หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] 2018 บรรลุนิติภาวะเเล้วไป "ภูกระดึง" กัน
กระทู้รีวิว
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
ภาพถ่ายทิวทัศน์
พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยของเราที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบรูณ์อากาศที่บริสุทธิ์เเละบรรยากาศรอบๆชวนให้รู้สึกว่าโรเเมนติกเเล้วล่ะก็สำหรับเราเรานึกถึง
ภูกระดึง
จ.เลยค่ะ
เราตัดสินใจเดินทางไปที่ภูกระดึงในช่วงเวลาวันที่6-9 พ.ย. 2018 เป็นเวลา4วัน3คืน. ซึ่งเราค่อนข้างที่จะหาข้อมูลเเละวางเเผนการเที่ยวมาเเล้วส่วนหนึ่งค่ะ เราไม่ได้คิดอะไรมาก เราเเค่คิดว่า ถึงฤดูหนาวเเล้ว มีโอกาสเเละมีเพื่อน ที่พร้อมจะไปด้วยเเล้ว ก็ต้องรีบไป เพราะโอกาสดีดีเเบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อยนัก เอาหล่ะค่ะ เเละนี่คือการเดินทางท่องเที่ยวครั้งเเรกด้วยตัวของเราเองครั้งเเรกไปดูกั๊นนนน
วันที่6 เราเลือกที่จะเดินทางตอนกลางคืนเที่ยวรถรอบ2ทุ่ม เพื่อให้ไปถึงที่ผานกเค้า เวลา04.00น. เพื่อนอนพักผ่อน ทานข้าวเช้าเพื่อเอาเเรงไปขึ้นเขา เพื่อพิชิตภูกระดึง เพราะด้วยความไปครั้งเเรกเราก็ไม่รู้ว่า มันไกลเเค่ไหน เหนื่อยมากไหม (เอาจริงๆก่อนไปหน่องคิดว่าจะออกกำลังกายก่อนไปเเต่สุดท้าย วิถีหมูอย่างเราคือบอกว่าเดี๋ยวค่อยๆเเล้วก็ไม่ได้ออก สุดท้ายต้องไปตายเอาดาบหน้า)
04.00 รถจะจอดให้เราลงตรงศาลา ตรงข้ามร้านเจ๊กิม ซึ่งร้านเจ๊กิมจะอยู่ข้างๆกับป้อมตำรวจ บรรยากาศตอนลงมาคือหนาวสั่นค่ะ เหมือนไม่สัมผัสอากาศเย็นๆเเบบนี้มานาน จน เราคิดว่าสักประมาณ6โมถ้ามีร้านขายหมวกกันหนาวฝั่งตรงข้ามร้านเจ๊กิมร้านไหนเปิดก่อนก็ไปซื้อร้านนั้นซึ่งราคาถูกว่าBig Cมาก ดีใจที่ตัดสินใจลองมาเสี่ยงซื้อที่นี่
นอนพักเสร็จเเล้ว ถ้าขาดเหลือสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ซอฟเฟล บลาๆ มาหาซื้อที่ร้านเจ๊กิมได้เลย ที่นี่มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ฟรี เเต่ถ้าจะกินข้างต้องเสียเงินนะ(ข้าวที่นี่ ราคาไม่เเพง ต้องลอง) กินข้าวเสร็จเเล้วก็หาเพื่อนร่วมนั่งรถเเดงนะ เราต้องหารเงินกันสำหรับค่ารถ 300บาท ถ้าคนถึง10คน ก็หารตกคนละ30บาท เเต่ตอนเราไป ทีเเก๊งค์เจ๊สวย(หญิง1 ชาย3) มาอีก4คน เลยตกลงกันว่าให้รถออกเลย เลยเสียไปคนละ 50บาท ซึ่งเราขึ้นรถ เวลา06.00น. ระหว่างทางเราก็ตื่นเต้นการเส้นทางที่เรานั่งรถไป เห็นพระรูปนึงกำลังเดินอยู่รถเลยจอดเเวะรับท่านขึ้นมาด้วย ทำให้รู้สึกว่าความรู้สึกดีดีก่อนขึ้นเขาได้เกิดขึ้นเเล้วตลอดทาง ดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่นี่เเล้วนึกถึงระยองบ้านเกิดตัวเองเลยงื้ออ
