เราแต่งงานมาห้าปีแล้ว สามีอายุห่างจากเราสิบสามปี ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีแรกๆที่คบกัน ก็มีปัญหาบ้างส่วนใหญ่ปัญหาเกิดจากเราที่ตอนนั้นเราอาจจะยังวัยรุ่นคิดน้อยไปและเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เราแวะเวียนเข้ามาหาแฟนที่บ้านเสมอๆ เขาเขาอยุ่กันสามคน มีแฟน พ่อแฟน และน้าชายของแฟน ซึ่งเราก็พอรุ้ๆว่าแฟนกะพ่อเขาไม่ค่อยคุยกัน ส่วนแม่แฟนอยุ่กับครอบครัวลูกสาวคนโตที่อื่น แม่แฟนก็ไม่ลงรอยกะพ่อเหมือนกันแต่แวะเวียนมาหาลูกเขาที่นี่ทุกสัปดาห์ แฟนเราเป็นเหมือนผู้นำครอบครัวทำงานหาเงินเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน พ่อ แม่ น้าชาย และเรา แฟนไม่ให้เราไปทำงานเลย หลัจากแต่งงานก็มีธุรกิจอย่างหนึ่งทำได้มาสักสองปีก็ปิดกิจการไป
เราก็ได้มาอยุ่บ้านเต็มตัว เราไม่มีลูก เพราะแฟนไม่อยากมี เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากมีไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนหลานๆเขาที่ค่อนข้างจะดื้อละไม่เอาไหนโตจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังทำอะไรไม่เป็นผ้าก็ให้ยายซักจนก็ไม่เคยล้างแบบนั้นและดื้อมากเหมือนพวกเด็กเก็บกดประมานว่าแฟนเราก็กลัวไปเรื่อยเปื่อยว่าตัวเขามีปัญหาสุขภาพความดันสูงแต่ไม่ถึงขั้นต้องกินยารักษานะ โดยรวมแล้วเขาไม่อยากมีนั่นแน่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แค่ไม่เข้าใจนิดหน่อย มีก็ได้ ไม่มีก้ได้ ตามใจเขาอยุ่ แต่ก็คิดตลอดว่าแก่ไปใครจะดูแลเรา เพราะเขาอายุเยอะกว่าเรา และเราก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมายเพราะเขาไม่ให้เราไปทำงานเลย ให้อยุ่บ้านทำงานบ้านไปแบบนั้น ปัญหามันก็เริ่มสะสมๆแบบเรื่องนั้นนี้มาเรื่อยๆ ก่อนจะแต่งงานเรารุ้ตัวว่าเรานิสัยค่อนข้างไม่ค่อยน่ารัก พูดจาไม่เรียบร้อย ใจร้อน หงุดหงิด และขี้หึงมาก จนเขาได้พาเข้าสู่ธรรมมะเข้าวัดปฏิบัติธรรม ยุ่ในรถก็เปิดธรรมะฟังตลอดมาหลายปี จนเรารุ้สึกว่านิสัยเราเปลี่ยนไปมากๆ ดีขึ้นมาก มีความคิดที่ดีขึ้น และปรับปรุงตัวได้เยอะขึ้น เข้าใจการทำบุญมากขึ้น
เราอยุ่บ้านทำงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าว ขนม ถูบ้านกวาดบ้าน เบสิกๆของคนเป็นแม่บ้านทั่วไป แต่แค่ไม่มีลูกเท่านั้น
ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขบ้านที่ผุพังต้องมาซ่อมแซม บ้านเป็นไม้สองชั้นเก่าๆปลวกกินเกือบทั้งหลัง ชั้นสองคืออยุ่ไม่ได้มีแต่ปลวกไม้ผุพังต้องรื้อทิ้งและซ่อมใหม่หมดเลย ที่เราซ่อมเองคือห้องนอนของเรากะแฟน เราใช้เวลในการซ่อมห้องนอนจัดของเคลียร์ของเก่าๆที่แฟนกองไว้รกๆฝุ่นเยอะมากๆๆๆๆ ผ้าปิดจมูกก็เอาไม่อยุ่ รูจมูกดำปี๋ เราทำได้เท่าที่ทำได้รืเอแปะซ่อมแซมใช้สิลิโคนมาอุด ฟิวเจอร์บอดมาซ่อมตรงไหนที่ต้องการปิดให้ดูดีขึ้น และทำพัดลมระบายอากาศในห้องเองด้วย เพื่อระบายความร้อนในห้องมันดีมากๆ เรารุ้สึกถึงว่านี่คือห้องนอนเรากะแแฟนที่ต้องอยุ่ไปอีกนาน เพราะไม่มีตังไปซื้อบ้านใหม่และมีน้าชายที่สติไ่ม่ดีต้องดูแลพ่อผัวที่แก่แล้วและสายตาเริ่มแย่เดินไม่สะดวก