แล้วก็มาถึง เรื่องสั้น เรื่องที่ 2 ของเกม THE GLOVES FINAL 2018 : SEMI-FINAL
เป็นเรื่องเด็กหญิงสองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าห้องเรียน อีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีใครอยากคบหาเพราะความรังเกียจและมักจะถูกเพื่อนๆกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ รวมทั้งเด็กหญิงผู้เป็นหัวหน้าห้องด้วย แต่เด็กหญิงซึ่งถูกเรียกขานว่า "มอมแมม" กลับเป็นนักเรียนดีเด่นอันดับหนึ่งจนกระทั่งกำลังจะได้รับโอกาสถูกส่งไปเป็นตัวแทนแข่งตอบปัญหาวิชาภาษาไทย เพื่อนๆนำโดยหัวหน้าห้องเกิดอิจฉาตาร้อนขึ้นมา เลยวางแผนจะไปข่มขู่ไม่ให้เธอไปแข่ง แต่ระหว่างทางเจอหมาดุร้ายจะกัด หัวหน้าชั้นถูกปกป้องโดยเพื่อนมอมแมม ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นหนีกันไปหมด แถมเพื่อนมอมแมมยังช่วยทำแผลให้เธอและพาไปส่งถึงบ้าน...
ความจงเกลียดจงชังของเธอกำลังเผชิญความขัดแย้ง...แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป ???
เรื่องราวจะจบอย่างไร เชิญติดตามครับ จบแล้วมอบเกรดให้นักเขียนทั้งสองท่านด้วยเน้อ....
“นิด เธอเอาขยะหลังห้องไปเททิ้งด้วย”
ฉันออกคำสั่ง ขณะเอามือกอดอก ยืนอยู่หน้าห้อง ป.6/1 ในฐานะหัวหน้าห้อง ในเวลาบ่ายสามกว่าของบ่ายวันศุกร์ นักเรียนแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตารอเสียงระฆังดังบอกเวลาเลิกเรียน
นิดมอมแมม เด็กผู้หญิงที่ฉันไม่ชอบหน้ามากที่สุดในห้อง เพราะเสื้อผ้าเก่าๆ รองเท้าสีดำมีรอยขาดอย่างน่ารังเกียจ นั่นละรองเท้าคนจน ที่มาของคำว่า นิดมอมแมม ผู้เป็นเหมือนแกะดำในฝูงกาขาว เพราะนักเรียนทั้งห้อง ต่างมีพ่อแม่ผู้ปกครองฐานะดี ด้วยกันทั้งนั้น
นิดรับคำ ถือถังขยะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ปริปากบ่น ทั้งที่วันนี้ไม่ใช่เวรของเธอ แต่ฉันหาเรื่องให้นิดกลับบ้านช้าเท่านั้น เพราะรู้ว่าจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปช่วยยายทำงานบ้าน ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเกลียดเพื่อนร่วมชั้นคนนี้เหลือเกิน ทั้งที่นิดไม่เคยทำอะไรให้เดือดร้อนใจเลยสักครั้ง
บางทีอาจเป็นเพราะความยากจนของเธอก็เป็นได้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงเรียนถึงปล่อยให้เด็กยากจน มาเรียนปนอยู่กับเด็กร่ำรวยอย่างพวกเรา
ดูเพื่อนของฉันแต่ละคน กรกานต์ เป็นลูกสาวนายอำเภอ ไอรีนเป็นลูกครึ่งฝรั่งไทย มีเรือนผมสีสวยแปลกตา ใช้สิ่งของราคาแพง ธงชัยเป็นลูกชายเถ้าแก่ร้านค้าใหญ่ของอำเภอ สุนีย์เป็นลูกสาวนายตำรวจ ส่วนฉันเอง
เด็กหญิงมินตรา เป็นลูกสาวคนเดียวของครูใหญ่ ที่พ่อแม่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนทั้งอำเภอ มีบ้านหลังใหญ่ไม่แพ้เพื่อนคนไหน
“อย่าไปยุ่งกับยัยนิดมอมแมม เสียราศี” สุนีย์เพื่อนรักเคยประกาศในกลุ่ม พวกเราต่างอยากให้เด็กยากจนย้ายออกจากห้อง ไปอยู่ห้องท้ายๆ ยังมีที่ว่างสำหรับเด็กยากจนเรียนไม่ดี
แต่เปิดเทอมสองมาได้เกือบเดือนแล้ว เด็กหญิงตัวปัญหาของห้อง อัมพา หรือยัยนิดมอมแมม ยังไม่ถูกย้ายไปไหน ทั้งที่ฉันบอกคุณพ่อไม่รู้ก็ครั้งต่อกี่ครั้ง
“นิดก็ไม่ได้ทำอะไรให้มินเดือดร้อนไม่ใช่เหรอ ?” คุณพ่อพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่เข้าใจความรู้สึกของลูกสาวเอาเสียเลย
“แต่นิดเข้ากับเพื่อนไม่ได้เลยนะคุณพ่อ อยู่กับพวกเรา เธอจะมีปัญหา”
“ปัญหาอะไรล่ะ ?”