ใช้เวลาไปถึงที่อุทยานเเห่งชาติภูกระดึง เวลา07.00 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางอุทธยาน อนุญาตให้นักท่องเทียงสามารถขึ้นเขาได้เเล้ว เเต่ก่อนจะขึ้นเราต้องมาต้องมาเสียเงินก่อนตั้งเเต่ทางเข้ายันศุนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยมีรายการดังนี้เด้อ
-ค่าเข้าอุทยาน คนละ40บาท
-ค่าที่พัก คือสามารถเข้าไปติดต่อตามช่องหมายเลขต่างๆตามความประสงค์ของเราที่จะพักได้เลย เช่น
หน่อง เอาเต้นท์ไปเองก็เสียเเค่ค่าจองที่กางเต้นท์ 30บาท ต่อคนต่อคืน
-ค่าประกันคนละ10บาท
-ค่าเเผนที่ท่องเที่ยว เเล้วเเต่ความต้องการเลย เเผ่นละ10บาท
ด้วนความเป็นผู้หญิงอ่อนโยน หน่องมิอาจกล้าเเบกสัมภาระทั้งหมดขึ้นไปเองได้หมดเเน่ เลยใช้บริการพี่ๆลูกหาบ ที่จุดบริการหมายเลข4ใกล้กับห้องน้ำ (ห้องน้ำไที่นี่มีห้องอาบน้ำด้วยเด้อ สะอาดมากอ่ะ ) ค่าบริการพี่ลูกหาบkg. ละ30บาท ชั่งน้ำหนักสัมภาระที่ต้องการฝากเล้ว รับหางบัตรเเละเก็บหา
บัตรไว้ให้ดีดี เพราะเราต้องไปรอรับสัมภาระเมื่อเราถึงจุดกางเต้นท์นาจาาา พร้อมเเล้วขึ้นเขาโลดดด
มาถึงเเล้วโว๊ยยย เป็นความรู้สึกที่หน่องตื่นเต้นมาก เวลาที่จะได้ขึ้นไปถึง ณ จุดนี้ เพราะตั้งเเต่ที่เดินขึ้นมากคือ อุทาน เเต่ว่า หู้วววชัน ทำไมยังไม่ถึง ตื่นเต้นตลอดทางเวลาเจอป้ายบอกว่ากี่กิโลเเล้ว ยังดีที่ตลอดทางมีร้านค้าให้นั่งพัก ให้ทานอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไม่งั้นตายยยยย เเต่หน่องกำลังยิ้ม ก็มีพี่ลูกหาบที่กำลังลงเขา เค้าบอกเราว่า สู้ๆครับ จะถึงเเล้ว ภูกระเดิน เดินต่ออีก 3กิโลเเม้ว เออน่ารักดีเเต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจคือตลอดทางไม่ว่าคนที่กำลังลง หรือกำลังขึ้น เราให้กำลังใจกันตลอด ว่า สู้ๆนะ ไม่ก็ ถามอีกฝ่ายว่าอีกนานไหมกว่าจะถึง ฮ่าๆ
ขึ้นมาก็มองวิวเอากำลังใจ เพราะต้องเดิน ทางราบต่อ อีก3.5Kg เหมือนจะชิวเนาะ ไม่เหล๊ยยยย ปวดตีนเป็นที่สุด (หลังจากนี้หน่องอาจจะเริ่มจะหยาบคายไปตามอารมณ์ละนะ เด่ยวไม่ได้ฟีลลิ่ง)