เราก็บอกแฟนว่าเดี๋ยวทำให้สะอาดก็อยุ่ได้ แต่ชั้นสองที่พังมากๆ เราต้องซ่อมใหม่นะให้ช่างมาซ่อม ไม่งั้นเวลาฝนตกพายุมาหลังคาเก่ากระเบื้องอาจจะเปิดน้ำฝนไหลลงมาสู่ห้องนอนเราจะแย่มากไปอีก หลังจากนั้นผ่านมาหลายปีแฟนก็ซ่อมชั้นสองจนดีขึ้น ด้วยเพราะเราบอกให้เขาทำได้แล้ว บ้านดีขึ้นอยากมากๆ ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อนคือเหมือนบ้านไม้เก่าๆอายุ80ปีขึ้นที่ปลวกกินจะพังรอวันถล่มหน้าบ้านกองด้วยเหล็กชิ้นใหญ่ๆ ต่างๆ รกด้วยต้นไม้นานาพันธ์ทั้งสัตว์เลื้อยคลานต่างๆนานาๆ เราทำให้ดีหมดเคลียทุกอย่างบ้างบ้านโดยให้แฟนเอาคนมาทำด้วย และเราก็ทำด้วยจนดีขึ้น ใครผ่านมาก็เห็นว่าบ้านดีขึ้นนะน่าอยุ่ขึ้นแล้ว
เราอยุ่บ้านแฟนทำงานทุกอย่างเหงานะ ที่ไม่มีสังคมเพื่อนใหม่ๆ มีแต่เพื่อนสมัยเรียน แต่เขาก็ไปทำงานกัน เราก็ดูมือถือรายการต่างๆไป จนเรารุ้สึกว่าบ้านเข้าที่เข้าทางแล้ว และมือไม้เราก็ด้านและข้อแตกแล้วด้วยระหว่างทำงานซ่อมแซมร่างกานเราก็แย่ตลอดเพราะต้องปีนป่าย ตอก ดึง ยกของหนัก จนปสดเมื่อตัวมาตลอดกินยาตลอด เราก็อดทนเพราะนี่คือห้องนอนบ้านเรากะแฟน เราทำทั้งบ้านให่ดีขึ้น ปรับของทุกอย่างในบ้านรกๆก็ดีขึ้นเรื่อยมาในระยะเวลาสามสี่ปีเราก็ทำมาเรื่อยมา แฟนมีหน้าที่ทำงานนอกบ้านแทบทุกวัน ไม่มีเวลามาช่วยหรอก นอกจากงานใหญ่ๆโตๆเช่นชั้นสองบนบ้านที่เขาก็มีหน้าที่หาคนงานมาทำและเราก็เป็นคนคุมงานดูคนซ่อม
ผ่านไปจนดีขึ้นเราเริ่มอยากหาอะไรทำคิดค้นตัวเองจะทำอะไรอยากได้เงิน อยากได้ตังค์เก็บไว้ใช้ไว้ให้พ่อแม่ด้วย ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ลำบากเลยแต่เราก็คิดอยากจะให้ตอบแทนแกเพราะเราก็เรียนจบมาด้วยเงินพ่อแม่ที่ต้องลำบากหาเงินให้เรียน เราตคิดได้ว่าเราอยากทำขนมขายเพราะเรามีความชอบด้านนี้ เราได้ทำขนมขายได้จริงๆมาปีกว่าแล้ว พวกเบอเกอรี่และขนมเปี๊ยะ เราชอบทำถึงขนมเป๊ียะจะใช้เวลาทำที่มากกกนานมากๆและหลายขั้นตอนทำคนเดียวด้วย หลายครั้งถอดใจเลิกทำแต่ก้ไม่ได้ บ้านนี้มีน้าชายคนนึงเขาสติไม่ดีเขาจะโวยวายพูดด่าเรื่องเดิมๆสมัยก่ินๆที่เขาวัยรุ่น พูดเรื่องเดิมๆตามประสาคนป่วยย กินยาทุกวัน โดยพ่อแฟนพาไปหาหมอและให้ข้าวหายาให้ดูแลเรื่องซักผ้า ส่วนเราก็ช่วยแกดูแลเรื่องอาบน้ำถูบ้านและเวลาแกขี้เยี่ยวเดินไม่ทันไปห้องน้ำ พ่อแฟนจะเป็นคนอารมย์โวยวายดูแลน้าชายแฟนมานานก่อนเราจะย้ายมาอยุ่กะแฟนที่นี่ เขาชอบด่าชอบว่าเรื่องต่างๆนานาๆ จนเราเหมือนเครียดมากที่ต้องได้ยินทุกๆวัน เพราะเราก็ต้องทำงานบ้านทำขนมเราด้วยเราต้องใช้สมาธิและไม่มีใครอยากจะได้ยินคนด่าว่ากันทุกวันทุกเวลาเช้ากลางวันเย็นหรอกมันปวดประสาทมากๆ
เราเครียดจนเหมือนมันเก็บกดมาก ใช้วิธีบอกแฟนให้ไปบอกพ่อแกหน่อยก็ทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องน่าเบื่อมากๆ ที่ทุกวันเราจะตื่นมาได้ยินเสียนเขาบ่นเขาด่าถึงจะไม่ได้ด่าว่าเราก้เถอะ แต่เสียงเขาโครตจะดังมากๆๆๆๆ ดังสุดไปเลย เราเคยทะเลาะกะพ่อแฟนด้วยเรื่องแบบนี้ เขาเป็นคนไม่เอาใครและไม่มีใครเอาแก มีเมีย3คนก็ไม่มีใครอยากให้อยุ่ด้วย มีลูกมากมายแต่ลูกก็ไม่ได้อยากให้ไปอยุ่ด้วยเลยเห็นเพราะแเป็นคนไม่เอาใคร และชอบว่าคนอื่นเสียงดัง ขนาดแฟนเราอยุ่บ้านหลังเดียวกันยังไม่อยากจะคุยด้วยเลย แรกๆเราก็คิดว่าแฟนเราอคติไปไหม เราค่อนข้างเข้าใจพ่อแฟนด้วยซ้ำ แต่เวลาผ่านมาหลายๆเรื่องเราเริ่มรุ้นิสัยการกระทำมากขึ้น เขาชอบ
