สวัสดีค่ะทุกๆคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวต่างจังหวัด
ถ้าต้องการแนะนำหรือติชมประการใด สามารถบอก จขกท. ได้เลยนะคะ
*************************************************************************************************
ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากไปไกลมากเอาที่ขับรถไปไหว+วันหยุดของมนุษย์เงินเดือนก็ไม้ได้มีเยอะมากมาย ตัวเลือกที่ผ่านเข้ารอบชิงจึงอยู่ในแถบตะวันตก เพราะอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ หาออกซิเจนเข้าปอด และแจ็คพอตจึงตกเป็นของ >>>
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี !!!! ((ถ้าทำเสียงแบบมิสแกรดนด์เข้าประกวดจะได้ฟีลมากกกก))
ลองกดดู Google map ก่อนเลย ผลที่ได้คือ ... "340 กว่ากิโล + ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง"... ก็คิดว่าน่าจะไหวแหละ (มั้ง)
ถ้าลองเสิร์จดูในหลายๆกระทู้ จะมีทั้งการนอนเต๊นท์และนอนบ้านพักของอุทยานฯ แต่ด้วยความที่ จขกท.ไม่เคยท่องเที่ยวแล้วนอนแบบเต๊นท์เลย การนอนบ้านพักอุทยานฯจึงกลายมาเป็นตัวเลือกหลักในครั้งนี้
ว่าแต่...บ้านพักอุทยานมันเป็นแบบใหนหว่า...ไม่เคยไปพักซะด้วยสิ????
แหม่....ในยุคสมัยดิจิตอลแบบนี้ ก็มีตัวเลือกที่สะดวกมากขึ้น สามารถเข้าจองผ่านเว็บไซต์ได้เลยค่ะ >>>
http://nps.dnp.go.th/reservation.php แค่ใส่ข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิก เลือกอุทยานฯ เลือกแบบที่พัก ซึ่งจะมีรูป ราคา และรายละเอียดที่พักครบถ้วน เสร็จแล้วปริ้น Pay-in Slip ไปจ่ายที่ธ.ภายในระยะเวลาที่กำหนด ง่ายมากๆเลยค่ะ...ขอบอก
ทีพักพร้อม...คนพร้อม...รถพร้อม...และที่สำคัญเงิน(เกือบจะ)พร้อม วันเดินทางก็มาถึง!!!!
*************************************************************************************************
การเดินทางครั้งนี้...เราเดินทางด้วย Honda-HRV ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ (พอถึงกรุงเทพแทบอยากจะกราบรถเลยทีเดียว) เริ่มออกเดินทางประมาณ 8.00 ขับมาตาม Google Map เลยค่ะ (แนะนำ! ให้โหลด offiline map ไว้ด้วยนะคะ เผื่อฉุกเฉินไม่สัญญาณขึ้นมาจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นไปตามๆกัน) เราจะผ่านทางนครปฐม-ราชบุรี-กาญจนบุรี ขับมาเรื่อยๆเลยค่ะ ความเร็วที่ใช้ก่อนถึงอ.ทองผาภูมิจะอยู่ประมาณ 90-120 แล้วแต่ช่วงจราจร
ตลอดทางก็จะมีปั๊ม...และเกือบทุกปั๊มจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...คิดในใจ...ไปที่เดียวกะตูแน่ๆเลย
แต่! พอเข้ามาถึงอ.ทองผาภูมิเท่านั้นล่ะ รถเริ่มบาง....เริ่มรู้สึกเหงา ประกอบกับคนข้างๆ กำลังจะหลับแล้วเช่นกัน 55+ ถนนหนทางยังโอเคนะ เป็นลาดยางยาวพร้อมกับมีต้นไม้สูงที่โค้งโน้มลงมาเหมือนจะเป็นอุโมงค์เลย แต่! อย่าเพิ่งดีใจไป...ด่านบอสรอคุณอยู่สถานีถัดไปค่ะ