ระหว่างทางเราจะเพลินไปกับความเขียวของต้นไม้นานาพรรณ เเละขาเหมือนจะหมดเเรงไปพร้อมๆกันไม่ได้ขู่นะ ลองดูๆ5555
เเละภาพต่อไปนี้คือภาพที่บรรยายความรู้สึกได้ดีที่สุด เมื่อถึงจุดกางเต้นท์
ดีใจเสร็จเเล้วไปติดต่อพวกเครื่องนอน ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงดิ่งเข้าไปเลยไปเสียเงินกัน พอเข้ามาเเล้วเราจะเห็นว่าภูเขานี้ เป็นภูเขารูปหัวใจยังไง
-ค่าหมอน ใบละ10บาท/คืน
-ค่าเเผ่นรองนอน ผืนเดียวสามารถนอนได้คนเดียวน้า 20บาท/คืน
-ค่าผ้าห่มมีผืนเล็กเเละใหญ่ ผืนเล็กเราว่าพอดีกับคนเดียว ผืนเล็ก30บาท/คืน ขอโทษที่จำราคาผืนใหญ่ไม่ได้ เเต่ไม่เเพง อุ่นด้วย
เมื่อได้รับใบเสร็จเเล้ว ก็ไปนั่งไปนอน หรือจะเข้าห้องน้ำ รอ พี่ลูกหาบนำของมาส่ง พร้อมเสียเงินเมื่อได้ของตัวเองเเล้ว
จากนั้นก่อนเอาเครื่องนอน ต้องไปให้เจ้าหน้าที่เขียนจ่ายของให้ก่อน เสร็จเเล้วก็ไปหาที่กางเต้นท์ สำหรับคนที่จองเต้นท์กับอุทยานก็จะมีเลขเต็นท์บอก
ตามจริง เราตั้งใจว่าตอนนี้เราจะนอนพัก เเละเริ่มเที่ยววันรุ่งขึ้น
เเต่ ช้า เเต่
มันมีคนอยากไป ดูพระอาทิตย์ตกค้าา ที่ผาหมากดูกขณะที่เรานอนหลับในเต็นท์เเละดมกลิ่นตีนที่เหม็นอบอวนอยู่หลังจากที่พึ่งกินข้าวมาอิ่มๆ เเล้วก็ใช้คำพูดว่า
เรามาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรอ
เกลียดดมุง สุดท้ายเราก็ไป ประกอบกับ ลุงวัยอายุ66ที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางกับเรา เค้ามาคนเดียวด้วย เราก็ไม่อยากทิ้งเเก เลยไปด้วยกัน (สวยมุ๊ยย) ระหว่างทางนั้น อากาศเย็น เราเดินเเข่งกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกเเต่สุดท้ายเราก็ไปไม่ทันอีกเเค่นิดเดียว เลยได้เเต่ไปถ่ายวิวเเละดูดาวที่ั่นจะบอกว่า วิวดูดาวที่นี่สวยมาก นอนริมผาดูดาวบนฟ้าเเละดาวบนดิน ฟิน
[บทสรุปสุดท้ายของวันนี้คือ กุอัดอั้นตั้งเเต่ทางไปผาหมากดูก 2.2km. ไปกลับ รู้สึกเจ็บเส้นเอ็น อดทนจนตอนเข้าเต็นท์เตรียมของจะไปกินข้าว อาบน้ำ พอได้นั่ง เเม่มจี๊ดด น้ำตาเเตก กังวนว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวได้ไหม โถว ดีนะร้านค้ามียาคลายกล้ามเนื้อกินไปเม็ดนึงค่อยยังชั่ว (ขอโม้หน่อยนะอิอิ)
เช้าวันที่7 หน่องเดินไม่ไหว ส่งตัวเเทนไปดูพระอาทิตย์ตดเอ้ยตกที่ผานกเเน่นโดยไปรวมที่ศุนย์บริการนั่งท่องเที่ยว เวลา05.00น.
