เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้วครับช่วงปี 54 ตอนผมยังทำงานที่นั่น แต่เรื่องเพิ่งจบเมื่อต้นปีนี้เอง
ผมมีโอกาสได้มาทำงานที่บริษัทหนึ่ง ที่ชลบุรี ผมจบสายช่างเทคนิคมาครับ มาบรรจุในตำแหน่งปฎิบัติการ เริ่มงานมาต้นปีแรกผมก็ได้รับมอบหมายงานเยอะมากเลยครับ แต่ผมก็ยินดี ถือเป็นโอกาสแสดงความสามารถ เพราะคิดว่าเราเรียนมาน้อย ก็ต้องขยันกว่าคนอื่น ถ้าอยากก้าวหน้า ใครมอบหมายงานมาก็ยินดีทำให้ ทุ่มเท เหนื่อยหนัก ก็ทุ่มสุดใจ
แต่สุดท้ายงานเสร็จ เรียบร้อย มีคนใจดีไปแจ้งบริษัทว่าผมทุจริต บริษัทตั้งกรรมการสอบสวน ผมชี้แจงว่าผมทำตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าและผู้จัดการ ทำตามขั้นตอน มีเอกสารกรรมการตรวจรับ แต่บริษัทยืนยันลงโทษและไล่ผมออกและจะดำเนินคดี
และผมก็โดนไล่ออกไม่จ่ายค่าชดเชยใดๆ คนเดียว ระหว่างนั้นผมก็ยื่นอุทธรณ์ แจงเหตุผลของความผิดว่า ผมทำไปเพื่อบริษัทจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว พร้อมทั้งเหตุผลว่าช่วงนั้นพ่อผมป่วยอยู่ ขอความเมตตาอย่าไล่ผมออกเลย แต่ไม่เป็นผลยืนยันไล่ผมออก
หลังจากโดนไล่ออกบริษัท ตอนนั้นผมมืดแปดด้านครับ ไม่รู้จะทำไง ตามภาษา คนตกงานสิ่งที่เหลือตอนนั้น มีเพียงเงินเดือนเดือนสุดท้าย และเงินเก็บที่มีเล็กน้อย ผมกลับมาอยู่บ้าน
ช่วงนั้นมันจุกในใจ ไม่กล้าบอกใครว่าโดนบริษัทไล่ออก ฐานทุจริต ได้แต่เก็บไว้คนเดียว
ผ่านมาถึงวันนี้ 8 ปี เรื่องนี้ยังเป็นฝันร้ายที่ติดตามผมมาตลอด
ทุกครั้งที่คิดถึงก็ยังเสียใจที่ผมเลือกไปทำงานกับองค์กรที่ดีที่สุด มีธรรมาภิบาลหวังจะฝากอนาคตตัวเองและครอบครัวไว้ที่นี่ แต่บริษัท กลับไม่ได้ใช่สิ่งเหล่านี้มาตัดสินดูแล พนักงานระดับล่างๆ กับใช้หลายมาตรฐานมาตัดสิน และเลือกที่จะทำลายอนาคตชีวิตของเด็กคนหนึ่ง
ตั้งใจทำงาน สุดท้ายถูกไล่ออกฐานทุจริต
ผมมีโอกาสได้มาทำงานที่บริษัทหนึ่ง ที่ชลบุรี ผมจบสายช่างเทคนิคมาครับ มาบรรจุในตำแหน่งปฎิบัติการ เริ่มงานมาต้นปีแรกผมก็ได้รับมอบหมายงานเยอะมากเลยครับ แต่ผมก็ยินดี ถือเป็นโอกาสแสดงความสามารถ เพราะคิดว่าเราเรียนมาน้อย ก็ต้องขยันกว่าคนอื่น ถ้าอยากก้าวหน้า ใครมอบหมายงานมาก็ยินดีทำให้ ทุ่มเท เหนื่อยหนัก ก็ทุ่มสุดใจ
แต่สุดท้ายงานเสร็จ เรียบร้อย มีคนใจดีไปแจ้งบริษัทว่าผมทุจริต บริษัทตั้งกรรมการสอบสวน ผมชี้แจงว่าผมทำตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าและผู้จัดการ ทำตามขั้นตอน มีเอกสารกรรมการตรวจรับ แต่บริษัทยืนยันลงโทษและไล่ผมออกและจะดำเนินคดี
และผมก็โดนไล่ออกไม่จ่ายค่าชดเชยใดๆ คนเดียว ระหว่างนั้นผมก็ยื่นอุทธรณ์ แจงเหตุผลของความผิดว่า ผมทำไปเพื่อบริษัทจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว พร้อมทั้งเหตุผลว่าช่วงนั้นพ่อผมป่วยอยู่ ขอความเมตตาอย่าไล่ผมออกเลย แต่ไม่เป็นผลยืนยันไล่ผมออก
หลังจากโดนไล่ออกบริษัท ตอนนั้นผมมืดแปดด้านครับ ไม่รู้จะทำไง ตามภาษา คนตกงานสิ่งที่เหลือตอนนั้น มีเพียงเงินเดือนเดือนสุดท้าย และเงินเก็บที่มีเล็กน้อย ผมกลับมาอยู่บ้าน
ช่วงนั้นมันจุกในใจ ไม่กล้าบอกใครว่าโดนบริษัทไล่ออก ฐานทุจริต ได้แต่เก็บไว้คนเดียว
ผ่านมาถึงวันนี้ 8 ปี เรื่องนี้ยังเป็นฝันร้ายที่ติดตามผมมาตลอด
ทุกครั้งที่คิดถึงก็ยังเสียใจที่ผมเลือกไปทำงานกับองค์กรที่ดีที่สุด มีธรรมาภิบาลหวังจะฝากอนาคตตัวเองและครอบครัวไว้ที่นี่ แต่บริษัท กลับไม่ได้ใช่สิ่งเหล่านี้มาตัดสินดูแล พนักงานระดับล่างๆ กับใช้หลายมาตรฐานมาตัดสิน และเลือกที่จะทำลายอนาคตชีวิตของเด็กคนหนึ่ง