“ก็....!!! ” ฉันพูดไม่ออก เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ยัยนิดจะมีปัญหาอะไร คุณพ่อเองก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจคำร้องของลูกสาวตัวเองเลย แถมยังบอกในตอนท้ายว่า
“เอาเถอะน่า...ทางโรงเรียนจะส่งนิดไปแข่งขันการตอบปัญหาภาษาไทยในจังหวัด เพราะหนูนิดทำคะแนนวิชาภาษาไทยเป็นที่หนึ่งของระดับเชียวนะ”
คำพูดของคุณพ่อทำให้ฉันตัวชา รู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะคะแนนวิชาภาษาไทยของฉัน อยู่อันดับสามของระดับ ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่เลือกเข้าไปแข่ง ที่หนึ่งกับที่สามไม่ได้ห่างกันมากนัก ด้วยรูปร่างหน้าตาการแต่งกายฉันเหนือกว่ายัยนิดมอมแมมตัวร้ายทุกประตู
ขณะที่ยัยนิดเอาถังขยะมาคืนหลังห้อง ฉันและเพื่อนพากันมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม คนจนทำไมถึงทนต่อการกลั่นแกล้งสารพัดได้ขนาดนี้ ฉันเองก็เคยหาเรื่องแกล้งนับครั้งไม่ถ้วน ที่หนักที่สุดคือ แกล้งทำสมุดของเธอหาย ขณะที่ฉันผู้เป็นหัวหน้าอาสารวบรวมสมุดวิชาภาษาไทยไปส่งคุณครู นั่นละ...ครั้งแรกที่เห็นยัยนิดร้องไห้อยู่คนเดียวหลังห้อง พวกเพื่อนพากันหัวเราะเยาะสนุกสนาน แต่ฉันรู้สึกเสียใจนิด ๆ และก็พยายามลืมการกระทำของตัวเอง หลังจากนั้นก็ไม่แกล้งอะไรที่ร้ายแรงอีกเลย ทั้งที่ใจยังเกลียดไม่หาย
“จะให้ยัยนิดมอมแมมเป็นตัวแทนของโรงเรียน ไปแข่งภาษาไทยจริงเหรอ ?” ไอรีนเด็กลูกครึ่งคนน่ารักถามขึ้น ขณะมองตามหลังยัยนิดมอมแมมเดินถือกระเป๋าออกจากห้องไป
“จะให้ทำยังไงล่ะ ?” ฉันย้อนถาม เพราะยังหาคำตอบไม่ได้
“เราตามยัยนิดไปดีไหม”
ทุกคนเงียบ ไอรีนจึงพูดต่อไป “เราตามไปที่บ้านเลย ช่วยกันพูดให้ยัยมอมแมมถอนตัวออกจากการเป็นตัวแทน พวกเธอว่าไง?”
“มันจะดีหรือ” กรกานต์มีสีหน้าท่าทางลังเล “ยัยนั่นคงยอมอยู่หรอก”
“เราก็ช่วยกันพูดช่วยกันขู่สิ ไปพูดกับยายของยัยมอมแมมก็ได้ อ้างว่าเสียเวลาช่วยงานบ้าน เสียเงินเสียอะไรก็ว่าเข้าไป ว่าไงหัวหน้า?”