สัจธรรมจะเริ่มเข้ามาทำงานตอนคุณเห็นความคดเคี้ยวของ google map + หลุมบ่อเริ่มมาให้เห็น มีทั้งหลุมเล็กหลุมใหญ่ + ทางโค้งที่โค้งแบบ continue ที่หักพวงมาลัยทีเหมือนแขนมันจะพันกัน พร้อมป้ายเตือนตลอดทางว่า "ระวัง!ไหล่ทางชำรุด", "กรุณาใช้เกียร์ต่ำ" ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ขับเรื่อยๆไม่ต้องรีบนะ จะมีรถสวนมาเป็นระยะๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ
หลังจากมาทั้งโค้งทั้งหลุม แต่ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีทางอยู่เส้นเดียวนั่นแหละค่ะ ขับไปก็จะเห็นวิวธรรมชาติในมุมลึกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นโดรนที่บินๆอยู่แล้วมองลงไป แต่ไม่ได้แวะเพื่อลงถ่ายรูปกลางทางนะคะ เพราะจะเป็นการกีดขวางเส้นทางนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วย เราเที่ยวแบบมีน้ำใจกันดีกว่าเนอะ ^^
ประมาณ 14.00 เราก็มาถึง "จุดชมวิว กม.12 " วิวที่ได้มาเจอ...บอกได้คำเดียวว่า "คุ้มแล้วกับหลุมที่ขับผ่านมา"
จุดชมวิวนี้ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เป็นลานหินอย่างดีพร้อมที่สำหรับถ่ายวิวในมุมกว้าง มีพี่ๆเจ้าหน้าที่ มีบริการห้องน้ำ (แนะนำให้ติดทิชชู่เปียก/แห้ง ไปเองนะคะ) ที่จุดชมวิวนี้มีรถขายไอติม รถขายผลไม้ เช่น สับปะรด มะม่วง แตงโม ซึ่งพี่คนขายแกก้กลัวเราไม่กล้าซื้อ แกก็จะรีบบอกว่า.....”ราคาผลไม้เท่าข้างล่างนะค้าบบบ”
หลังจากนั่งพักผ่อนชมวิวกินแตงโตจนพอใจแล้ว กลับสู่ความโค้งอันแสนสนุกอีกประมาณ 10 กม. มันจิ๊บๆมากค่ะ ถ้าเทียบกับโค้งที่เราผ่านมาก่อนหน้านี้ แล้วเราก็มาถึงที่หมายของเรา....อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ป้อมด้านหน้าอุทยานก่อนนะคะ หลังจากจ่ายเสร็จเรียบร้อย พี่เจ้าหน้าที่จะให้บัตรผ่านเรามา ซึ่งบัตรผ่านนี้สามารถไปยื่นที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นได้ด้วยนะคะ หลังจากนั้น...เราก็มารับกุญแจห้องพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยืนใบเสร็จที่เราจ่ายเงินค่าที่พักให้กับพี่เจ้าหน้าที่ เราสามารถขับรถไปจอดในบริเวณใกล้ๆที่พักได้เลยนะคะ แนะนำให้ขับรถเกียร์ต่ำนะคะ...ทางที่เราไปจะมีความชันเล็กน้อย
ไปตามบ้านที่เราจองไว้ได้เลยยย... จขกท.จอง "บ้านทาร์ซาน 6"
ทางขับรถไปก่อนจะถึงบ้านต้นไม้ของเรา
มาถึง...เราจะเห็นว่าบ้านพักเราเหมือนถูกกอดด้วยต้นไม้รอบด้าน เป็นช่วงเวลาบ่ายที่อากาศเย็นสบาย ไม่เย็นหรือไม่ร้อนจนเกินไป
แต่เราต้องจัดการเก็บของไว้ในบ้านพักก่อนเลยค่ะ....เพราะพยาธิในท้องเริ่มตั้งม๊อบประท้วงแล้ว เราตัดสินใจเดินไปฝากท้องกันที่ "ร้านค้าสวัสดิการอุทยานฯ" ค่ะ
เดินกินลมชมวิวแก้หิวกันเนอะ
แท่นแท๊น...เรามาถึงร้านค้าแล้ว ร้านจะมีเวลาเปิดขาย 8.00 - 17.00 น. มีทั้งขนม น้ำลัดลมขาย แต่! ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะคะ
สภาพภายนอกของภัตตาคารเราจะเป็นไม้ยกพื้นสูง ให้อารมณ์วินเทจสุดๆ
ด้วยความคิดไม่ออก เราเลือกสั่งเมนูเบสิกสุด คือ ไข่เจียวหมูสับ ผัดกะเพราหมูสับ ต้มยำไก่ ...ถ้าจะให้รีวิวรสชาติ บอกได้คำเดียวว่า...แทบอยากจะอุ้มแม่ครัวกลับบ้าน!!! โดยเฉพาะ"ต้มยำไก่" นี่ จขกท.ต้องขอ Recommended .....พี่แม่ครัวใส่เครื่องได้ถึงรสจริงๆค่ะ
