เมื่อปี 1908 เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ 'โรบิน ฮู้ด' บนจอภาพยนตร์ในเรื่อง Robin Hood and His Merry Men นับจากนั้นวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นหนังหรือซีรีส์อีกกว่า 50 ครั้ง ก่อนที่ปี 2018 ตำนานฮีโร่นอกกฎหมายจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้รูปโฉมใหม่ที่มีงานสร้างตระการตา โลเคชั่นหลักอย่างเมืองน็อตติ้งแฮมก็ถูกดีไซน์เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สะท้อนแง่มุมความเหลื่อมล้ำทางสังคมเสมือนโครงสร้างใน The Hunger Games ฝั่งเนื้อหาที่ยังคงพล็อตแบบออริจินอลก็ถูกตีความใหม่ในสไตล์หนังโจรกรรม ที่อัดแน่นด้วยความเข้มข้น ดุดัน และพาร์ทของสงครามครูเสดก็ได้แรงบันดาลใจจากหนังสงครามชั้นดีอย่าง Black Hawk Down และ Lone Survivor สำหรับใครที่เป็นคอหนังโรบินฮู้ดก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง…
เข้าฉายในไทย 22 พฤศจิกายนนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
5. Robin Hood: Men in Tights (1993)
โรบินฮู้ดพาโรดี้ ที่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์ดั้งเดิมของฮีโร่นอกกฎหมายที่ปล้นทรัพย์สินคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน และต่อสู้กับความอยุติธรรมโดยไร้ซึ่งความหวั่นเกรง โดยความต่างของฉบับนี้จะเน้นโทนคอมเมดี้ ทั้งการกระทำที่ดูบ้าบอ หลุดโลก และบทพูดที่เสียดสี ประชดประชันการเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนการหยิบยกคนหรือหนังดังมาล้อเลียนได้อย่างแสบสันทั้ง Winston Churchil และ The Godfather เรียกว่าใครที่ต้องการรับชมหนังโรบินฮู้ดที่เน้นความแปลกใหม่และเปี่ยมด้วยอารมณ์ขันอย่างแท้จริง ก็ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
4. Robin Hood: Prince of Thieves (1991)
นับเป็นเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกันดี ด้วยทีมนักแสดงนำอย่าง Kevin Costner เเละ Morgan Freeman อีกทั้งยังเคยถูกมองว่าเป็นฉบับที่เอนเตอร์เทนคนดูได้ดีที่สุด แม้เนื้อหาจะดูจำเจและอยู่ภายใต้การคาดเดา กับปมเรื่องที่ 'โรบิน ฮู้ด' แห่งล็อกซ์เลย์ ต้องเผชิญหน้ากับนายอำเภอจอมคดโกงแห่งน็อตติ้งแฮม ทว่าตัวบทที่มุ่งเน้นความสัมพันธ์ระหว่างคู่พระนาง เพื่อสร้างโมเมนต์หวานๆ ที่ดูซาบซึ้งกินใจ ประกอบกับเคมีที่เข้าคู่ของนักแสดง ก็เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมแอคชั่นและโรแมนซ์ที่ลงตัวยิ่งนัก
3. Robin Hood (2010)
ความต่างของฉบับ Ridley Scott จะเป็นการย้อนเล่าจุดกำเนิดของ 'โรบิน ฮู้ด' ฮีโร่นอกกฎหมายที่ผู้คนต่างรู้จักกันในฐานะของโจรที่ปล้นคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน ซึ่งตัวเนื้อหาจะถูกโฟกัสไปที่ฮีโร่รายนี้เพื่อเข้าไปสำรวจเบื้องหลังและเนื้อแท้ของจิตใจ ก่อนที่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังคนดูจะได้สัมผัสแอคชั่นซีน ที่ไม่ต่างจากที่เคยเห็นในหนัง Gladiator ผลงานมาสเตอร์พีชของผู้กำกับ โดยพล็อตจะพูดถึงเหตุการณ์หลังการสิ้นชีพของกษัตริย์ริชาร์ด ที่ 'โรบิน ลองสไตรค์' ต้องเดินทางไปเมืองน็อตติ้งแฮมเพื่อทำภารกิจสำคัญในการขจัดความอยุติธรรม