คนต้นคิดหันมาทางฉัน
“ก็ได้ เราไปกัน” พยักหน้าเห็นด้วย แม้จะไม่แน่ใจ แต่ในฐานะผู้นำของกลุ่ม จึงไม่แสดงความไม่แน่ใจออกมา ดังนั้นพวกเราสี่คน มีตัวฉัน สุนีย์ ไอรีน และกรกานต์ พากันปั่นจักรยานคันงาม ตามไปถนน มุ่งหน้าไปยังบ้านของยัยมอมแมมทันที
คนรู้จักบ้านของนิดคือไอรีน เพราะอยู่ในเส้นทางเดียวกัน เพียงแต่บ้านของไอรีนไกลออกไปอีกเท่านั้น พวกเราพากันเลียบคลองไปตามถนนเพิ่งราดยางมะตอยไม่นาน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ไม่นานก็เห็นจักรยานคันเก่า ๆ ของนิดอยู่เบื้องหน้า ทำให้พากันเร่งความเร็วในการปั่นขึ้นทันที จะได้พูดกันให้รู้เรื่องไม่ต้องตามไปถึงบ้าน
แต่แล้วพวกเราต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงเห่าของหมาดังมาจากข้างทาง หมาจรจัดตัวใหญ่ท่าทางดุร้ายน่ากลัว เห่าไม่ยอมหยุด ทำให้ขบวนรถพากันเรรวนทันที แต่คนเคราะห์ร้ายมากที่สุดเป็นตัวฉันเอง ความตกใจทำให้รถเสียหลักล้มโครมลงทันที จนร่างกระเด็นลงไปคลุกพื้นไม่เป็นท่า เสียงเห่าดังขรมไปหมดรวมทั้งเสียงของเพื่อนพากันร้องไม่ได้สรรพ
ความตกใจทำให้ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว เคยอ่านข่าวว่ามีคนถูกหมากัดเจ็บหนักจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว เด็กผู้หญิงอย่างฉันจะเอาเรี่ยวแรงอะไรต่อสู้กับหมาตัวใหญ่ได้
ทันใดนั้นฉันได้ยินร้องตวาดของใครคนหนึ่ง จึงกัดฟันลืมตาหันไปมอง
เด็กหญิงคนหนึ่งยืนกางกั้นระหว่างฉันและเจ้าหมาบ้าตัวนั้น ในมือถือไม้ท่อนใหญ่
ยัยนิดมอมแมมนั่นเอง ท่าทางเต็มไปด้วยอาการปกป้องคุ้มครองอย่างสุดชีวิต ด้วยการยืนเผชิญหน้ากับหมาดุ ที่กำลังเห่าด้วยท่าทางคุกคาม แต่เมื่อยัยมอมแมมร้องเสียงลั่น พร้อมกับฟาดไม้ในมือลงบนพื้นอย่างแรง จนเกิดเสียงดัง เจ้าหมาดุจึงเปลี่ยนท่าทางถอยออกไป และวิ่งห่างออกไปในที่สุด
มองหาเพื่อนอีกสามคน โน่น!!! พากันปั่นจักรยานเห็นหลังไวๆ กลับไปโดยไม่ยอมเหลียวหลัง
หลังจากแน่ใจว่าเจ้าหมาเกเรไม่กลับมาอีก นิดมอมแมมเดินมาประคองฉันลุกขึ้นพร้อมกับสอบถามอาการด้วยสีหน้าเป็นห่วงกังวล มีรอยแผลบริเวณเข่า เจ็บและมีเลือดไหล ความตกใจทำให้ฉันร้องไห้น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด
ยัยนิดมองไปมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง แล้ววิ่งลงไปริมคลอง ท่าทางค้นหาอะไรบางอย่าง สักพักกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาอย่างรีบเร่งในปากเคี้ยวไม่หยุดเหมือนเคี้ยวขนม เมื่อมาถึงเอคายบองในปากออก มันมีสีเขียวน่าเกลียด ทำท่าจะเอามาทาบาดแผล
“อะไรของเธอ” ถามเสียงหลงด้วยความขยะแขยง พลางถอยกรูด
“สมุนไพร เชื่อเถอะ มันจะทำให้เธอดีขึ้น” ว่าพลางนิดก็โปะตัวยาดังกล่าวลงเขาของฉันแบบไม่มีทางหลบ ทำเอาหลับตากลั้นใจเพราะรังเกียจยาปนน้ำลาย บ้านป่าเมืองเถื่อนหรืออย่างไรกัน
เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังปลดคอซองออกมาดึงให้ยาว และพันแผลให้อย่างชำนาญ สมกับที่ได้คะแนนเกือบเต็มในวิชาปฐมพยาบาล การกระทำของคนที่เกลียดเหยียดหยามตลอดมา ทำให้พูดอะไรไม่ออก แผลพอมียามาโปะทับ รู้สึกเย็นแบบสบายบรรเทาอาการแสบปวดลงอย่างน่าจะเป็นยาสมุนไพรจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีจริงเพราะคุ้นเคยแต่ยาแดงยาเหลือง
“มีนเจ็บมากไหม...?” เสียงถามเบาอย่างเป็นห่วง ฉันควรตวาดว่า ไม่ใช่เพื่อนอย่ามาเรียกชื่อทำเป็นตีสนิท! แต่วันนี้กลับพูดไม่ออก ความรู้สึกปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
“ปั่นรถกลับไหวไหม ?”