จากนั้นเราก็ไปกินข้าวอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางเที่ยว เเต่กว่าเราจะได้ออกเที่ยวคือตอน2โมงเพราะอยากย้ายเต้นท์มาไว้ใกล้ห้องน้ำเเละร้านอาหาร เรื่องมากนิสนุงวันนี้เราเลือกจะเดินทางไปเส้นทางน้ำตกก่อน เพราะใช้เวลาน้อยกว่าไปทางเรียบผาเพื่อนสามารถเอาไปลองปรับใช้ได้น้า เพราะเราไป2โมงก็จริง ถ่ายรูประหว่างทางเล็กน้อย ก็ยังไปครบทุกน้ำตก ก่อน3โมง เพราะหลังจากนี้สัตว์ป่าจะออกมาหาอาหาร เเต่ระหว่างเดินนั้น หน่องก็เเอบได้ยินเสียงสัตว์อยู่ เดินไปก็ระเเวง ส่วนตัวเราชอบน้ำตก เพราะอากาศเย็นบรรยากาศดีไม่ร้อนอ่ะเอาง่ายๆ
เริ่มที่ ลานพระพุทธเมตตา น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ เเละน้ำตกถ้ำใหญ่(ใบเมปิ้ลที่เห็นคือหาดีที่สุได้เท่านั้นจริงๆ ถ้าอยากเห็นเเดงทั้งต้นนั้นต้องมาชาวงธันวา มกราเด้อ)พอถึงเขตปลอดภัยก็พักกินข้าวเหนียวหมูจักหน่อย ชุดนี้60บาท เเละต่อด้วย สระเเก้ว (น้ำใสไหลเย็นเห็นตีนหน่องมาก)เเล้วลัดไปทางผานาน้อย ผาจำศีล เเละผาหมากดูก(วันนี้หน่องมาทันพระอาทิตย์ตกด้วย)
บทสรุปของวันนี้คือ ไม่เหนื่อยมาก เเถมได้รูปสวยๆวิวดีดีมากมีเยอะมั๊ก เดินไปเล่นไป
วันที่8 วันนี้ตื่นเเต่เช้า มุ่งหน้าไปที่น้ำตกธารสวรรค์ สระอโนดาด น้ำตกสอเหนือเเละมุ่งหน้าไปถ่ายรูป สวยๆกับเเสงพระอาทิตย์กำลังตกที่ ผาหล่มสัก จะบอกว่าระยะทางวันนี้ เดินค่อนข้างทรหด รวมๆเเล้วไปกลับ20กว่ากิโล บางทีก็คิดนะว่ากุเดินไปได้ยังไงเเต่ก็อาศัยการเดินไปเรื่อยๆ หยุดเล่นบ้าง เพราะ ไม่ว่าจะไปทางไหน ที่จะไปถึงผาหล่มสักก็ใช้ระยะทางประมาณนี้ทั้งสิ้น
วันที่ 9 เวลาตี3ฝนตก เพื่อนบอกว่าหมอกหึหึหมอกมุงเม็ดใหญ่จัง เต็นท์พังเลยเนี่ยนะ สุดท้ายต้องมานั่งหลบลมหนาวที่ศาลาเช้าหน่อยก็ไปขอนอนบนเก้าอี้ร้านค้าทรหดก่อนกลับทากเเละความชัน
ชื่อสินค้า:
ภูกระดึง หรือ ภูกระเดิน
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ครั้งแรกในชีวิตกับการเป็นผู้พิชิตภูกระดึง จังหวัดเลย
Photo & Story : Focusthaimag http://focusthaimag.com/?fo=news&id=681 Follow us on FB: https://www.facebook.com/Focusthaimag ก่อนการเดินทางไป “ พิชิตภูกระดึง ” ได้ตั้งคำถามไว้ให้
เทียมเกวียน
<<< ครั้งแรกกับภูกระดึง 28-30 ธ.ค. 57>>>
สวัสดีค่ะ.. เพิ่งจะเข้ามารีวิวท่องเที่ยวครั้งแรก หลังจากที่แอบสิง และอ่านของกระทู้รีวิวของคนอื่นมามากมาย เลยอยากจะเล่าประสบการณ์ที่ครอบครัวเราไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ภาษาอาจไม่สลวยสวยเก๋ รีวิวครั้งแรกผิด
สมาชิกหมายเลข 1367267
ภูกระดึงครั้งนึง...คิดถึงตลอดไป 🥰
“ภูกระดึง” คือ1ในสถานที่เดินป่ายอดฮิตติดลมบน อยู่ในจังหวัดเลย ที่เรียกได้ว่าแม้ระยะทางจะไกลโดยจากจุดสตาร์ทระยะทางรวมก็9 กิโลเมตร คือเดินขึ้นเขา 5.5 กิโลเมตร จะถึงหลังแปซึ่งจะเป็นทางเรียบเด
Be Crazy About Travel