เอาล่ะค่ะ....ในเมื่อพยาธิในท้องเราสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ถึงเวลาเดินสำรวจสถานที่ต่างๆภายในอุทยานบ้าง
จุดที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นคือ เนินกูดดอย และ
จุดที่ดูพระอาทิตย์ตก คือ เนินช้างเผือก
แต่ตอนนี้เวลาแค่ 17.30 เลยลองไปสำรวจเนินกูดดอยก่อนเลย
ถ้าบอกว่าวิวในมุมกว้างที่ จุดชมวิว กม.12 สวยแล้ว จขกท.ก็อยากจะบอกว่า...ที่เนินกูดดอยยิ่งสวย เพราะมองออกไปจะให้ความรู้สึกว่า เรามีภาพทิวทัศน์มาล้อมตัวเราไว้ อากาศก็ดีมากๆเลยล่ะค่ะ
อีกซักครู่ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก...เราก็พากันเดินไปตามทาง ทั้งสองเนินอยู่ไม่ไกลกันเลยค่ะ คุณจะได้เจอคนมากางเต๊นท์อยู่ระหว่างทั้งสองเนิน ทำกับข้าวด้วยแก๊สกระป๋อง มีทั้งแบบครอบครัวและแบบคู่รักที่มาสวีทกัน แต่จุดสังเกตที่สำคัญคือ....คนที่มาพักที่นี่ไม่มีการส่งเสียงรบกวนแขกท่านอื่นนะคะ เหมือนทุกคนมาพักเพื่อกินบรรยากาศดีๆ ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะแก่การชาร์จแบตตัวเองมากๆค่ะ
เราเดินมาถ่ายพี่พระอาทิตย์ของเราตกดินที่เนินช้างเผือก อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้วล่ะค่ะ บรื๋ออออ (ในใจเอาแต่คิดว่า...จะอาบน้ำดีมั๊ยนะ
)
เราเดินกลับมาถึงบ้านทาร์ซานของเราในเวลาประมาณ 18.00 น. เวลานี้ความมืดได้เข้ามาแทรกเรียบร้อยแล้ว แต่โชคดีของ จขกท. ได้เอาตะเกียงชาร์จแบตได้ไป เลยเอาไปเปิดรอเวลาที่ทางอุทยานจะจ่ายไฟให้กับทางห้องพัก ซึ่งทางอุทยานจะมีเวลาจ่ายไฟคือ 18.00 - 21.00 หลังจากนั้นทุกอย่างจะมืดอีกครั้ง การมาทริปนี้...เราจะสามารถคุยกับคนข้างๆได้มากขึ้น เนื่องจากสัญญาณอินเตอร์เนตไม่ได้แรงเหมือนอย่างเมืองกรุง ติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่โชคจะเอื้ออำนวย
หลังจากขับรถตะลอนๆกันมาเกือบจะทั้งวัน ท้องที่อิ่มสุด บวกกับบรรยากาศที่เย็นสบาย การที่เราจะหลับตั้งแต่ 3 ทุ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกค่ะ.....ราตรีสวัสดิ์
*************************************************************************************************
ไฮไลท์ที่สำคัญของทริปนี้มาถึงแล้ว...พระอาทิตย์ขึ้นในดงหมอก จขกท.ตื่นประมาณตี 5 กว่าๆ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินกูดดอย มาถึงพบว่ามีนักท่องเที่ยวท่านอื่นมารอดูเช่นกัน อากาศในตอนเช้าของที่นี่ไม่ถือว่าหนาวจนสั่นนะคะ ใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียวก็โอเคแล้วค่ะ
และแล้ว....พระเอกของเราก็เดินทางมาถึงค่ะ
จากนั้น..เราก็กลับที่พัก เก็บของใช้ส่วนตัวของเรา อย่าลืม! เอาขยะจากบ้านพักลงมาทิ้งด้านล่างด้วยนะคะ ทางอุทยานมีถังขยะแยกประเภทให้ แล้วกุญแจบ้านพักไปคืนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากใครต้องการพาสปอร์ตอุทยานหรือโปสการ์ด ของที่ระลึก สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เช่นกันนะคะ
จากนั้น...มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งชีวิตจริง...กรุงเทพมหานคร (เสียงมันก็จะอ่อยๆหน่อยนะ)