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ ไม่อยากพูดอะไรมาก ปาดน้ำตาให้แห้งเหือด กัดฟันพยุงตัวขึ้นเบาะรถจักรยาน แม้จะมีอาการเจ็บบริเวณเข้าและข้อศอก แต่ยังไงก็ต้องกลับบ้านให้ได้ แต่ถ้าเกิดเจอหมาบ้าตัวนั้นเข้าอีกจะทำยังไง ?
นิดมองหน้ายิ้มปลอบใจ บอกว่า “เดี๋ยวนิดจะไปเป็นเพื่อนส่งถึงบ้านเลย ไม่เป็นไรนะ”
ฉันมองหน้ามอมแมมเต็มตาเป็นครั้งแรก รู้สึกรื้นบริเวณขอบตาขึ้นมา ทำไมอยากร้องไห้ออกมาอีก แต่ไม่มีทางเสียละว่าจะยอมดีกับยัยคนนี้ เรามันคนละชั้นกัน ไม่มีวันจะลดตัวไปคบหาสมาคมหรอก
แต่ฉันก็ยอมให้ยัยนิดปั่นจักรยานตามหลังมาจนถึงบ้านจริง ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอถึงบ้านฉันรีบเลี้ยวรถเข้าบ้านทันที ไม่มีแม้แต่จะหันไปขอบใจคนที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนส่งถึงบ้าน
ฉันโดนคุณพ่อคุณแม่สอบถามเป็นการใหญ่ ก็ตอบเพียงว่ารถล้มเท่านั้น บาดแผลถูกคุณแม่ล้างและทำความสะอาดให้ใหม่ พันด้วยผ้าพันแผลอย่างดี แต่ทำไมฉันถึงใจหายวูบลงอย่างประหลาด เมื่อคอซองเปื้อนยาถูกแกะออกไป ยังจำแววตาจ้องมองอย่างเป็นห่วงไม่ได้
“จะให้ทิ้งขยะไหม” คุณแม่หมายถึงคอซองเปื้อนยาสมุนไพร สภาพไม่น่าดูนัก ทั้งเก่าและเปื้อนตัวยา ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่ควรรีบบอกให้แม่ทิ้งลงถังขยะ ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ใจอดคิดถึงสีหน้าแววตาเจ้าของคอซองไม่ได้ สลับกับภาพเพื่อนรักพากันปั่นจักรยานหนีเอาตัวรอด
นึกถึงวันจันทร์ ยัยนิดมอมแมมคงจะไปโรงเรียนโดยไม่มีคอซอง ต้องโดนข้อหาแต่งกายผิดระเบียบ อาจมีผลถูกตัดคะแนนความประพฤติ จนมีผลให้ถูกถอดออกจากการเป็นตัวแทนไปแข่งตอบปัญหาวิชาภาษาไทย คนจะไปทำหน้าที่แทนต้องเป็นมินตราคนนี้ โอกาสทองลอยมาเองแบบไม่คาดฝัน
(จบส่วนที่ 1 โดย "ถุงมือสะอาดใจ")
👧🏽👩🏿THE GLOVES FINAL 2018 : SEMI-FINAL รอบรอง ฯ กลุ่ม B : เรื่องสั้น คู่ที่ 2 เรื่อง "นิดมอมแมม เพื่อนของฉัน"👩🏿👧
แล้วก็มาถึง เรื่องสั้น เรื่องที่ 2 ของเกม THE GLOVES FINAL 2018 : SEMI-FINAL
เป็นเรื่องเด็กหญิงสองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าห้องเรียน อีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีใครอยากคบหาเพราะความรังเกียจและมักจะถูกเพื่อนๆกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ รวมทั้งเด็กหญิงผู้เป็นหัวหน้าห้องด้วย แต่เด็กหญิงซึ่งถูกเรียกขานว่า "มอมแมม" กลับเป็นนักเรียนดีเด่นอันดับหนึ่งจนกระทั่งกำลังจะได้รับโอกาสถูกส่งไปเป็นตัวแทนแข่งตอบปัญหาวิชาภาษาไทย เพื่อนๆนำโดยหัวหน้าห้องเกิดอิจฉาตาร้อนขึ้นมา เลยวางแผนจะไปข่มขู่ไม่ให้เธอไปแข่ง แต่ระหว่างทางเจอหมาดุร้ายจะกัด หัวหน้าชั้นถูกปกป้องโดยเพื่อนมอมแมม ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นหนีกันไปหมด แถมเพื่อนมอมแมมยังช่วยทำแผลให้เธอและพาไปส่งถึงบ้าน...