(CR) ภูกระดึงหลังวันปีใหม่ครับ
เป็นการไปภูกระดึงครั้งแรกที่ประทับใจของผม ก็เลยอยากเอารูปที่ถ่ายมาให้ดูกันครับ ผมออกเดินทางคืนวันที่ 30 ธันวาโดย บัสบขส. วีไอพีไปเคาท์ดาวน์เชียงคานก่อน 1 คืน ก่อนขึ้นรถจากเชียงคานมาภูกระดึงวันที่ 1 ธั
miroslav
กาลครั้งที่2 ณ."ภูกระดึง" มกราคม 59
"ภูกระดึง" ชื่อนี้ที่ใครๆก็อยากไปสัผัส ปฐมบท ของการเริ่มต้นการเดินป่า ที่ใครๆหลายคนมักจะมาเริ่มกันที่นี่ จขท.เคยไปเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่มีกล้องส่วนตัว หรือโซเชี่ยลอะไรพวกนี้ เ
ToOmMee_991
ภูกระดึง..ฉันคิดถึงเธอ
ภูกระดึง..ฉันคิดถึงเธอ ทริปนี้เป็นทริปเมื่อปลายปี 2565 เป็นทริปที่เราประทับใจและยังคงคิดถึงอยู่เสมอ จนอยากมาเขียนบันทึกเก็บไว้ มานึกไป ตอนเดินขึ้นบอกกับตัวเองเลยว่าจะไม่มาอีกแล้ว คือเหนื่อยแบบข
พี่ผัก
รบกวนเพื่อน ๆ ที่เคยไปภูกระดึง ดูแผนการเดินทางทริปภูกระดึง 4 วัน 3 คืน ให้หน่อยค่ะ
พุธที่ 9 พ.ย. 59 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปผานกเค้า พฤหัสบดีที่ 10 พ.ย. 59 เดินขึ้นภู หากไม่เมื่อยขามากเดินไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูกค่ะ หมายเหตุ วันนี้ที่ดู ๆ ข้อมูลส่วนมากพอขึ้นมาถึงยอดภูแล้วจั
คิดถึงคุณยายดอกฝ้าย
รีวิวรำลึก 13 ปีภูกระดึง
ภูกระดึงเปิดมา 13 ปีมันช่ายเหรออออ ม่ายช่ายแล้วววว รำลึก13ปีภูกระดึงเป็นเรื่องราวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสขึ้นจึงถึงครั้งล่าสุดที่ได้ขึ้น(ครั้งที่ 6 )ครบ13ปีพอดี ขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2547 ปีนี้ 2560
"หอ-นอ-อึ-งอ-ไม้เอก"
ภูกระดึง ครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิตแล้ว(กระทู้แรกเลย)
ถึงแล้ว ผานกเค้า ลงจากรถล้างหน้าแปรงฟัน รอรถสองแถวไปตีนภู ถึงอุทยาน แวะเข้าชมตัวอุทยานกันก่อนจะเดินขึ้น เมื่อซื้อบัตรเข้าอุทยานแล้วก็ไปกันเลย ลืมบอกไปเดินขึ้นคราวนี้ไม่ได้เอากระเป๋าให้ลูกหาบคร
adaygonow
เลาะริมโขง จาก เลย ถึง บึงกาฬ (27/10-1/11/2566) ตอน 2 ภูสิงห์-หินสามวาฬ วัดป่าเมืองเหือง สะพานหิน-น้ำตกชะแนน วัดภูทอก
ต่อจากตอนที่ 1 เลาะริมโขง จาก เลย ถึง บึงกาฬ (27/10-1/11/2566) ตอน 1 พระใหญ่ภูคกงิ้ว เชียงคาน ภูทอก แก่งคุ้ดคู้ วัดผาตากเสื้อ เช้าวันที่สามของทริป 29/10/2566 รถมารับที่หน้าบ้านพักตอน 0
AUN_SAP
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] 2018 บรรลุนิติภาวะเเล้วไป "ภูกระดึง" กัน
เราตัดสินใจเดินทางไปที่ภูกระดึงในช่วงเวลาวันที่6-9 พ.ย. 2018 เป็นเวลา4วัน3คืน. ซึ่งเราค่อนข้างที่จะหาข้อมูลเเละวางเเผนการเที่ยวมาเเล้วส่วนหนึ่งค่ะ เราไม่ได้คิดอะไรมาก เราเเค่คิดว่า ถึงฤดูหนาวเเล้ว มีโอกาสเเละมีเพื่อน ที่พร้อมจะไปด้วยเเล้ว ก็ต้องรีบไป เพราะโอกาสดีดีเเบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อยนัก เอาหล่ะค่ะ เเละนี่คือการเดินทางท่องเที่ยวครั้งเเรกด้วยตัวของเราเองครั้งเเรกไปดูกั๊นนนน