2. Robin Hood (1973)
วรรณกรรมพื้นบ้านสู่หนังแอนิเมชั่นจากดิสนีย์ ที่ถูกทำให้เหมาะกับเด็กเยาวชน โดดเด่นด้วยงานภาพอันงดงาม เนื้อหาเรียบง่าย เน้นโทนคอมเมดี้ และแฝงด้วยแง่คิดสอนใจ โดยหนังเปิดด้วยวิถีชีวิตของสองฮีโร่นอกกฎหมายอย่าง หมาป่า 'โรบิน ฮู้ด'กับหมียักษ์ 'ลิตเติ้ลจอห์น' ที่ถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มนายอำเภอน็อตติ้งแฮม และสามารถหลบหนีได้อย่างหวุดหวิด ก่อนเนื้อหาจะถูกเชื่อมโยงสู่ปมสำคัญที่พวกเขาต้องร่วมมือกันหยุดการกระทำที่คดโกงชาวบ้านของเจ้าชายจอห์น
1. The Adventures of Robin Hood (1938)
คลาสสิกโรบินฮู้ดที่การันตีคุณภาพได้จากการเข้าชิงหนังยอดเยี่ยมออสการ์ และเป็นผู้ชนะในอีก 3 สาขาทั้งงานตัดต่อ กำกับศิลป์ และดนตรีประกอบ โดยเค้าโครงเป็นแบบฉบับออริจินอล หลังจบสงครามครูเสดและกษัตริย์ริชาร์ดได้ถูกจับตัวไปเป็นเชลย ทำให้ฝั่ง 'จอห์น'ผู้เป็นน้องชายจึงคิดที่จะผลักดันตัวเองเพื่อครองบัลลังก์ อีกทั้งยังพยายามกูดรีดเงินจากชาวบ้านเพื่อสนองความโลภที่ไม่รู้จักพอ แน่นอนว่านั่นเป็นภารกิจสำคัญของ 'โรบิน ฮู้ด' ที่ต้องขจัดความอยุติธรรมเพื่อนำความสงบสุขมาสู่ชาวเมืองแซกซอนอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
5 หนังโรบินฮู้ดชั้นดี ต้อนรับตำนานรูปโฉมใหม่...
เมื่อปี 1908 เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ 'โรบิน ฮู้ด' บนจอภาพยนตร์ในเรื่อง Robin Hood and His Merry Men นับจากนั้นวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นหนังหรือซีรีส์อีกกว่า 50 ครั้ง ก่อนที่ปี 2018 ตำนานฮีโร่นอกกฎหมายจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้รูปโฉมใหม่ที่มีงานสร้างตระการตา โลเคชั่นหลักอย่างเมืองน็อตติ้งแฮมก็ถูกดีไซน์เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สะท้อนแง่มุมความเหลื่อมล้ำทางสังคมเสมือนโครงสร้างใน The Hunger Games ฝั่งเนื้อหาที่ยังคงพล็อตแบบออริจินอลก็ถูกตีความใหม่ในสไตล์หนังโจรกรรม ที่อัดแน่นด้วยความเข้มข้น ดุดัน และพาร์ทของสงครามครูเสดก็ได้แรงบันดาลใจจากหนังสงครามชั้นดีอย่าง Black Hawk Down และ Lone Survivor สำหรับใครที่เป็นคอหนังโรบินฮู้ดก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง…
เข้าฉายในไทย 22 พฤศจิกายนนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
5. Robin Hood: Men in Tights (1993)
โรบินฮู้ดพาโรดี้ ที่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์ดั้งเดิมของฮีโร่นอกกฎหมายที่ปล้นทรัพย์สินคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน และต่อสู้กับความอยุติธรรมโดยไร้ซึ่งความหวั่นเกรง โดยความต่างของฉบับนี้จะเน้นโทนคอมเมดี้ ทั้งการกระทำที่ดูบ้าบอ หลุดโลก และบทพูดที่เสียดสี ประชดประชันการเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนการหยิบยกคนหรือหนังดังมาล้อเลียนได้อย่างแสบสันทั้ง Winston Churchil และ The Godfather เรียกว่าใครที่ต้องการรับชมหนังโรบินฮู้ดที่เน้นความแปลกใหม่และเปี่ยมด้วยอารมณ์ขันอย่างแท้จริง ก็ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