ก็ว่าได้ ใครพูดเตือนหรือห้ามอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่สมควรเตือนด้วยแต่พ่อแฟนแบบว่าคิดว่าเราไปเป่าหูแฟนเราให้เกียจแกซะงั้น
เรานี้โครตจะลำบากใจเลย รุ้สึกแย่มาก แฟนก็ลำบากใจนี่ก็แฟนนั่นก็พ่อแบบนั้น เราเลยพยามเงียบๆไม่ปะทะอะไร เราก็ทำงานเราไปเขาก็อยุ่ของเขา เยนก็ซื้อเบียร์มากินทุกวันจนหมอด่าเพราะความดันสูงมาก รุ้เพราะพี่สาวแฟนบอกเราเองว่าให้ดูพ่อให้ว่าอย่ากินเบียร์ ใครจะไปห้ามแกได้ เราก็อยุ่มาเรื่อยๆ จนปีนี้เรามีหน้าที่เพิ่มขึ้น คือทำงานบ้านทั้งหมดทุกอย่างของบ้าน และไปซื้อของทำขนมเองและไปจ่าบบิลในบ้าน ทำขนมขายด้วย และต้องดูแลน้าชายที่สติไม่ดีป่วย เดินไม่ค่อยได้ ถ่ายราดประจำทุกวัน เราเริ่มเหนื่อยมาก เริ่มเครียดสะสมมากขึ้น ปวดหัวละเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าไม่อยากคุยกะใคร เพื่อนก็ไม่ทักไป เอาแต่ดูรายการต่างๆซ฿่งดูรุ้เรื่องบ้างไม่รุ้เรื่องบ้าง และพ่อแฟนก็เหมือนเดิมๆด่าว่าน้าชายตลอดทุกวันเสียงดังจนเราประสาทจะแตก เรามีหน้าทีอีกอย่างคือพาน้าชายไปพบหมอจิตเวชทุกเดือนพาขึ้นแท๊กซี่ไปไม่ไกลมากจากบ้าน และจัดยาเป็นชุดๆให้ ล้างอึ ช่วยซักผ้าที่เลอะฉี่เลอะอึถุพื้นที่แกนอนเลอะ เวลาแกเปนลมหน้ามืดแบบว่าเราไม่เห็นเขาก็จะหัวแตกคิ้วแตกแขน ตัวเป็นแผลเราก็ต้องทำแผลให้ทุกวันเป็นเหมือนพยาบาลคนนึง และเป็นแม่บ้านเต็มตัว
สามีทำงานเหมือนเดิมเพิ่มเติมคืองานเยอะขึ้นตำแหน่งสูงขึ้น เราเริ่มมีภาวะเบื่อเหนื่อยและเครียดเกือบทุกวัน เคยคิดอยากไปปรึกษาหมอแต่ก็กลัวจะเป็นปัญหาเล็กๆที่อาจจะแค่เครียดเฉยๆ เราทนจนอาการชินชาไปมั้ง เหนื่อยทุกวัน ฟังทุกวัน แฟนบอกไปเดินเที่ยวห้างก็ได้ แต่ใครจะเดินบ่อยๆคนเดียว ในเมื่องานบ้านเราก็รออยุ่ งานบ้านจบทำขนมก็มา ไปชำระบิลต่างๆอีก และไปช่วยงานแฟนบ้างบางครั้ง เราเลยเลี้ยงสัตว์ปลา นก เพื่อผ่อนคลายตัวเอง ช่วยได้อยุ่นะ แต่ไม่มาก แฟนก็บ่นอีกหาว่าเป็นภาระ แต่มันเป็นสิ่งที่เราได้ยิ้มได้ได้ผ่อนคลายได้ยิ้มหัวเราะทั้งที่มันก็ไม่รุ้เรื่อวอะไรเลย นานๆก็ไปนอนบ้านเพื่อนสนิทคืนนึงก็กลับเพราะเป็นห่วงที่บ้านต่างๆ พ่อแม่เราไม่เคยรุ้ว่าเราอยุ่นี่ทำอะไรบ้าง รุ้บ้างแต่ไม่ได้ระเอียด ปีนี้เราเครียดมากๆ รุ้สึกตัวเองเหมือนเป็นคนใช้ รุ้สึกว่าที่แฟนแต่งงานให้เรามาอยุ่บ้านเพราะเห็นว่าเราทำงานบ้านเป็นและเขาคงมีจุดประสงค์ที่ให้เรามาดูแลคนป่วยจิตเวช และดูแลบ้าน โดยที่เวลามีปัญหาเขาไม่สามารถจะช่วยเหลือเราได้สักเท่าไหร่ เราต้องทำใจและอดทนเอง และบอกตัวเองว่าเดี๋ยวจะดีขึ้นมาตลอด เราอารมย์ร้อนบางครั้งเราใช้ธรรมมะขัดเกลานิสัยเรา