วันที่6 เราเลือกที่จะเดินทางตอนกลางคืนเที่ยวรถรอบ2ทุ่ม เพื่อให้ไปถึงที่ผานกเค้า เวลา04.00น. เพื่อนอนพักผ่อน ทานข้าวเช้าเพื่อเอาเเรงไปขึ้นเขา เพื่อพิชิตภูกระดึง เพราะด้วยความไปครั้งเเรกเราก็ไม่รู้ว่า มันไกลเเค่ไหน เหนื่อยมากไหม (เอาจริงๆก่อนไปหน่องคิดว่าจะออกกำลังกายก่อนไปเเต่สุดท้าย วิถีหมูอย่างเราคือบอกว่าเดี๋ยวค่อยๆเเล้วก็ไม่ได้ออก สุดท้ายต้องไปตายเอาดาบหน้า)
04.00 รถจะจอดให้เราลงตรงศาลา ตรงข้ามร้านเจ๊กิม ซึ่งร้านเจ๊กิมจะอยู่ข้างๆกับป้อมตำรวจ บรรยากาศตอนลงมาคือหนาวสั่นค่ะ เหมือนไม่สัมผัสอากาศเย็นๆเเบบนี้มานาน จน เราคิดว่าสักประมาณ6โมถ้ามีร้านขายหมวกกันหนาวฝั่งตรงข้ามร้านเจ๊กิมร้านไหนเปิดก่อนก็ไปซื้อร้านนั้นซึ่งราคาถูกว่าBig Cมาก ดีใจที่ตัดสินใจลองมาเสี่ยงซื้อที่นี่
นอนพักเสร็จเเล้ว ถ้าขาดเหลือสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ซอฟเฟล บลาๆ มาหาซื้อที่ร้านเจ๊กิมได้เลย ที่นี่มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ฟรี เเต่ถ้าจะกินข้างต้องเสียเงินนะ(ข้าวที่นี่ ราคาไม่เเพง ต้องลอง) กินข้าวเสร็จเเล้วก็หาเพื่อนร่วมนั่งรถเเดงนะ เราต้องหารเงินกันสำหรับค่ารถ 300บาท ถ้าคนถึง10คน ก็หารตกคนละ30บาท เเต่ตอนเราไป ทีเเก๊งค์เจ๊สวย(หญิง1 ชาย3) มาอีก4คน เลยตกลงกันว่าให้รถออกเลย เลยเสียไปคนละ 50บาท ซึ่งเราขึ้นรถ เวลา06.00น. ระหว่างทางเราก็ตื่นเต้นการเส้นทางที่เรานั่งรถไป เห็นพระรูปนึงกำลังเดินอยู่รถเลยจอดเเวะรับท่านขึ้นมาด้วย ทำให้รู้สึกว่าความรู้สึกดีดีก่อนขึ้นเขาได้เกิดขึ้นเเล้วตลอดทาง ดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่นี่เเล้วนึกถึงระยองบ้านเกิดตัวเองเลยงื้ออ
ใช้เวลาไปถึงที่อุทยานเเห่งชาติภูกระดึง เวลา07.00 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางอุทธยาน อนุญาตให้นักท่องเทียงสามารถขึ้นเขาได้เเล้ว เเต่ก่อนจะขึ้นเราต้องมาต้องมาเสียเงินก่อนตั้งเเต่ทางเข้ายันศุนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยมีรายการดังนี้เด้อ
-ค่าเข้าอุทยาน คนละ40บาท
-ค่าที่พัก คือสามารถเข้าไปติดต่อตามช่องหมายเลขต่างๆตามความประสงค์ของเราที่จะพักได้เลย เช่น
หน่อง เอาเต้นท์ไปเองก็เสียเเค่ค่าจองที่กางเต้นท์ 30บาท ต่อคนต่อคืน
-ค่าประกันคนละ10บาท
-ค่าเเผนที่ท่องเที่ยว เเล้วเเต่ความต้องการเลย เเผ่นละ10บาท
ด้วนความเป็นผู้หญิงอ่อนโยน หน่องมิอาจกล้าเเบกสัมภาระทั้งหมดขึ้นไปเองได้หมดเเน่ เลยใช้บริการพี่ๆลูกหาบ ที่จุดบริการหมายเลข4ใกล้กับห้องน้ำ (ห้องน้ำไที่นี่มีห้องอาบน้ำด้วยเด้อ สะอาดมากอ่ะ ) ค่าบริการพี่ลูกหาบkg. ละ30บาท ชั่งน้ำหนักสัมภาระที่ต้องการฝากเล้ว รับหางบัตรเเละเก็บหา
