สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ขาดตกอะไรไปขออภัยด้วยนะครับ ....เริ่ม!
(รูปอาจมีบ้างไม่มีบ้าง เพิ่งเคยไปครั้งแรก เที่ยวเพลินไปหน่อย ลืมถ่าย)

....................................

ซื้อแพคเกจทัวร์  ราคา 3,990 บาท/คน
ราคานี้รวมค่ารถตู้รับ-ส่ง ระหว่างสนามบินกับท่าเรือ + ค่าเรือไป-กลับ + ค่าที่พัก 3วัน 2คืน + แพคเกจดำน้ำ

ค่าเครื่องบินจองตั๋วไป-กลับ ราคา 1,330 บาท/คน
จองล่วงหน้าหลายเดือนถูกดี

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561

ออกเดินทางไปหาดใหญ่ด้วยเครื่องบินของ Thai Lion Air (ดอนเมือง-หาดใหญ่) เวลา 7.45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
พอถึงสนามบินหาดใหญ่ ก็ติดต่อรถตู้ที่จะมารับเราไปท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล รถตู้คันนึงโดยสารได้ประมาณ 10 คน ซึ่งจะต้องมีคนอื่นร่วมทางไปด้วย เวลาที่รถตู้จะออกเดินทางไปท่าเรือคือ 9.40 น. (ทำเวลาด้วยนะครับคนอื่นจะได้ไม่รอนาน เดี๋ยวจะตกเรือ)

รถตู้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะถึงท่าเทียบเรือปากบารา เดินๆๆ ก่อนเข้าไปด้านในจะต้องจ่ายค่าเข้าอุทยาน 50 บาท/คน+ค่าอะไรก็ไม่รู้อีก 10 บาท/คน แล้วเขาจะให้บัตรเข้าอุทยานเรามา (เก็บไว้ให้ดีเพราะต้องใช้ตลอดเวลา)
จากนั้นไปรับตั๋วกับบริษัทเรือที่แพคเกจได้บอกไว้ ของผมจะเป็นเรือของบริษัท Siribara (สิริบารา) รับบัตรคิวแล้วเขาจะให้สติ๊กเกอร์กลมๆแปะเสื้อไว้ครับ แล้วรอเรียกขึ้นเรือตามคิว

11.30 น. ได้เวลาขึ้นเรือ ตามตารางเรือผมจะแวะเกาะต่างๆ เพื่อให้ลงไปเดินเล่นถ่ายรูปครับ เกาะนึงประมาณ 15 นาที


เรือออกมาได้พักใหญ่ๆ เกาะแรกที่แวะคือ เกาะตะรุเตาครับ


หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะประกาศเรียกขึ้นเรือ อ่อ จำชื่อเรือตัวเองดีๆนะครับ เขาจะเรียกตามชื่อเรือ แล้วก็มาต่อแถวลงเรือเพื่อไปแวะอีกที่หนึ่ง คือ เกาะไข่ ครับ


ใช้เวลาเหมือนเดิมครับ ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายของเรา เกาะหลีเป๊ะ


ผมไปถึงประมาณบ่ายสองนิดๆ ไปเจอจังหวะที่เป็นช่วงน้ำลงพอดี เรือจะไปส่งบนโป๊ะกลางน้ำก่อนครับ แล้วจะมีเรือหางยาวมารับอีกทีหนึ่ง ถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้นเขาจะไม่แวะขึ้นโป๊ะครับ เขาจะไปส่งที่หน้าหาดได้เลย (ท่าเรือที่เกาะหลีเป๊ะจะเรียกว่าหาดพัทยา) ตรงนี้ใช้เวลาพอสมควร เพราะเรือเล็กจะรับได้ครั้งละ 10 คนเท่านั้น คนเยอะมาก