แต่ก็ช่วยได้ระดับนึงเวลาพีคๆขึ้นมาเราก็จะร้อนพูดแรงอยุ่เรารุ้ตัว แต่พยามพูดให้ดีและไม่หยาบคาย เราขอแฟนออกไปทำงานเพราะไม่อยากเครียด เขาก้ไม่อยากให้ไป เหมือนไม่อยากให้เราไปเจอใครกลัวจะมีใครมาจีบและกลัวจะเสียเราไป ซึ่งเราว่าต่อให้เราอยุ่บ้านเราคิดจะมีใครมันก็มีได้ป่ะ ง่ายว่าทำงานอีก เพราะอยุ่บ้านจะออกไปไหนตอนไหนก็ได้ ใครไม่รุ้หรอกว่าเราไปไหน เราแต่งงานมามีความสุขที่ได้อยุ่กะสามี แต่ก็เหนื่อยและรุ้สึกอึดอัดมาก เบื่อด้วย เครียด แถวนี้เราก็ไม่รุ้จักใครที่จะคุยได้เลย เพื่อนก็อยุ่ไกล เพื่อนมหาลัยก็ไม่ได้สนิทมากและไม่ได้มีเวลาฟังเราหรือคุยกะเราเขาก็ทำงานของเขา เคยคิดวชกันว่าจะย้ายไปที่อื่น ไปอยุ่ไม่ไกลมากเพื่อดูแลพ่อเขาและน้าเขาได้เวลาฉุกเฉิน รวมๆเขาดูแลตัวเองได้ ทุกวันเขาออกไปหากินเอง เราก็ทำกับข้าวถ้าทำเยอะเราจะแบ่งให้แกไว้ก่อนตลอดบ่อยๆ เราดูแลทำความสะอาดทุกอย่าง แต่เหมือนเขาก็จะคิดว่าเราไม่พอใจเขาที่เราไปบอกเรื่องนั้นนี่กะพี่สาวแฟนเพราะพี่สาวแฟนคุยกะพ่อได้ดีดว่าใคร
ห้าปีแล้ว สามีอายุห่างจากเราสิบสามปี ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีแรกๆที่คบกัน ก็มีปัญหาบ้างส่วนใหญ่ปัญหาเกิดจากเราที่ตอนนั้นเราอาจจะยังวัยรุ่นคิดน้อยไปและเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เราแวะเวียนเข้ามาหาแฟนที่บ้านเสมอๆ เขาเขาอยุ่กันสามคน มีแฟน พ่อแฟน และน้าชายของแฟน ซึ่งเราก็พอรุ้ๆว่าแฟนกะพ่อเขาไม่ค่อยคุยกัน ส่วนแม่แฟนอยุ่กับครอบครัวลูกสาวคนโตที่อื่น แม่แฟนก็ไม่ลงรอยกะพ่อเหมือนกันแต่แวะเวียนมาหาลูกเขาที่นี่ทุกสัปดาห์ แฟนเราเป็นเหมือนผู้นำครอบครัวทำงานหาเงินเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน พ่อ แม่ น้าชาย และเรา แฟนไม่ให้เราไปทำงานเลย หลัจากแต่งงานก็มีธุรกิจอย่างหนึ่งทำได้มาสักสองปีก็ปิดกิจการไป เราก็ได้มาอยุ่บ้านเต็มตัว เราไม่มีลูก เพราะแฟนไม่อยากมี เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากมีไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนหลานๆเขาที่ค่อนข้างจะดื้อละไม่เอาไหนโตจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังทำอะไรไม่เป็น ผ้าก็ให้ยายซัก จานก็ไม่เคยล้างแบบนั้นและดื้อมาก เหมือนพวกเด็กเก็บกด ประมานว่าแฟนเราก็กลัวไปเรื่อยเปื่อยว่าตัวเขามีปัญหาสุขภาพความดันสูง แต่ไม่ถึงขั้นต้องกินยารักษานะ โดยรวมแล้วเขาไม่อยากมีนั่นแน่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แค่ไม่เข้าใจนิดหน่อย มีก็ได้ ไม่มีก้ได้ ตามใจเขาอยุ่ แต่ก็คิดตลอดว่าแก่ไปใครจะดูแลเรา เพราะเขาอายุเยอะกว่าเรา และเราก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมายเพราะเขาไม่ให้เราไปทำงานเลย ให้อยุ่บ้านทำงานบ้านไปแบบนั้น ปัญหามันก็เริ่มสะสมๆแบบเรื่องนั้นนี้มาเรื่อยๆ ก่อนจะแต่งงานเรารุ้ตัวว่าเรานิสัยค่อนข้างไม่ค่อยน่ารัก พูดจาไม่เรียบร้อย ใจร้อน หงุดหงิด และขี้หึงมาก จนเขาได้พาเข้าสู่ธรรมมะเข้าวัดปฏิบัติธรรม ยุ่ในรถก็เปิดธรรมะฟังตลอดมาหลายปี จนเรารุ้สึกว่านิสัยเราเปลี่ยนไปมากๆ ดีขึ้นมาก มีความคิดที่ดีขึ้น และปรับปรุงตัวได้เยอะขึ้น เข้าใจการทำบุญมากขึ้น
เราอยุ่บ้านทำงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าว ขนม ถูบ้านกวาดบ้าน เบสิกๆของคนเป็นแม่บ้านทั่วไป แต่แค่ไม่มีลูกเท่านั้น
ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขบ้านที่ผุพังต้องมาซ่อมแซม บ้านเป็นไม้สองชั้นเก่าๆปลวกกินเกือบทั้งหลัง ชั้นสองคืออยุ่ไม่ได้มีแต่ปลวกไม้ผุพังต้องรื้อทิ้งและซ่อมใหม่หมดเลย ที่เราซ่อมเองคือห้องนอนของเรากะแฟน เราใช้เวลในการซ่อมห้องนอนจัดของเคลียร์ของเก่าๆที่แฟนกองไว้รกๆฝุ่นเยอะมากๆๆๆๆ ผ้าปิดจมูกก็เอาไม
อยากระบายความในใจ และขอความคิดเห็นทุกคน ว่าเราจะทำยังไง
เราก็ได้มาอยุ่บ้านเต็มตัว เราไม่มีลูก เพราะแฟนไม่อยากมี เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากมีไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนหลานๆเขาที่ค่อนข้างจะดื้อละไม่เอาไหนโตจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังทำอะไรไม่เป็นผ้าก็ให้ยายซักจนก็ไม่เคยล้างแบบนั้นและดื้อมากเหมือนพวกเด็กเก็บกดประมานว่าแฟนเราก็กลัวไปเรื่อยเปื่อยว่าตัวเขามีปัญหาสุขภาพความดันสูงแต่ไม่ถึงขั้นต้องกินยารักษานะ โดยรวมแล้วเขาไม่อยากมีนั่นแน่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แค่ไม่เข้าใจนิดหน่อย มีก็ได้ ไม่มีก้ได้ ตามใจเขาอยุ่ แต่ก็คิดตลอดว่าแก่ไปใครจะดูแลเรา เพราะเขาอายุเยอะกว่าเรา และเราก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมายเพราะเขาไม่ให้เราไปทำงานเลย ให้อยุ่บ้านทำงานบ้านไปแบบนั้น ปัญหามันก็เริ่มสะสมๆแบบเรื่องนั้นนี้มาเรื่อยๆ ก่อนจะแต่งงานเรารุ้ตัวว่าเรานิสัยค่อนข้างไม่ค่อยน่ารัก พูดจาไม่เรียบร้อย ใจร้อน หงุดหงิด และขี้หึงมาก จนเขาได้พาเข้าสู่ธรรมมะเข้าวัดปฏิบัติธรรม ยุ่ในรถก็เปิดธรรมะฟังตลอดมาหลายปี จนเรารุ้สึกว่านิสัยเราเปลี่ยนไปมากๆ ดีขึ้นมาก มีความคิดที่ดีขึ้น และปรับปรุงตัวได้เยอะขึ้น เข้าใจการทำบุญมากขึ้น
เราอยุ่บ้านทำงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าว ขนม ถูบ้านกวาดบ้าน เบสิกๆของคนเป็นแม่บ้านทั่วไป แต่แค่ไม่มีลูกเท่านั้น
ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขบ้านที่ผุพังต้องมาซ่อมแซม บ้านเป็นไม้สองชั้นเก่าๆปลวกกินเกือบทั้งหลัง ชั้นสองคืออยุ่ไม่ได้มีแต่ปลวกไม้ผุพังต้องรื้อทิ้งและซ่อมใหม่หมดเลย ที่เราซ่อมเองคือห้องนอนของเรากะแฟน เราใช้เวลในการซ่อมห้องนอนจัดของเคลียร์ของเก่าๆที่แฟนกองไว้รกๆฝุ่นเยอะมากๆๆๆๆ ผ้าปิดจมูกก็เอาไม่อยุ่ รูจมูกดำปี๋ เราทำได้เท่าที่ทำได้รืเอแปะซ่อมแซมใช้สิลิโคนมาอุด ฟิวเจอร์บอดมาซ่อมตรงไหนที่ต้องการปิดให้ดูดีขึ้น และทำพัดลมระบายอากาศในห้องเองด้วย เพื่อระบายความร้อนในห้องมันดีมากๆ เรารุ้สึกถึงว่านี่คือห้องนอนเรากะแแฟนที่ต้องอยุ่ไปอีกนาน เพราะไม่มีตังไปซื้อบ้านใหม่และมีน้าชายที่สติไ่ม่ดีต้องดูแลพ่อผัวที่แก่แล้วและสายตาเริ่มแย่เดินไม่สะดวก เราก็บอกแฟนว่าเดี๋ยวทำให้สะอาดก็อยุ่ได้ แต่ชั้นสองที่พังมากๆ เราต้องซ่อมใหม่นะให้ช่างมาซ่อม ไม่งั้นเวลาฝนตกพายุมาหลังคาเก่ากระเบื้องอาจจะเปิดน้ำฝนไหลลงมาสู่ห้องนอนเราจะแย่มากไปอีก หลังจากนั้นผ่านมาหลายปีแฟนก็ซ่อมชั้นสองจนดีขึ้น ด้วยเพราะเราบอกให้เขาทำได้แล้ว บ้านดีขึ้นอยากมากๆ ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อนคือเหมือนบ้านไม้เก่าๆอายุ80ปีขึ้นที่ปลวกกินจะพังรอวันถล่มหน้าบ้านกองด้วยเหล็กชิ้นใหญ่ๆ ต่างๆ รกด้วยต้นไม้นานาพันธ์ทั้งสัตว์เลื้อยคลานต่างๆนานาๆ เราทำให้ดีหมดเคลียทุกอย่างบ้างบ้านโดยให้แฟนเอาคนมาทำด้วย และเราก็ทำด้วยจนดีขึ้น ใครผ่านมาก็เห็นว่าบ้านดีขึ้นนะน่าอยุ่ขึ้นแล้ว