4. Robin Hood: Prince of Thieves (1991)
นับเป็นเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกันดี ด้วยทีมนักแสดงนำอย่าง Kevin Costner เเละ Morgan Freeman อีกทั้งยังเคยถูกมองว่าเป็นฉบับที่เอนเตอร์เทนคนดูได้ดีที่สุด แม้เนื้อหาจะดูจำเจและอยู่ภายใต้การคาดเดา กับปมเรื่องที่ 'โรบิน ฮู้ด' แห่งล็อกซ์เลย์ ต้องเผชิญหน้ากับนายอำเภอจอมคดโกงแห่งน็อตติ้งแฮม ทว่าตัวบทที่มุ่งเน้นความสัมพันธ์ระหว่างคู่พระนาง เพื่อสร้างโมเมนต์หวานๆ ที่ดูซาบซึ้งกินใจ ประกอบกับเคมีที่เข้าคู่ของนักแสดง ก็เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมแอคชั่นและโรแมนซ์ที่ลงตัวยิ่งนัก
3. Robin Hood (2010)
ความต่างของฉบับ Ridley Scott จะเป็นการย้อนเล่าจุดกำเนิดของ 'โรบิน ฮู้ด' ฮีโร่นอกกฎหมายที่ผู้คนต่างรู้จักกันในฐานะของโจรที่ปล้นคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน ซึ่งตัวเนื้อหาจะถูกโฟกัสไปที่ฮีโร่รายนี้เพื่อเข้าไปสำรวจเบื้องหลังและเนื้อแท้ของจิตใจ ก่อนที่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังคนดูจะได้สัมผัสแอคชั่นซีน ที่ไม่ต่างจากที่เคยเห็นในหนัง Gladiator ผลงานมาสเตอร์พีชของผู้กำกับ โดยพล็อตจะพูดถึงเหตุการณ์หลังการสิ้นชีพของกษัตริย์ริชาร์ด ที่ 'โรบิน ลองสไตรค์' ต้องเดินทางไปเมืองน็อตติ้งแฮมเพื่อทำภารกิจสำคัญในการขจัดความอยุติธรรม
2. Robin Hood (1973)
วรรณกรรมพื้นบ้านสู่หนังแอนิเมชั่นจากดิสนีย์ ที่ถูกทำให้เหมาะกับเด็กเยาวชน โดดเด่นด้วยงานภาพอันงดงาม เนื้อหาเรียบง่าย เน้นโทนคอมเมดี้ และแฝงด้วยแง่คิดสอนใจ โดยหนังเปิดด้วยวิถีชีวิตของสองฮีโร่นอกกฎหมายอย่าง หมาป่า 'โรบิน ฮู้ด'กับหมียักษ์ 'ลิตเติ้ลจอห์น' ที่ถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มนายอำเภอน็อตติ้งแฮม และสามารถหลบหนีได้อย่างหวุดหวิด ก่อนเนื้อหาจะถูกเชื่อมโยงสู่ปมสำคัญที่พวกเขาต้องร่วมมือกันหยุดการกระทำที่คดโกงชาวบ้านของเจ้าชายจอห์น
1. The Adventures of Robin Hood (1938)
คลาสสิกโรบินฮู้ดที่การันตีคุณภาพได้จากการเข้าชิงหนังยอดเยี่ยมออสการ์ และเป็นผู้ชนะในอีก 3 สาขาทั้งงานตัดต่อ กำกับศิลป์ และดนตรีประกอบ โดยเค้าโครงเป็นแบบฉบับออริจินอล หลังจบสงครามครูเสดและกษัตริย์ริชาร์ดได้ถูกจับตัวไปเป็นเชลย ทำให้ฝั่ง 'จอห์น'ผู้เป็นน้องชายจึงคิดที่จะผลักดันตัวเองเพื่อครองบัลลังก์ อีกทั้งยังพยายามกูดรีดเงินจากชาวบ้านเพื่อสนองความโลภที่ไม่รู้จักพอ แน่นอนว่านั่นเป็นภารกิจสำคัญของ 'โรบิน ฮู้ด' ที่ต้องขจัดความอยุติธรรมเพื่อนำความสงบสุขมาสู่ชาวเมืองแซกซอนอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน