นักฟุตบอลทั่วไปเรื่องการย้ายสโมสรนั้นนับว่าเป็นเรื่องปกติอย่างมาก เชื่อว่าในโลกนี้มีนักฟุตบอลที่เคยเล่นให้ไม่ต่ำกว่า 2 ทีมเกือบ 90% ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดและมันก็เกิดขึ้นประจำในวงการ
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/piony1a6l8SvAN6CAj9-o.jpg)
แต่การที่นักฟุตบอลคนหนึ่งซึ่งเคยลงเล่นให้ในนามทีมชาติหนึ่งไปแล้ว กลับเปลี่ยนใจมาขอเล่นให้อีกทีมชาติหนึ่งนี้ เราคงเห็นกันไม่บ่อยนัก เพราะที่เราเคยเห็นกันก็มีแต่บรรดานักเตะ 2 สัญชาติที่เลือกเล่นให้ทีมเดียว หรือพวกโอนสัญชาติ
ฟีฟ่า เพิ่งจะเปลียนกฎการติดทีมชาติให้กับนักเตะที่มีมากกว่า 1 สัญชาติ โดยหากนักเตะดนใดลงเล่นให้ทีมชาติเพียง 1-2 นัด หรือหากได้รับสัญชาติใหม่จากการอาศัยอยู่ในประเทศนั้นตามที่กำหนด ก็สามารถปลี่ยนไปเล่นให้กับอีกประเทศหนึ่งที่ตนถือสัญชาติอยู่ด้วยได้
ดังนั้นปัจจุบันเราจึงเห็นนักเตะหลายคนเคยลงเล่นให้ 2 ประเทศมาแล้ว และวันนี้เราก็ได้คัดเอา 5 สตาร์ดังชื่อคุ้นหูที่เคยรับใช้ทีมชาติ 2 ทีมมาให้ชมกัน
1. วิลฟรีด ซาฮา - อังกฤษ และ ไอวอรี โคสต์
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/pionyb7ic31JV7xEs3d3-o.jpg)
อดีตนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยติดทีมชาติ อังกฤษ ในยุคของ 'ปู่รอย' รอย ฮ็อดจ์สัน 2 ครั้งในเกมกับ สวีเดน และ สก็อตแลนด์ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยได้มีชื่อในทีม สิงโตคำราม อีกเลย
และด้วยการที่เกิดใน ไอวอรีโคสต์ ก่อนจะย้ายมาเมืองผู้ดีเมื่อตอน 4 ขวบ เจ้าตัวจึงแจ้งความประสงค์ต้องการเล่นให้ประเทศบ้านเกิด ซึ่งแม้ว่าจะได้รับการทาบทามและโน้มน้าวจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่คนใหม่ของ ทรีไลออนส์ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความตั้งใจของเจ้าตัวได้ สุดท้ายจึงได้ประเดิมทีม ช้างดำ ในเดือนมกราคมปี 2017 และลงเล่นใน แอฟริกันเนชันส์คัพ ในช่วงปลายเดือนเดียวกัน
2. มาริโอ เฟร์นานเดส - บราซิล และ รัสเซีย
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/pionyk882P3aZXMNcE3-o.jpg)
ในเคสของดาวเตะชาวบราซิล เขาเคยลงเล่นให้กับทีม แซมบ้า มาแล้ว 1 นัดก่อนได้รับสัญชาติ รัสเซีย หลังอาศัยอยู่ที่นั่นมา 5 ปี พร้อมทั้งการได้รับ 'ซิตี้เซนส์ชิป' หรือการเป็นพลเมืองแดนหมีขาวจาก วลาดิมีร์ ปูติน นั่นจึงทำให้เจ้าตัวสามารถลงเล่นให้กับทีมชาติ รัสเซีย ได้ โดยประเดิมนัดแรกในเกมกระชับมิตรกับ เกาหลีใต้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เฟร์นานเดส เป็นที่จดจำในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาด้วยการทำประตูตีเสมอ โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะยื้อไปถึงช่วงดวลจุดโทษ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่เขาคือ 1 ใน 2 คนที่ยิงพลาดในการดวลเป้า ส่งเจ้าภาพตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