ความจงเกลียดจงชังของเธอกำลังเผชิญความขัดแย้ง...แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป ???
เรื่องราวจะจบอย่างไร เชิญติดตามครับ จบแล้วมอบเกรดให้นักเขียนทั้งสองท่านด้วยเน้อ....
“นิด เธอเอาขยะหลังห้องไปเททิ้งด้วย”
ฉันออกคำสั่ง ขณะเอามือกอดอก ยืนอยู่หน้าห้อง ป.6/1 ในฐานะหัวหน้าห้อง ในเวลาบ่ายสามกว่าของบ่ายวันศุกร์ นักเรียนแต่ละคนตั้งหน้าตั้งตารอเสียงระฆังดังบอกเวลาเลิกเรียน
นิดมอมแมม เด็กผู้หญิงที่ฉันไม่ชอบหน้ามากที่สุดในห้อง เพราะเสื้อผ้าเก่าๆ รองเท้าสีดำมีรอยขาดอย่างน่ารังเกียจ นั่นละรองเท้าคนจน ที่มาของคำว่า นิดมอมแมม ผู้เป็นเหมือนแกะดำในฝูงกาขาว เพราะนักเรียนทั้งห้อง ต่างมีพ่อแม่ผู้ปกครองฐานะดี ด้วยกันทั้งนั้น
นิดรับคำ ถือถังขยะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ปริปากบ่น ทั้งที่วันนี้ไม่ใช่เวรของเธอ แต่ฉันหาเรื่องให้นิดกลับบ้านช้าเท่านั้น เพราะรู้ว่าจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปช่วยยายทำงานบ้าน ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเกลียดเพื่อนร่วมชั้นคนนี้เหลือเกิน ทั้งที่นิดไม่เคยทำอะไรให้เดือดร้อนใจเลยสักครั้ง
บางทีอาจเป็นเพราะความยากจนของเธอก็เป็นได้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงเรียนถึงปล่อยให้เด็กยากจน มาเรียนปนอยู่กับเด็กร่ำรวยอย่างพวกเรา
ดูเพื่อนของฉันแต่ละคน กรกานต์ เป็นลูกสาวนายอำเภอ ไอรีนเป็นลูกครึ่งฝรั่งไทย มีเรือนผมสีสวยแปลกตา ใช้สิ่งของราคาแพง ธงชัยเป็นลูกชายเถ้าแก่ร้านค้าใหญ่ของอำเภอ สุนีย์เป็นลูกสาวนายตำรวจ ส่วนฉันเอง เด็กหญิงมินตรา เป็นลูกสาวคนเดียวของครูใหญ่ ที่พ่อแม่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนทั้งอำเภอ มีบ้านหลังใหญ่ไม่แพ้เพื่อนคนไหน
“อย่าไปยุ่งกับยัยนิดมอมแมม เสียราศี” สุนีย์เพื่อนรักเคยประกาศในกลุ่ม พวกเราต่างอยากให้เด็กยากจนย้ายออกจากห้อง ไปอยู่ห้องท้ายๆ ยังมีที่ว่างสำหรับเด็กยากจนเรียนไม่ดี
แต่เปิดเทอมสองมาได้เกือบเดือนแล้ว เด็กหญิงตัวปัญหาของห้อง อัมพา หรือยัยนิดมอมแมม ยังไม่ถูกย้ายไปไหน ทั้งที่ฉันบอกคุณพ่อไม่รู้ก็ครั้งต่อกี่ครั้ง
“นิดก็ไม่ได้ทำอะไรให้มินเดือดร้อนไม่ใช่เหรอ ?” คุณพ่อพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่เข้าใจความรู้สึกของลูกสาวเอาเสียเลย
“แต่นิดเข้ากับเพื่อนไม่ได้เลยนะคุณพ่อ อยู่กับพวกเรา เธอจะมีปัญหา”
“ปัญหาอะไรล่ะ ?”