*************************************************************************************************
ส่วนตัวของ จขกท.แล้ว ทริปนี้ไม่ได้แอดเวนเจอร์เท่าไร แต่ถือว่าเหมือนเราได้ไปในสถานที่ที่เหมือนหยุดเวลา...หยุดความเร่งรีบของเรา..ด้วยธรรมชาติรอบๆตัว
==>>>ในเรื่องค่าใช้จ่ายมีประมาณนี้นะคะ
1. ค่าน้ำมัน 1,000 บาท (ถนนปกติขับด้วยความเร็วประมาณ 90-120 ส่วนทางโค้งทางหลุม ใช้เกียร์ S ไม่เกินเกียร์ 2)
2. ค่าที่พัก 1,500 บาท
3. ค่ากิน 1,500 บาท
รวม 2 คนเท่ากับ
4,000 บาท
==>> สิ่งที่อยากจะเตือน
1. อยากจะเตือนเรื่องการขับรถในทางโค้ง จขกท. เข้าใจนะคะว่าใครก็อยากจะไปชมวิวเร็วๆ แต่อย่าขับแซงกันบนทางขึ้นเราดีกว่าค่ะ เพราะมีจุดอับบางจุดที่เรามองไม่เห็น บางจุดกระจกช่วยมองยังแตก ใช้ความระมัดระวังให้มากๆในการขับขี่นะคะ
2. แนะนำให้ติดตะเกียงชาร์จแบตได้ไปด้วยนะคะ เผื่อเวลาฉุกเฉิน
3. รถเล็กสามารถไปได้ค่ะ แต่อาจจะลำบากหน่อย สงสารท้องรถเวลาเจอหลุมด้วย เพระบนเขามีดินถล่ม ทางก็จะมีเป็นหลุมลึกบ้าง แนะนำเป็นรถยกสูงหน่อยน่าจะโอเคกว่า
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ...ถ้าใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ค่ะ ยินดีแชร์ข้อมูล
"...ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ..."
2 วัน 1 คืน : หนีเมืองกรุงไปซุกหมอกที่ทองผาภูมิ ((ฉบับขับรถไปเอง))
ถ้าต้องการแนะนำหรือติชมประการใด สามารถบอก จขกท. ได้เลยนะคะ
*************************************************************************************************
ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากไปไกลมากเอาที่ขับรถไปไหว+วันหยุดของมนุษย์เงินเดือนก็ไม้ได้มีเยอะมากมาย ตัวเลือกที่ผ่านเข้ารอบชิงจึงอยู่ในแถบตะวันตก เพราะอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ หาออกซิเจนเข้าปอด และแจ็คพอตจึงตกเป็นของ >>> อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี !!!! ((ถ้าทำเสียงแบบมิสแกรดนด์เข้าประกวดจะได้ฟีลมากกกก))
ลองกดดู Google map ก่อนเลย ผลที่ได้คือ ... "340 กว่ากิโล + ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง"... ก็คิดว่าน่าจะไหวแหละ (มั้ง)
ถ้าลองเสิร์จดูในหลายๆกระทู้ จะมีทั้งการนอนเต๊นท์และนอนบ้านพักของอุทยานฯ แต่ด้วยความที่ จขกท.ไม่เคยท่องเที่ยวแล้วนอนแบบเต๊นท์เลย การนอนบ้านพักอุทยานฯจึงกลายมาเป็นตัวเลือกหลักในครั้งนี้
ว่าแต่...บ้านพักอุทยานมันเป็นแบบใหนหว่า...ไม่เคยไปพักซะด้วยสิ????
แหม่....ในยุคสมัยดิจิตอลแบบนี้ ก็มีตัวเลือกที่สะดวกมากขึ้น สามารถเข้าจองผ่านเว็บไซต์ได้เลยค่ะ >>> http://nps.dnp.go.th/reservation.php แค่ใส่ข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิก เลือกอุทยานฯ เลือกแบบที่พัก ซึ่งจะมีรูป ราคา และรายละเอียดที่พักครบถ้วน เสร็จแล้วปริ้น Pay-in Slip ไปจ่ายที่ธ.ภายในระยะเวลาที่กำหนด ง่ายมากๆเลยค่ะ...ขอบอก
ทีพักพร้อม...คนพร้อม...รถพร้อม...และที่สำคัญเงิน(เกือบจะ)พร้อม วันเดินทางก็มาถึง!!!!