บัตรไว้ให้ดีดี เพราะเราต้องไปรอรับสัมภาระเมื่อเราถึงจุดกางเต้นท์นาจาาา พร้อมเเล้วขึ้นเขาโลดดด
มาถึงเเล้วโว๊ยยย เป็นความรู้สึกที่หน่องตื่นเต้นมาก เวลาที่จะได้ขึ้นไปถึง ณ จุดนี้ เพราะตั้งเเต่ที่เดินขึ้นมากคือ อุทาน เเต่ว่า หู้วววชัน ทำไมยังไม่ถึง ตื่นเต้นตลอดทางเวลาเจอป้ายบอกว่ากี่กิโลเเล้ว ยังดีที่ตลอดทางมีร้านค้าให้นั่งพัก ให้ทานอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไม่งั้นตายยยยย เเต่หน่องกำลังยิ้ม ก็มีพี่ลูกหาบที่กำลังลงเขา เค้าบอกเราว่า สู้ๆครับ จะถึงเเล้ว ภูกระเดิน เดินต่ออีก 3กิโลเเม้ว เออน่ารักดีเเต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจคือตลอดทางไม่ว่าคนที่กำลังลง หรือกำลังขึ้น เราให้กำลังใจกันตลอด ว่า สู้ๆนะ ไม่ก็ ถามอีกฝ่ายว่าอีกนานไหมกว่าจะถึง ฮ่าๆ
ขึ้นมาก็มองวิวเอากำลังใจ เพราะต้องเดิน ทางราบต่อ อีก3.5Kg เหมือนจะชิวเนาะ ไม่เหล๊ยยยย ปวดตีนเป็นที่สุด (หลังจากนี้หน่องอาจจะเริ่มจะหยาบคายไปตามอารมณ์ละนะ เด่ยวไม่ได้ฟีลลิ่ง)
ระหว่างทางเราจะเพลินไปกับความเขียวของต้นไม้นานาพรรณ เเละขาเหมือนจะหมดเเรงไปพร้อมๆกันไม่ได้ขู่นะ ลองดูๆ5555
เเละภาพต่อไปนี้คือภาพที่บรรยายความรู้สึกได้ดีที่สุด เมื่อถึงจุดกางเต้นท์
ดีใจเสร็จเเล้วไปติดต่อพวกเครื่องนอน ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตรงดิ่งเข้าไปเลยไปเสียเงินกัน พอเข้ามาเเล้วเราจะเห็นว่าภูเขานี้ เป็นภูเขารูปหัวใจยังไง
-ค่าหมอน ใบละ10บาท/คืน
-ค่าเเผ่นรองนอน ผืนเดียวสามารถนอนได้คนเดียวน้า 20บาท/คืน
-ค่าผ้าห่มมีผืนเล็กเเละใหญ่ ผืนเล็กเราว่าพอดีกับคนเดียว ผืนเล็ก30บาท/คืน ขอโทษที่จำราคาผืนใหญ่ไม่ได้ เเต่ไม่เเพง อุ่นด้วย
เมื่อได้รับใบเสร็จเเล้ว ก็ไปนั่งไปนอน หรือจะเข้าห้องน้ำ รอ พี่ลูกหาบนำของมาส่ง พร้อมเสียเงินเมื่อได้ของตัวเองเเล้ว
จากนั้นก่อนเอาเครื่องนอน ต้องไปให้เจ้าหน้าที่เขียนจ่ายของให้ก่อน เสร็จเเล้วก็ไปหาที่กางเต้นท์ สำหรับคนที่จองเต้นท์กับอุทยานก็จะมีเลขเต็นท์บอก
เเต่ ช้า เเต่ มันมีคนอยากไป ดูพระอาทิตย์ตกค้าา ที่ผาหมากดูกขณะที่เรานอนหลับในเต็นท์เเละดมกลิ่นตีนที่เหม็นอบอวนอยู่หลังจากที่พึ่งกินข้าวมาอิ่มๆ เเล้วก็ใช้คำพูดว่า เรามาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรอ เกลียดดมุง สุดท้ายเราก็ไป ประกอบกับ ลุงวัยอายุ66ที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางกับเรา เค้ามาคนเดียวด้วย เราก็ไม่อยากทิ้งเเก เลยไปด้วยกัน (สวยมุ๊ยย) ระหว่างทางนั้น อากาศเย็น เราเดินเเข่งกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกเเต่สุดท้ายเราก็ไปไม่ทันอีกเเค่นิดเดียว เลยได้เเต่ไปถ่ายวิวเเละดูดาวที่ั่นจะบอกว่า วิวดูดาวที่นี่สวยมาก นอนริมผาดูดาวบนฟ้าเเละดาวบนดิน ฟิน
เช้าวันที่7 หน่องเดินไม่ไหว ส่งตัวเเทนไปดูพระอาทิตย์ตดเอ้ยตกที่ผานกเเน่นโดยไปรวมที่ศุนย์บริการนั่งท่องเที่ยว เวลา05.00น.