“ก็....!!! ” ฉันพูดไม่ออก เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ยัยนิดจะมีปัญหาอะไร คุณพ่อเองก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจคำร้องของลูกสาวตัวเองเลย แถมยังบอกในตอนท้ายว่า
“เอาเถอะน่า...ทางโรงเรียนจะส่งนิดไปแข่งขันการตอบปัญหาภาษาไทยในจังหวัด เพราะหนูนิดทำคะแนนวิชาภาษาไทยเป็นที่หนึ่งของระดับเชียวนะ”
คำพูดของคุณพ่อทำให้ฉันตัวชา รู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะคะแนนวิชาภาษาไทยของฉัน อยู่อันดับสามของระดับ ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่เลือกเข้าไปแข่ง ที่หนึ่งกับที่สามไม่ได้ห่างกันมากนัก ด้วยรูปร่างหน้าตาการแต่งกายฉันเหนือกว่ายัยนิดมอมแมมตัวร้ายทุกประตู
ขณะที่ยัยนิดเอาถังขยะมาคืนหลังห้อง ฉันและเพื่อนพากันมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม คนจนทำไมถึงทนต่อการกลั่นแกล้งสารพัดได้ขนาดนี้ ฉันเองก็เคยหาเรื่องแกล้งนับครั้งไม่ถ้วน ที่หนักที่สุดคือ แกล้งทำสมุดของเธอหาย ขณะที่ฉันผู้เป็นหัวหน้าอาสารวบรวมสมุดวิชาภาษาไทยไปส่งคุณครู นั่นละ...ครั้งแรกที่เห็นยัยนิดร้องไห้อยู่คนเดียวหลังห้อง พวกเพื่อนพากันหัวเราะเยาะสนุกสนาน แต่ฉันรู้สึกเสียใจนิด ๆ และก็พยายามลืมการกระทำของตัวเอง หลังจากนั้นก็ไม่แกล้งอะไรที่ร้ายแรงอีกเลย ทั้งที่ใจยังเกลียดไม่หาย
“จะให้ยัยนิดมอมแมมเป็นตัวแทนของโรงเรียน ไปแข่งภาษาไทยจริงเหรอ ?” ไอรีนเด็กลูกครึ่งคนน่ารักถามขึ้น ขณะมองตามหลังยัยนิดมอมแมมเดินถือกระเป๋าออกจากห้องไป
“จะให้ทำยังไงล่ะ ?” ฉันย้อนถาม เพราะยังหาคำตอบไม่ได้
“เราตามยัยนิดไปดีไหม”
ทุกคนเงียบ ไอรีนจึงพูดต่อไป “เราตามไปที่บ้านเลย ช่วยกันพูดให้ยัยมอมแมมถอนตัวออกจากการเป็นตัวแทน พวกเธอว่าไง?”
“มันจะดีหรือ” กรกานต์มีสีหน้าท่าทางลังเล “ยัยนั่นคงยอมอยู่หรอก”
“เราก็ช่วยกันพูดช่วยกันขู่สิ ไปพูดกับยายของยัยมอมแมมก็ได้ อ้างว่าเสียเวลาช่วยงานบ้าน เสียเงินเสียอะไรก็ว่าเข้าไป ว่าไงหัวหน้า?”