*************************************************************************************************
การเดินทางครั้งนี้...เราเดินทางด้วย Honda-HRV ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ (พอถึงกรุงเทพแทบอยากจะกราบรถเลยทีเดียว) เริ่มออกเดินทางประมาณ 8.00 ขับมาตาม Google Map เลยค่ะ (แนะนำ! ให้โหลด offiline map ไว้ด้วยนะคะ เผื่อฉุกเฉินไม่สัญญาณขึ้นมาจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นไปตามๆกัน) เราจะผ่านทางนครปฐม-ราชบุรี-กาญจนบุรี ขับมาเรื่อยๆเลยค่ะ ความเร็วที่ใช้ก่อนถึงอ.ทองผาภูมิจะอยู่ประมาณ 90-120 แล้วแต่ช่วงจราจร
ตลอดทางก็จะมีปั๊ม...และเกือบทุกปั๊มจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...คิดในใจ...ไปที่เดียวกะตูแน่ๆเลย
แต่! พอเข้ามาถึงอ.ทองผาภูมิเท่านั้นล่ะ รถเริ่มบาง....เริ่มรู้สึกเหงา ประกอบกับคนข้างๆ กำลังจะหลับแล้วเช่นกัน 55+ ถนนหนทางยังโอเคนะ เป็นลาดยางยาวพร้อมกับมีต้นไม้สูงที่โค้งโน้มลงมาเหมือนจะเป็นอุโมงค์เลย แต่! อย่าเพิ่งดีใจไป...ด่านบอสรอคุณอยู่สถานีถัดไปค่ะ
สัจธรรมจะเริ่มเข้ามาทำงานตอนคุณเห็นความคดเคี้ยวของ google map + หลุมบ่อเริ่มมาให้เห็น มีทั้งหลุมเล็กหลุมใหญ่ + ทางโค้งที่โค้งแบบ continue ที่หักพวงมาลัยทีเหมือนแขนมันจะพันกัน พร้อมป้ายเตือนตลอดทางว่า "ระวัง!ไหล่ทางชำรุด", "กรุณาใช้เกียร์ต่ำ" ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ขับเรื่อยๆไม่ต้องรีบนะ จะมีรถสวนมาเป็นระยะๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ
หลังจากมาทั้งโค้งทั้งหลุม แต่ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีทางอยู่เส้นเดียวนั่นแหละค่ะ ขับไปก็จะเห็นวิวธรรมชาติในมุมลึกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นโดรนที่บินๆอยู่แล้วมองลงไป แต่ไม่ได้แวะเพื่อลงถ่ายรูปกลางทางนะคะ เพราะจะเป็นการกีดขวางเส้นทางนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วย เราเที่ยวแบบมีน้ำใจกันดีกว่าเนอะ ^^
ประมาณ 14.00 เราก็มาถึง "จุดชมวิว กม.12 " วิวที่ได้มาเจอ...บอกได้คำเดียวว่า "คุ้มแล้วกับหลุมที่ขับผ่านมา"
จุดชมวิวนี้ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เป็นลานหินอย่างดีพร้อมที่สำหรับถ่ายวิวในมุมกว้าง มีพี่ๆเจ้าหน้าที่ มีบริการห้องน้ำ (แนะนำให้ติดทิชชู่เปียก/แห้ง ไปเองนะคะ) ที่จุดชมวิวนี้มีรถขายไอติม รถขายผลไม้ เช่น สับปะรด มะม่วง แตงโม ซึ่งพี่คนขายแกก้กลัวเราไม่กล้าซื้อ แกก็จะรีบบอกว่า.....”ราคาผลไม้เท่าข้างล่างนะค้าบบบ”