เราอยุ่บ้านแฟนทำงานทุกอย่างเหงานะ ที่ไม่มีสังคมเพื่อนใหม่ๆ มีแต่เพื่อนสมัยเรียน แต่เขาก็ไปทำงานกัน เราก็ดูมือถือรายการต่างๆไป จนเรารุ้สึกว่าบ้านเข้าที่เข้าทางแล้ว และมือไม้เราก็ด้านและข้อแตกแล้วด้วยระหว่างทำงานซ่อมแซมร่างกานเราก็แย่ตลอดเพราะต้องปีนป่าย ตอก ดึง ยกของหนัก จนปสดเมื่อตัวมาตลอดกินยาตลอด เราก็อดทนเพราะนี่คือห้องนอนบ้านเรากะแฟน เราทำทั้งบ้านให่ดีขึ้น ปรับของทุกอย่างในบ้านรกๆก็ดีขึ้นเรื่อยมาในระยะเวลาสามสี่ปีเราก็ทำมาเรื่อยมา แฟนมีหน้าที่ทำงานนอกบ้านแทบทุกวัน ไม่มีเวลามาช่วยหรอก นอกจากงานใหญ่ๆโตๆเช่นชั้นสองบนบ้านที่เขาก็มีหน้าที่หาคนงานมาทำและเราก็เป็นคนคุมงานดูคนซ่อม
ผ่านไปจนดีขึ้นเราเริ่มอยากหาอะไรทำคิดค้นตัวเองจะทำอะไรอยากได้เงิน อยากได้ตังค์เก็บไว้ใช้ไว้ให้พ่อแม่ด้วย ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ลำบากเลยแต่เราก็คิดอยากจะให้ตอบแทนแกเพราะเราก็เรียนจบมาด้วยเงินพ่อแม่ที่ต้องลำบากหาเงินให้เรียน เราตคิดได้ว่าเราอยากทำขนมขายเพราะเรามีความชอบด้านนี้ เราได้ทำขนมขายได้จริงๆมาปีกว่าแล้ว พวกเบอเกอรี่และขนมเปี๊ยะ เราชอบทำถึงขนมเป๊ียะจะใช้เวลาทำที่มากกกนานมากๆและหลายขั้นตอนทำคนเดียวด้วย หลายครั้งถอดใจเลิกทำแต่ก้ไม่ได้ บ้านนี้มีน้าชายคนนึงเขาสติไม่ดีเขาจะโวยวายพูดด่าเรื่องเดิมๆสมัยก่ินๆที่เขาวัยรุ่น พูดเรื่องเดิมๆตามประสาคนป่วยย กินยาทุกวัน โดยพ่อแฟนพาไปหาหมอและให้ข้าวหายาให้ดูแลเรื่องซักผ้า ส่วนเราก็ช่วยแกดูแลเรื่องอาบน้ำถูบ้านและเวลาแกขี้เยี่ยวเดินไม่ทันไปห้องน้ำ พ่อแฟนจะเป็นคนอารมย์โวยวายดูแลน้าชายแฟนมานานก่อนเราจะย้ายมาอยุ่กะแฟนที่นี่ เขาชอบด่าชอบว่าเรื่องต่างๆนานาๆ จนเราเหมือนเครียดมากที่ต้องได้ยินทุกๆวัน เพราะเราก็ต้องทำงานบ้านทำขนมเราด้วยเราต้องใช้สมาธิและไม่มีใครอยากจะได้ยินคนด่าว่ากันทุกวันทุกเวลาเช้ากลางวันเย็นหรอกมันปวดประสาทมากๆ
เราเครียดจนเหมือนมันเก็บกดมาก ใช้วิธีบอกแฟนให้ไปบอกพ่อแกหน่อยก็ทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องน่าเบื่อมากๆ ที่ทุกวันเราจะตื่นมาได้ยินเสียนเขาบ่นเขาด่าถึงจะไม่ได้ด่าว่าเราก้เถอะ แต่เสียงเขาโครตจะดังมากๆๆๆๆ ดังสุดไปเลย เราเคยทะเลาะกะพ่อแฟนด้วยเรื่องแบบนี้ เขาเป็นคนไม่เอาใครและไม่มีใครเอาแก มีเมีย3คนก็ไม่มีใครอยากให้อยุ่ด้วย มีลูกมากมายแต่ลูกก็ไม่ได้อยากให้ไปอยุ่ด้วยเลยเห็นเพราะแเป็นคนไม่เอาใคร และชอบว่าคนอื่นเสียงดัง ขนาดแฟนเราอยุ่บ้านหลังเดียวกันยังไม่อยากจะคุยด้วยเลย แรกๆเราก็คิดว่าแฟนเราอคติไปไหม เราค่อนข้างเข้าใจพ่อแฟนด้วยซ้ำ แต่เวลาผ่านมาหลายๆเรื่องเราเริ่มรุ้นิสัยการกระทำมากขึ้น เขาชอบก็ว่าได้ ใครพูดเตือนหรือห้ามอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่สมควรเตือนด้วยแต่พ่อแฟนแบบว่าคิดว่าเราไปเป่าหูแฟนเราให้เกียจแกซะงั้น