คนต้นคิดหันมาทางฉัน
“ก็ได้ เราไปกัน” พยักหน้าเห็นด้วย แม้จะไม่แน่ใจ แต่ในฐานะผู้นำของกลุ่ม จึงไม่แสดงความไม่แน่ใจออกมา ดังนั้นพวกเราสี่คน มีตัวฉัน สุนีย์ ไอรีน และกรกานต์ พากันปั่นจักรยานคันงาม ตามไปถนน มุ่งหน้าไปยังบ้านของยัยมอมแมมทันที
คนรู้จักบ้านของนิดคือไอรีน เพราะอยู่ในเส้นทางเดียวกัน เพียงแต่บ้านของไอรีนไกลออกไปอีกเท่านั้น พวกเราพากันเลียบคลองไปตามถนนเพิ่งราดยางมะตอยไม่นาน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ไม่นานก็เห็นจักรยานคันเก่า ๆ ของนิดอยู่เบื้องหน้า ทำให้พากันเร่งความเร็วในการปั่นขึ้นทันที จะได้พูดกันให้รู้เรื่องไม่ต้องตามไปถึงบ้าน
แต่แล้วพวกเราต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงเห่าของหมาดังมาจากข้างทาง หมาจรจัดตัวใหญ่ท่าทางดุร้ายน่ากลัว เห่าไม่ยอมหยุด ทำให้ขบวนรถพากันเรรวนทันที แต่คนเคราะห์ร้ายมากที่สุดเป็นตัวฉันเอง ความตกใจทำให้รถเสียหลักล้มโครมลงทันที จนร่างกระเด็นลงไปคลุกพื้นไม่เป็นท่า เสียงเห่าดังขรมไปหมดรวมทั้งเสียงของเพื่อนพากันร้องไม่ได้สรรพ
ความตกใจทำให้ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว เคยอ่านข่าวว่ามีคนถูกหมากัดเจ็บหนักจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว เด็กผู้หญิงอย่างฉันจะเอาเรี่ยวแรงอะไรต่อสู้กับหมาตัวใหญ่ได้
ทันใดนั้นฉันได้ยินร้องตวาดของใครคนหนึ่ง จึงกัดฟันลืมตาหันไปมอง
เด็กหญิงคนหนึ่งยืนกางกั้นระหว่างฉันและเจ้าหมาบ้าตัวนั้น ในมือถือไม้ท่อนใหญ่
ยัยนิดมอมแมมนั่นเอง ท่าทางเต็มไปด้วยอาการปกป้องคุ้มครองอย่างสุดชีวิต ด้วยการยืนเผชิญหน้ากับหมาดุ ที่กำลังเห่าด้วยท่าทางคุกคาม แต่เมื่อยัยมอมแมมร้องเสียงลั่น พร้อมกับฟาดไม้ในมือลงบนพื้นอย่างแรง จนเกิดเสียงดัง เจ้าหมาดุจึงเปลี่ยนท่าทางถอยออกไป และวิ่งห่างออกไปในที่สุด
มองหาเพื่อนอีกสามคน โน่น!!! พากันปั่นจักรยานเห็นหลังไวๆ กลับไปโดยไม่ยอมเหลียวหลัง
หลังจากแน่ใจว่าเจ้าหมาเกเรไม่กลับมาอีก นิดมอมแมมเดินมาประคองฉันลุกขึ้นพร้อมกับสอบถามอาการด้วยสีหน้าเป็นห่วงกังวล มีรอยแผลบริเวณเข่า เจ็บและมีเลือดไหล ความตกใจทำให้ฉันร้องไห้น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด
ยัยนิดมองไปมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง แล้ววิ่งลงไปริมคลอง ท่าทางค้นหาอะไรบางอย่าง สักพักกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาอย่างรีบเร่งในปากเคี้ยวไม่หยุดเหมือนเคี้ยวขนม เมื่อมาถึงเอคายบองในปากออก มันมีสีเขียวน่าเกลียด ทำท่าจะเอามาทาบาดแผล
“อะไรของเธอ” ถามเสียงหลงด้วยความขยะแขยง พลางถอยกรูด
“สมุนไพร เชื่อเถอะ มันจะทำให้เธอดีขึ้น” ว่าพลางนิดก็โปะตัวยาดังกล่าวลงเขาของฉันแบบไม่มีทางหลบ ทำเอาหลับตากลั้นใจเพราะรังเกียจยาปนน้ำลาย บ้านป่าเมืองเถื่อนหรืออย่างไรกัน
เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังปลดคอซองออกมาดึงให้ยาว และพันแผลให้อย่างชำนาญ สมกับที่ได้คะแนนเกือบเต็มในวิชาปฐมพยาบาล การกระทำของคนที่เกลียดเหยียดหยามตลอดมา ทำให้พูดอะไรไม่ออก แผลพอมียามาโปะทับ รู้สึกเย็นแบบสบายบรรเทาอาการแสบปวดลงอย่างน่าจะเป็นยาสมุนไพรจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีจริงเพราะคุ้นเคยแต่ยาแดงยาเหลือง
“มีนเจ็บมากไหม...?” เสียงถามเบาอย่างเป็นห่วง ฉันควรตวาดว่า ไม่ใช่เพื่อนอย่ามาเรียกชื่อทำเป็นตีสนิท! แต่วันนี้กลับพูดไม่ออก ความรู้สึกปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
“ปั่นรถกลับไหวไหม ?”