หลังจากนั่งพักผ่อนชมวิวกินแตงโตจนพอใจแล้ว กลับสู่ความโค้งอันแสนสนุกอีกประมาณ 10 กม. มันจิ๊บๆมากค่ะ ถ้าเทียบกับโค้งที่เราผ่านมาก่อนหน้านี้ แล้วเราก็มาถึงที่หมายของเรา....อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ป้อมด้านหน้าอุทยานก่อนนะคะ หลังจากจ่ายเสร็จเรียบร้อย พี่เจ้าหน้าที่จะให้บัตรผ่านเรามา ซึ่งบัตรผ่านนี้สามารถไปยื่นที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นได้ด้วยนะคะ หลังจากนั้น...เราก็มารับกุญแจห้องพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยืนใบเสร็จที่เราจ่ายเงินค่าที่พักให้กับพี่เจ้าหน้าที่ เราสามารถขับรถไปจอดในบริเวณใกล้ๆที่พักได้เลยนะคะ แนะนำให้ขับรถเกียร์ต่ำนะคะ...ทางที่เราไปจะมีความชันเล็กน้อย
ไปตามบ้านที่เราจองไว้ได้เลยยย... จขกท.จอง "บ้านทาร์ซาน 6"
ทางขับรถไปก่อนจะถึงบ้านต้นไม้ของเรา
มาถึง...เราจะเห็นว่าบ้านพักเราเหมือนถูกกอดด้วยต้นไม้รอบด้าน เป็นช่วงเวลาบ่ายที่อากาศเย็นสบาย ไม่เย็นหรือไม่ร้อนจนเกินไป
แต่เราต้องจัดการเก็บของไว้ในบ้านพักก่อนเลยค่ะ....เพราะพยาธิในท้องเริ่มตั้งม๊อบประท้วงแล้ว เราตัดสินใจเดินไปฝากท้องกันที่ "ร้านค้าสวัสดิการอุทยานฯ" ค่ะ
เดินกินลมชมวิวแก้หิวกันเนอะ
แท่นแท๊น...เรามาถึงร้านค้าแล้ว ร้านจะมีเวลาเปิดขาย 8.00 - 17.00 น. มีทั้งขนม น้ำลัดลมขาย แต่! ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะคะ
สภาพภายนอกของภัตตาคารเราจะเป็นไม้ยกพื้นสูง ให้อารมณ์วินเทจสุดๆ
ด้วยความคิดไม่ออก เราเลือกสั่งเมนูเบสิกสุด คือ ไข่เจียวหมูสับ ผัดกะเพราหมูสับ ต้มยำไก่ ...ถ้าจะให้รีวิวรสชาติ บอกได้คำเดียวว่า...แทบอยากจะอุ้มแม่ครัวกลับบ้าน!!! โดยเฉพาะ"ต้มยำไก่" นี่ จขกท.ต้องขอ Recommended .....พี่แม่ครัวใส่เครื่องได้ถึงรสจริงๆค่ะ
เอาล่ะค่ะ....ในเมื่อพยาธิในท้องเราสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ถึงเวลาเดินสำรวจสถานที่ต่างๆภายในอุทยานบ้าง จุดที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นคือ เนินกูดดอย และจุดที่ดูพระอาทิตย์ตก คือ เนินช้างเผือก
แต่ตอนนี้เวลาแค่ 17.30 เลยลองไปสำรวจเนินกูดดอยก่อนเลย
ถ้าบอกว่าวิวในมุมกว้างที่ จุดชมวิว กม.12 สวยแล้ว จขกท.ก็อยากจะบอกว่า...ที่เนินกูดดอยยิ่งสวย เพราะมองออกไปจะให้ความรู้สึกว่า เรามีภาพทิวทัศน์มาล้อมตัวเราไว้ อากาศก็ดีมากๆเลยล่ะค่ะ
อีกซักครู่ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก...เราก็พากันเดินไปตามทาง ทั้งสองเนินอยู่ไม่ไกลกันเลยค่ะ คุณจะได้เจอคนมากางเต๊นท์อยู่ระหว่างทั้งสองเนิน ทำกับข้าวด้วยแก๊สกระป๋อง มีทั้งแบบครอบครัวและแบบคู่รักที่มาสวีทกัน แต่จุดสังเกตที่สำคัญคือ....คนที่มาพักที่นี่ไม่มีการส่งเสียงรบกวนแขกท่านอื่นนะคะ เหมือนทุกคนมาพักเพื่อกินบรรยากาศดีๆ ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะแก่การชาร์จแบตตัวเองมากๆค่ะ
เราเดินมาถ่ายพี่พระอาทิตย์ของเราตกดินที่เนินช้างเผือก อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้วล่ะค่ะ บรื๋ออออ (ในใจเอาแต่คิดว่า...จะอาบน้ำดีมั๊ยนะ )
เราเดินกลับมาถึงบ้านทาร์ซานของเราในเวลาประมาณ 18.00 น. เวลานี้ความมืดได้เข้ามาแทรกเรียบร้อยแล้ว แต่โชคดีของ จขกท. ได้เอาตะเกียงชาร์จแบตได้ไป เลยเอาไปเปิดรอเวลาที่ทางอุทยานจะจ่ายไฟให้กับทางห้องพัก ซึ่งทางอุทยานจะมีเวลาจ่ายไฟคือ 18.00 - 21.00 หลังจากนั้นทุกอย่างจะมืดอีกครั้ง การมาทริปนี้...เราจะสามารถคุยกับคนข้างๆได้มากขึ้น เนื่องจากสัญญาณอินเตอร์เนตไม่ได้แรงเหมือนอย่างเมืองกรุง ติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่โชคจะเอื้ออำนวย
หลังจากขับรถตะลอนๆกันมาเกือบจะทั้งวัน ท้องที่อิ่มสุด บวกกับบรรยากาศที่เย็นสบาย การที่เราจะหลับตั้งแต่ 3 ทุ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกค่ะ.....ราตรีสวัสดิ์
*************************************************************************************************
ไฮไลท์ที่สำคัญของทริปนี้มาถึงแล้ว...พระอาทิตย์ขึ้นในดงหมอก จขกท.ตื่นประมาณตี 5 กว่าๆ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินกูดดอย มาถึงพบว่ามีนักท่องเที่ยวท่านอื่นมารอดูเช่นกัน อากาศในตอนเช้าของที่นี่ไม่ถือว่าหนาวจนสั่นนะคะ ใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียวก็โอเคแล้วค่ะ
และแล้ว....พระเอกของเราก็เดินทางมาถึงค่ะ
จากนั้น..เราก็กลับที่พัก เก็บของใช้ส่วนตัวของเรา อย่าลืม! เอาขยะจากบ้านพักลงมาทิ้งด้านล่างด้วยนะคะ ทางอุทยานมีถังขยะแยกประเภทให้ แล้วกุญแจบ้านพักไปคืนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากใครต้องการพาสปอร์ตอุทยานหรือโปสการ์ด ของที่ระลึก สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เช่นกันนะคะ
จากนั้น...มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งชีวิตจริง...กรุงเทพมหานคร (เสียงมันก็จะอ่อยๆหน่อยนะ)
*************************************************************************************************
ส่วนตัวของ จขกท.แล้ว ทริปนี้ไม่ได้แอดเวนเจอร์เท่าไร แต่ถือว่าเหมือนเราได้ไปในสถานที่ที่เหมือนหยุดเวลา...หยุดความเร่งรีบของเรา..ด้วยธรรมชาติรอบๆตัว
==>>>ในเรื่องค่าใช้จ่ายมีประมาณนี้นะคะ
1. ค่าน้ำมัน 1,000 บาท (ถนนปกติขับด้วยความเร็วประมาณ 90-120 ส่วนทางโค้งทางหลุม ใช้เกียร์ S ไม่เกินเกียร์ 2)
2. ค่าที่พัก 1,500 บาท
3. ค่ากิน 1,500 บาท
รวม 2 คนเท่ากับ 4,000 บาท
==>> สิ่งที่อยากจะเตือน
1. อยากจะเตือนเรื่องการขับรถในทางโค้ง จขกท. เข้าใจนะคะว่าใครก็อยากจะไปชมวิวเร็วๆ แต่อย่าขับแซงกันบนทางขึ้นเราดีกว่าค่ะ เพราะมีจุดอับบางจุดที่เรามองไม่เห็น บางจุดกระจกช่วยมองยังแตก ใช้ความระมัดระวังให้มากๆในการขับขี่นะคะ
2. แนะนำให้ติดตะเกียงชาร์จแบตได้ไปด้วยนะคะ เผื่อเวลาฉุกเฉิน
3. รถเล็กสามารถไปได้ค่ะ แต่อาจจะลำบากหน่อย สงสารท้องรถเวลาเจอหลุมด้วย เพระบนเขามีดินถล่ม ทางก็จะมีเป็นหลุมลึกบ้าง แนะนำเป็นรถยกสูงหน่อยน่าจะโอเคกว่า
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ...ถ้าใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ค่ะ ยินดีแชร์ข้อมูล
"...ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ..."