เรานี้โครตจะลำบากใจเลย รุ้สึกแย่มาก แฟนก็ลำบากใจนี่ก็แฟนนั่นก็พ่อแบบนั้น เราเลยพยามเงียบๆไม่ปะทะอะไร เราก็ทำงานเราไปเขาก็อยุ่ของเขา เยนก็ซื้อเบียร์มากินทุกวันจนหมอด่าเพราะความดันสูงมาก รุ้เพราะพี่สาวแฟนบอกเราเองว่าให้ดูพ่อให้ว่าอย่ากินเบียร์ ใครจะไปห้ามแกได้ เราก็อยุ่มาเรื่อยๆ จนปีนี้เรามีหน้าที่เพิ่มขึ้น คือทำงานบ้านทั้งหมดทุกอย่างของบ้าน และไปซื้อของทำขนมเองและไปจ่าบบิลในบ้าน ทำขนมขายด้วย และต้องดูแลน้าชายที่สติไม่ดีป่วย เดินไม่ค่อยได้ ถ่ายราดประจำทุกวัน เราเริ่มเหนื่อยมาก เริ่มเครียดสะสมมากขึ้น ปวดหัวละเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าไม่อยากคุยกะใคร เพื่อนก็ไม่ทักไป เอาแต่ดูรายการต่างๆซ฿่งดูรุ้เรื่องบ้างไม่รุ้เรื่องบ้าง และพ่อแฟนก็เหมือนเดิมๆด่าว่าน้าชายตลอดทุกวันเสียงดังจนเราประสาทจะแตก เรามีหน้าทีอีกอย่างคือพาน้าชายไปพบหมอจิตเวชทุกเดือนพาขึ้นแท๊กซี่ไปไม่ไกลมากจากบ้าน และจัดยาเป็นชุดๆให้ ล้างอึ ช่วยซักผ้าที่เลอะฉี่เลอะอึถุพื้นที่แกนอนเลอะ เวลาแกเปนลมหน้ามืดแบบว่าเราไม่เห็นเขาก็จะหัวแตกคิ้วแตกแขน ตัวเป็นแผลเราก็ต้องทำแผลให้ทุกวันเป็นเหมือนพยาบาลคนนึง และเป็นแม่บ้านเต็มตัว
สามีทำงานเหมือนเดิมเพิ่มเติมคืองานเยอะขึ้นตำแหน่งสูงขึ้น เราเริ่มมีภาวะเบื่อเหนื่อยและเครียดเกือบทุกวัน เคยคิดอยากไปปรึกษาหมอแต่ก็กลัวจะเป็นปัญหาเล็กๆที่อาจจะแค่เครียดเฉยๆ เราทนจนอาการชินชาไปมั้ง เหนื่อยทุกวัน ฟังทุกวัน แฟนบอกไปเดินเที่ยวห้างก็ได้ แต่ใครจะเดินบ่อยๆคนเดียว ในเมื่องานบ้านเราก็รออยุ่ งานบ้านจบทำขนมก็มา ไปชำระบิลต่างๆอีก และไปช่วยงานแฟนบ้างบางครั้ง เราเลยเลี้ยงสัตว์ปลา นก เพื่อผ่อนคลายตัวเอง ช่วยได้อยุ่นะ แต่ไม่มาก แฟนก็บ่นอีกหาว่าเป็นภาระ แต่มันเป็นสิ่งที่เราได้ยิ้มได้ได้ผ่อนคลายได้ยิ้มหัวเราะทั้งที่มันก็ไม่รุ้เรื่อวอะไรเลย นานๆก็ไปนอนบ้านเพื่อนสนิทคืนนึงก็กลับเพราะเป็นห่วงที่บ้านต่างๆ พ่อแม่เราไม่เคยรุ้ว่าเราอยุ่นี่ทำอะไรบ้าง รุ้บ้างแต่ไม่ได้ระเอียด ปีนี้เราเครียดมากๆ รุ้สึกตัวเองเหมือนเป็นคนใช้ รุ้สึกว่าที่แฟนแต่งงานให้เรามาอยุ่บ้านเพราะเห็นว่าเราทำงานบ้านเป็นและเขาคงมีจุดประสงค์ที่ให้เรามาดูแลคนป่วยจิตเวช และดูแลบ้าน โดยที่เวลามีปัญหาเขาไม่สามารถจะช่วยเหลือเราได้สักเท่าไหร่ เราต้องทำใจและอดทนเอง และบอกตัวเองว่าเดี๋ยวจะดีขึ้นมาตลอด เราอารมย์ร้อนบางครั้งเราใช้ธรรมมะขัดเกลานิสัยเรา
แต่ก็ช่วยได้ระดับนึงเวลาพีคๆขึ้นมาเราก็จะร้อนพูดแรงอยุ่เรารุ้ตัว แต่พยามพูดให้ดีและไม่หยาบคาย เราขอแฟนออกไปทำงานเพราะไม่อยากเครียด เขาก้ไม่อยากให้ไป เหมือนไม่อยากให้เราไปเจอใครกลัวจะมีใครมาจีบและกลัวจะเสียเราไป ซึ่งเราว่าต่อให้เราอยุ่บ้านเราคิดจะมีใครมันก็มีได้ป่ะ ง่ายว่าทำงานอีก เพราะอยุ่บ้านจะออกไปไหนตอนไหนก็ได้ ใครไม่รุ้หรอกว่าเราไปไหน เราแต่งงานมามีความสุขที่ได้อยุ่กะสามี แต่ก็เหนื่อยและรุ้สึกอึดอัดมาก เบื่อด้วย เครียด