3. นาเซอร์ ชาดลี - โมร็อกโก และ เบลเยียม
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/pionyt3cg7yeqIPo11rI-o.jpg)
กรณีของ ชาดลี ก็เหมือนกับบรรดานักเตะทีมชาติ เบลเยียม อีกหลาย ๆ คนที่เป็นลูกผสมสามารถเลือกเล่นได้หลายสัญชาติ โดย โมร็อกโก ชิงเรียกตัวสตาร์รายนี้มาติดทีมนัดแรกในเกมที่เสมอกับ ไอร์แลนด์เหนือ ไป 1-1 เมื่อพฤศจิกายน 2010
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 3 เดือน ชาดลี ก็ได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีม ปีศาจแดงแห่งยุโรป ในเกมกระชบมิตรกับ ฟินแลนด์ และหลังจากนั้นก็กลายเป็นขาประจำของทีมมาโดยตลอด โดยเจ้าตัวมีความทรงจำอันยอดเยี่ยมในช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมาในรอบน็อคเอ้าท์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทำประตูชัยเอาชนะ ญี่ปุ่น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และก้าวขึ้นไปคว้าอันดับ 3 ร่วมกับทีมได้สำเร็จ
4. ติอาโก้ ม็อตต้า - บราซิล และ อิตาลี
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/pionz2kkrn0J3t0211t-o.jpg)
มิดฟิลด์ตัวรับรายนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการค้าแข้งกับ บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน และ PSG และยังเคยติดทีมชาติ บราซิล 2 ครั้งในช่วงปี 2003 แต่ก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวร หลังจากนั้นก็ถูกทาบทามจาก เซซาเร ปรันเดลี กุนซือทีมชาติ อิตาลี ในยุคนั้นให้ย้ายมาสวมเสื้อสีน้ำเงินในเวลาต่อมา
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นขาขึ้นของสตาร์รายนี้อย่างแท้จริงหลังจากที่กวาด 3 แชมป์กับ อินเตอร์ มิลาน ในยุคของ โชเซ มูรินโญ ทำให้เขากลายเป็นกุญแจสำคัญในการทีมของ ปรันเดลลี อยู่หลายปี และช่วยให้ อิตาลี เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 ได้สำเร็จ
ม็อตต้า อำลาทีมชาติเมื่อปี 2016 ด้วยสถิติลงเล่นในสีเสื้อ อัซซูรี 30 ครั้ง โดยเขาได้ใส่เสื้อหมายลข 10 ในทัวร์นาเม้นสำคัญอีกด้วย
5. ดิเอโก้ คอสต้า - บราซิล และ สเปน
![](https://f.ptcdn.info/033/061/000/pionza1ucNx1Eqka5ri-o.jpg)
เส้นทางการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของ คอสต้า ในช่วงแรกนั้นยังห่างไกลจากตอนนี้อยู่มาก เขาเพิ่งจะมาดังระเบิดเมื่อซีซัน 2013-2014 ที่ยิงประตูให้ แอตเลติโก มาดริด ได้ 27 ลูก และเคยติดทีมชาติ บราซิล มาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนที่จะได้รับสัญชาติสเปนในเดือนกรกฎาคม 2013 ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ประกาศว่าต้องการเล่นให้กับทีม ลาโรฆา เท่านั้น
"นี่คือที่ที่ผมประสบความสำเร็จทุก ๆ อย่าง ประเทศนี้ได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับผมและทำให้ผมมีวันนี้" คอสต้า กล่าว
อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะเป็นวาสนาของดาวยิง ตราหมี ก็ได้ เพราหลังจากที่เขาประกาศของเล่นให้ สเปน เจ้าตัวได้เข้าร่วมในฟุตบอลโลก 2014 และต้องเจอกับหายนะในครั้งนั้นจากผลงานอันย่ำแย่ของแชมป์เก่าปี 2010 รวมทั้งยังตกรอบน็อคเอ้าท์ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย
credit : www.90min.com/th
หล่อเลือกได้ ! นักฟุตบอล 5 รายที่เคยเล่นให้ 2 ประเทศ
แต่การที่นักฟุตบอลคนหนึ่งซึ่งเคยลงเล่นให้ในนามทีมชาติหนึ่งไปแล้ว กลับเปลี่ยนใจมาขอเล่นให้อีกทีมชาติหนึ่งนี้ เราคงเห็นกันไม่บ่อยนัก เพราะที่เราเคยเห็นกันก็มีแต่บรรดานักเตะ 2 สัญชาติที่เลือกเล่นให้ทีมเดียว หรือพวกโอนสัญชาติ
ฟีฟ่า เพิ่งจะเปลียนกฎการติดทีมชาติให้กับนักเตะที่มีมากกว่า 1 สัญชาติ โดยหากนักเตะดนใดลงเล่นให้ทีมชาติเพียง 1-2 นัด หรือหากได้รับสัญชาติใหม่จากการอาศัยอยู่ในประเทศนั้นตามที่กำหนด ก็สามารถปลี่ยนไปเล่นให้กับอีกประเทศหนึ่งที่ตนถือสัญชาติอยู่ด้วยได้
ดังนั้นปัจจุบันเราจึงเห็นนักเตะหลายคนเคยลงเล่นให้ 2 ประเทศมาแล้ว และวันนี้เราก็ได้คัดเอา 5 สตาร์ดังชื่อคุ้นหูที่เคยรับใช้ทีมชาติ 2 ทีมมาให้ชมกัน
1. วิลฟรีด ซาฮา - อังกฤษ และ ไอวอรี โคสต์
อดีตนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยติดทีมชาติ อังกฤษ ในยุคของ 'ปู่รอย' รอย ฮ็อดจ์สัน 2 ครั้งในเกมกับ สวีเดน และ สก็อตแลนด์ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยได้มีชื่อในทีม สิงโตคำราม อีกเลย
และด้วยการที่เกิดใน ไอวอรีโคสต์ ก่อนจะย้ายมาเมืองผู้ดีเมื่อตอน 4 ขวบ เจ้าตัวจึงแจ้งความประสงค์ต้องการเล่นให้ประเทศบ้านเกิด ซึ่งแม้ว่าจะได้รับการทาบทามและโน้มน้าวจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่คนใหม่ของ ทรีไลออนส์ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความตั้งใจของเจ้าตัวได้ สุดท้ายจึงได้ประเดิมทีม ช้างดำ ในเดือนมกราคมปี 2017 และลงเล่นใน แอฟริกันเนชันส์คัพ ในช่วงปลายเดือนเดียวกัน
2. มาริโอ เฟร์นานเดส - บราซิล และ รัสเซีย
ในเคสของดาวเตะชาวบราซิล เขาเคยลงเล่นให้กับทีม แซมบ้า มาแล้ว 1 นัดก่อนได้รับสัญชาติ รัสเซีย หลังอาศัยอยู่ที่นั่นมา 5 ปี พร้อมทั้งการได้รับ 'ซิตี้เซนส์ชิป' หรือการเป็นพลเมืองแดนหมีขาวจาก วลาดิมีร์ ปูติน นั่นจึงทำให้เจ้าตัวสามารถลงเล่นให้กับทีมชาติ รัสเซีย ได้ โดยประเดิมนัดแรกในเกมกระชับมิตรกับ เกาหลีใต้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เฟร์นานเดส เป็นที่จดจำในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาด้วยการทำประตูตีเสมอ โครเอเชีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนจะยื้อไปถึงช่วงดวลจุดโทษ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่เขาคือ 1 ใน 2 คนที่ยิงพลาดในการดวลเป้า ส่งเจ้าภาพตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
3. นาเซอร์ ชาดลี - โมร็อกโก และ เบลเยียม
