มฟูแถมละลายในปาก เราว่านุ่มกว่าบิงซูแต่มันเป็นน้ำแข็งไส แค่ราดนมข้นหวานก็อร่อยแล้ว อร่อยจนซดน้ำที่ละลาย55555
ทานของหวานเสร็จเราก็เดินตรงขึ้นไปศาลเจ้าโฮโดะซังสักหน่อย เดินประมาณ 15 นาทีค่ะ ใครไม่ไหวแนะนำแทกซี่โลดค่ะ แต่ถ้าไม่กลับไปเรียกจากหน้าสถานีอาจจะหายากหน่อย
ระหว่างทางเจอโรงละครลิง (ที่คาดว่าเจ๊งไปแล้ว) เช่นกัน ถ่ายมาด้วยเหตุผลเดียวกับป้ายรพ.และช่องส่องบ่อน้ำ555555
ถึงศาลเจ้าแล้วจ้า
ป้ายขอพรเป็นรูปน้องหมาน่ารักกกก
ดูบันไดจากรูปอาจจะชอคไปหน่อยแต่จริงๆนิดเดียวเองนะคะ
ความน่าสนใจคือที่นี่มีเซียมซีหลายแบบมาก เอากลับไปเป็นของที่ระลึกก็ได้ แต่แปลเซียมซีออกมั้ยเป็นอีกเรื่องนะคะ5555555
จบทริปหนึ่งวันของเราแล้ว กลับมาถึงสถานี Seibuchichibu ประมาณ 6 โมงเย็น มีเวลาเลือกซื้อของฝากเล็กน้อยค่ะ
ของดังของที่นี่คือมิโซะและองุ่น ประกอบกับเห็นคนญี่ปุ่นหยิบกันเยอะมาก เลยสอยเยลลี่ไวน์แดงกับมันฝรั่งทอดรสมิโซะมาค่ะ ราคาน่ารัก อร่อยด้วย
ขออภัยที่ไม่มีรูปค่ะ
กระทู้แรก มีข้อผิดพลาดขออภัยด้วยนะคะ ปกติตามอ่านอย่างเดียว55555
พบกันใหม่เมื่อมีโอกาส(และตังค์)ค่า