จากนั้นเราก็ไปกินข้าวอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางเที่ยว เเต่กว่าเราจะได้ออกเที่ยวคือตอน2โมงเพราะอยากย้ายเต้นท์มาไว้ใกล้ห้องน้ำเเละร้านอาหาร เรื่องมากนิสนุงวันนี้เราเลือกจะเดินทางไปเส้นทางน้ำตกก่อน เพราะใช้เวลาน้อยกว่าไปทางเรียบผาเพื่อนสามารถเอาไปลองปรับใช้ได้น้า เพราะเราไป2โมงก็จริง ถ่ายรูประหว่างทางเล็กน้อย ก็ยังไปครบทุกน้ำตก ก่อน3โมง เพราะหลังจากนี้สัตว์ป่าจะออกมาหาอาหาร เเต่ระหว่างเดินนั้น หน่องก็เเอบได้ยินเสียงสัตว์อยู่ เดินไปก็ระเเวง ส่วนตัวเราชอบน้ำตก เพราะอากาศเย็นบรรยากาศดีไม่ร้อนอ่ะเอาง่ายๆ
เริ่มที่ ลานพระพุทธเมตตา น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ เเละน้ำตกถ้ำใหญ่(ใบเมปิ้ลที่เห็นคือหาดีที่สุได้เท่านั้นจริงๆ ถ้าอยากเห็นเเดงทั้งต้นนั้นต้องมาชาวงธันวา มกราเด้อ)พอถึงเขตปลอดภัยก็พักกินข้าวเหนียวหมูจักหน่อย ชุดนี้60บาท เเละต่อด้วย สระเเก้ว (น้ำใสไหลเย็นเห็นตีนหน่องมาก)เเล้วลัดไปทางผานาน้อย ผาจำศีล เเละผาหมากดูก(วันนี้หน่องมาทันพระอาทิตย์ตกด้วย)
วันที่8 วันนี้ตื่นเเต่เช้า มุ่งหน้าไปที่น้ำตกธารสวรรค์ สระอโนดาด น้ำตกสอเหนือเเละมุ่งหน้าไปถ่ายรูป สวยๆกับเเสงพระอาทิตย์กำลังตกที่ ผาหล่มสัก จะบอกว่าระยะทางวันนี้ เดินค่อนข้างทรหด รวมๆเเล้วไปกลับ20กว่ากิโล บางทีก็คิดนะว่ากุเดินไปได้ยังไงเเต่ก็อาศัยการเดินไปเรื่อยๆ หยุดเล่นบ้าง เพราะ ไม่ว่าจะไปทางไหน ที่จะไปถึงผาหล่มสักก็ใช้ระยะทางประมาณนี้ทั้งสิ้น
วันที่ 9 เวลาตี3ฝนตก เพื่อนบอกว่าหมอกหึหึหมอกมุงเม็ดใหญ่จัง เต็นท์พังเลยเนี่ยนะ สุดท้ายต้องมานั่งหลบลมหนาวที่ศาลาเช้าหน่อยก็ไปขอนอนบนเก้าอี้ร้านค้าทรหดก่อนกลับทากเเละความชัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้