แถวนี้เราก็ไม่รุ้จักใครที่จะคุยได้เลย เพื่อนก็อยุ่ไกล เพื่อนมหาลัยก็ไม่ได้สนิทมากและไม่ได้มีเวลาฟังเราหรือคุยกะเราเขาก็ทำงานของเขา เคยคิดวชกันว่าจะย้ายไปที่อื่น ไปอยุ่ไม่ไกลมากเพื่อดูแลพ่อเขาและน้าเขาได้เวลาฉุกเฉิน รวมๆเขาดูแลตัวเองได้ ทุกวันเขาออกไปหากินเอง เราก็ทำกับข้าวถ้าทำเยอะเราจะแบ่งให้แกไว้ก่อนตลอดบ่อยๆ เราดูแลทำความสะอาดทุกอย่าง แต่เหมือนเขาก็จะคิดว่าเราไม่พอใจเขาที่เราไปบอกเรื่องนั้นนี่กะพี่สาวแฟนเพราะพี่สาวแฟนคุยกะพ่อได้ดีดว่าใคร
ห้าปีแล้ว สามีอายุห่างจากเราสิบสามปี ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีแรกๆที่คบกัน ก็มีปัญหาบ้างส่วนใหญ่ปัญหาเกิดจากเราที่ตอนนั้นเราอาจจะยังวัยรุ่นคิดน้อยไปและเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เราแวะเวียนเข้ามาหาแฟนที่บ้านเสมอๆ เขาเขาอยุ่กันสามคน มีแฟน พ่อแฟน และน้าชายของแฟน ซึ่งเราก็พอรุ้ๆว่าแฟนกะพ่อเขาไม่ค่อยคุยกัน ส่วนแม่แฟนอยุ่กับครอบครัวลูกสาวคนโตที่อื่น แม่แฟนก็ไม่ลงรอยกะพ่อเหมือนกันแต่แวะเวียนมาหาลูกเขาที่นี่ทุกสัปดาห์ แฟนเราเป็นเหมือนผู้นำครอบครัวทำงานหาเงินเลี้ยงดูทุกคนในบ้าน พ่อ แม่ น้าชาย และเรา แฟนไม่ให้เราไปทำงานเลย หลัจากแต่งงานก็มีธุรกิจอย่างหนึ่งทำได้มาสักสองปีก็ปิดกิจการไป เราก็ได้มาอยุ่บ้านเต็มตัว เราไม่มีลูก เพราะแฟนไม่อยากมี เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากมีไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนหลานๆเขาที่ค่อนข้างจะดื้อละไม่เอาไหนโตจนอายุยี่สิบแล้วก็ยังทำอะไรไม่เป็น ผ้าก็ให้ยายซัก จานก็ไม่เคยล้างแบบนั้นและดื้อมาก เหมือนพวกเด็กเก็บกด ประมานว่าแฟนเราก็กลัวไปเรื่อยเปื่อยว่าตัวเขามีปัญหาสุขภาพความดันสูง แต่ไม่ถึงขั้นต้องกินยารักษานะ โดยรวมแล้วเขาไม่อยากมีนั่นแน่ะ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แค่ไม่เข้าใจนิดหน่อย มีก็ได้ ไม่มีก้ได้ ตามใจเขาอยุ่ แต่ก็คิดตลอดว่าแก่ไปใครจะดูแลเรา เพราะเขาอายุเยอะกว่าเรา และเราก็ไม่ได้มีเงินเก็บอะไรมากมายเพราะเขาไม่ให้เราไปทำงานเลย ให้อยุ่บ้านทำงานบ้านไปแบบนั้น ปัญหามันก็เริ่มสะสมๆแบบเรื่องนั้นนี้มาเรื่อยๆ ก่อนจะแต่งงานเรารุ้ตัวว่าเรานิสัยค่อนข้างไม่ค่อยน่ารัก พูดจาไม่เรียบร้อย ใจร้อน หงุดหงิด และขี้หึงมาก จนเขาได้พาเข้าสู่ธรรมมะเข้าวัดปฏิบัติธรรม ยุ่ในรถก็เปิดธรรมะฟังตลอดมาหลายปี จนเรารุ้สึกว่านิสัยเราเปลี่ยนไปมากๆ ดีขึ้นมาก มีความคิดที่ดีขึ้น และปรับปรุงตัวได้เยอะขึ้น เข้าใจการทำบุญมากขึ้น
เราอยุ่บ้านทำงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าว ขนม ถูบ้านกวาดบ้าน เบสิกๆของคนเป็นแม่บ้านทั่วไป แต่แค่ไม่มีลูกเท่านั้น
ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขบ้านที่ผุพังต้องมาซ่อมแซม บ้านเป็นไม้สองชั้นเก่าๆปลวกกินเกือบทั้งหลัง ชั้นสองคืออยุ่ไม่ได้มีแต่ปลวกไม้ผุพังต้องรื้อทิ้งและซ่อมใหม่หมดเลย ที่เราซ่อมเองคือห้องนอนของเรากะแฟน เราใช้เวลในการซ่อมห้องนอนจัดของเคลียร์ของเก่าๆที่แฟนกองไว้รกๆฝุ่นเยอะมากๆๆๆๆ ผ้าปิดจมูกก็เอาไม