กรณีของ ชาดลี ก็เหมือนกับบรรดานักเตะทีมชาติ เบลเยียม อีกหลาย ๆ คนที่เป็นลูกผสมสามารถเลือกเล่นได้หลายสัญชาติ โดย โมร็อกโก ชิงเรียกตัวสตาร์รายนี้มาติดทีมนัดแรกในเกมที่เสมอกับ ไอร์แลนด์เหนือ ไป 1-1 เมื่อพฤศจิกายน 2010
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 3 เดือน ชาดลี ก็ได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีม ปีศาจแดงแห่งยุโรป ในเกมกระชบมิตรกับ ฟินแลนด์ และหลังจากนั้นก็กลายเป็นขาประจำของทีมมาโดยตลอด โดยเจ้าตัวมีความทรงจำอันยอดเยี่ยมในช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมาในรอบน็อคเอ้าท์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทำประตูชัยเอาชนะ ญี่ปุ่น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และก้าวขึ้นไปคว้าอันดับ 3 ร่วมกับทีมได้สำเร็จ
4. ติอาโก้ ม็อตต้า - บราซิล และ อิตาลี
มิดฟิลด์ตัวรับรายนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการค้าแข้งกับ บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน และ PSG และยังเคยติดทีมชาติ บราซิล 2 ครั้งในช่วงปี 2003 แต่ก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวร หลังจากนั้นก็ถูกทาบทามจาก เซซาเร ปรันเดลี กุนซือทีมชาติ อิตาลี ในยุคนั้นให้ย้ายมาสวมเสื้อสีน้ำเงินในเวลาต่อมา
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นขาขึ้นของสตาร์รายนี้อย่างแท้จริงหลังจากที่กวาด 3 แชมป์กับ อินเตอร์ มิลาน ในยุคของ โชเซ มูรินโญ ทำให้เขากลายเป็นกุญแจสำคัญในการทีมของ ปรันเดลลี อยู่หลายปี และช่วยให้ อิตาลี เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 ได้สำเร็จ
ม็อตต้า อำลาทีมชาติเมื่อปี 2016 ด้วยสถิติลงเล่นในสีเสื้อ อัซซูรี 30 ครั้ง โดยเขาได้ใส่เสื้อหมายลข 10 ในทัวร์นาเม้นสำคัญอีกด้วย
5. ดิเอโก้ คอสต้า - บราซิล และ สเปน
เส้นทางการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของ คอสต้า ในช่วงแรกนั้นยังห่างไกลจากตอนนี้อยู่มาก เขาเพิ่งจะมาดังระเบิดเมื่อซีซัน 2013-2014 ที่ยิงประตูให้ แอตเลติโก มาดริด ได้ 27 ลูก และเคยติดทีมชาติ บราซิล มาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนที่จะได้รับสัญชาติสเปนในเดือนกรกฎาคม 2013 ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ประกาศว่าต้องการเล่นให้กับทีม ลาโรฆา เท่านั้น
"นี่คือที่ที่ผมประสบความสำเร็จทุก ๆ อย่าง ประเทศนี้ได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับผมและทำให้ผมมีวันนี้" คอสต้า กล่าว
อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะเป็นวาสนาของดาวยิง ตราหมี ก็ได้ เพราหลังจากที่เขาประกาศของเล่นให้ สเปน เจ้าตัวได้เข้าร่วมในฟุตบอลโลก 2014 และต้องเจอกับหายนะในครั้งนั้นจากผลงานอันย่ำแย่ของแชมป์เก่าปี 2010 รวมทั้งยังตกรอบน็อคเอ้าท์ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมาอีกด้วย
credit : www.90min.com/th