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ ไม่อยากพูดอะไรมาก ปาดน้ำตาให้แห้งเหือด กัดฟันพยุงตัวขึ้นเบาะรถจักรยาน แม้จะมีอาการเจ็บบริเวณเข้าและข้อศอก แต่ยังไงก็ต้องกลับบ้านให้ได้ แต่ถ้าเกิดเจอหมาบ้าตัวนั้นเข้าอีกจะทำยังไง ?
นิดมองหน้ายิ้มปลอบใจ บอกว่า “เดี๋ยวนิดจะไปเป็นเพื่อนส่งถึงบ้านเลย ไม่เป็นไรนะ”
ฉันมองหน้ามอมแมมเต็มตาเป็นครั้งแรก รู้สึกรื้นบริเวณขอบตาขึ้นมา ทำไมอยากร้องไห้ออกมาอีก แต่ไม่มีทางเสียละว่าจะยอมดีกับยัยคนนี้ เรามันคนละชั้นกัน ไม่มีวันจะลดตัวไปคบหาสมาคมหรอก
แต่ฉันก็ยอมให้ยัยนิดปั่นจักรยานตามหลังมาจนถึงบ้านจริง ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอถึงบ้านฉันรีบเลี้ยวรถเข้าบ้านทันที ไม่มีแม้แต่จะหันไปขอบใจคนที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนส่งถึงบ้าน
ฉันโดนคุณพ่อคุณแม่สอบถามเป็นการใหญ่ ก็ตอบเพียงว่ารถล้มเท่านั้น บาดแผลถูกคุณแม่ล้างและทำความสะอาดให้ใหม่ พันด้วยผ้าพันแผลอย่างดี แต่ทำไมฉันถึงใจหายวูบลงอย่างประหลาด เมื่อคอซองเปื้อนยาถูกแกะออกไป ยังจำแววตาจ้องมองอย่างเป็นห่วงไม่ได้
“จะให้ทิ้งขยะไหม” คุณแม่หมายถึงคอซองเปื้อนยาสมุนไพร สภาพไม่น่าดูนัก ทั้งเก่าและเปื้อนตัวยา ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่ควรรีบบอกให้แม่ทิ้งลงถังขยะ ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ใจอดคิดถึงสีหน้าแววตาเจ้าของคอซองไม่ได้ สลับกับภาพเพื่อนรักพากันปั่นจักรยานหนีเอาตัวรอด
นึกถึงวันจันทร์ ยัยนิดมอมแมมคงจะไปโรงเรียนโดยไม่มีคอซอง ต้องโดนข้อหาแต่งกายผิดระเบียบ อาจมีผลถูกตัดคะแนนความประพฤติ จนมีผลให้ถูกถอดออกจากการเป็นตัวแทนไปแข่งตอบปัญหาวิชาภาษาไทย คนจะไปทำหน้าที่แทนต้องเป็นมินตราคนนี้ โอกาสทองลอยมาเองแบบไม่คาดฝัน
(จบส่วนที่ 1 โดย "ถุงมือสะอาดใจ")