พอถึงเกาะแล้วจะมีรถของทางรีสอร์ทมารับครับ เขาจะตะโกนชื่อรีสอร์ท เราอยู่รีสอร์ทไหนก็ไปตามเสียงพี่ๆเขาได้เลย ส่วนของผมเองชื่อรีสอร์ท Salisa Resort (ศลิศา รีสอร์ท) ไม่มีรถมารับครับ แต่เขาบอกให้ขึ้นแท็กซี่ตรงคิวรถไปได้เลย แล้วทางรีสอร์ทจะเป็นคนจ่ายเงินค่ารถให้เราเองครับ (แท็กซี่บนเกาะก็คือมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างครับ)


ถึงที่พักแล้วรู้สึกว้าววววว ร่มรื่น ติดทะเลสวยใส แทบจะไม่ต้องซื้อแพคเกจดำน้ำเลย เดินลงไปดำเองได้สบายๆ (ที่พักผมอยู่ฝั่งหาด Sun Rise) อย่ารอช้าเก็บของเสร็จแล้วเปลี่ยนชุดเล่นน้ำทันที เช่าสน็อกเกิ้ลมาดำน้ำหน้าที่พักเพลินๆ เพลินมาก เพลินจนน้ำขึ้น เกือบไม่มีแรงกลับฝั่ง


พอฟ้ามืดเราก็หาข้าวกิน ไปเจอร้านอาหารใหญ่ๆร้านนึงที่พี่คนขับแท็กซี่แนะนำ ดูหน้าร้านแล้วน่าอร่อย คนก็เยอะ แต่ผิดหวังมากๆ กุ้งเผาก็เหม็นไม่สด น้ำจิ้มซีฟู้ดก็แปลกๆ รสชาติอาหารก็จืดชืดสิ้นดี แต่ก็กินด้วยความหิว (ช่างมัน)
จากนั้นก็ไปเดินเล่นวิถีชีวิตกลางคืนของเกาะหลีเป๊ะ Walking Street ครับ ทางเข้ามีป้ายชัดเจนอยู่ข้างๆเซเว่น


สองข้างทางก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายยา คลีนิค มีทุกอย่างครบครันแต่ราคาก็แพงกว่าบนแผ่นดินใหญ่เป็นธรรมดาครับ เราจะเจอหมาแมวเยอะแยะเต็มเกาะไปหมดและทุกตัวรับแขกมาก เป็นมิตรทุกตัวเลย น่าร้ากกกก


เดินไปจนสุด Walking Street ก็จะไปโผล่ฝั่งหาดพัทยาครับ หาดนี้พอตกกลางคืนก็จะมีสีสันไปอีกแบบ จะมีนักท่องเทียวเดินดื่มด่ำกับบรรยากาศเยอะพอสมควร อีกทั้งยังมีร้านเหล้า ร้านอาหารยาวตลอดหาด เลือกได้ตามชอบ ส่วนผมไปติดใจร้าน Reggae Bar เขาจะปูเสื่อให้นั่งบนหาด ดื่มไป ฟังเพลงเคล้าเสียงคลื่น มีควงกระบองไฟโชว์เป็นระยะๆด้วย



.................................


วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561

ตื่น 7 โมงเช้า กินอาหารเช้า นั่งชิลๆรอเรือที่จะมารับไปดำน้ำ สัก 8 โมงนิดๆ ทางรีสอร์ทก็แจกผ้าเช็ดตัว แล้วเรียกลงเรือครับ ปะ!


ทริปดำน้ำนี้ยาวๆเลยนะครับ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ควรระวังเรื่องท้องไส้ดีๆ ห้ามทำตัวเองให้ท้องเสียเด็ดขาด ส่วนเรื่องน้ำและอาหารเขาเตรียมไว้ให้ครบครับ
ช่วงเช้า เขาจะพาดำน้ำสองจุด แล้วแวะถ่ายรูป 1 เกาะ ชื่อว่าเกาะหินงามครับ (แต่ละจุดไม่จำกัดเวลานะครับ อยากช้าอยากเร็วตามใจเราครับ)


จากนั้นเขาจะพาไปกินข้าวที่เกาะทรายขาว เกาะนี้มีห้องน้ำ ร้านขายน้ำขายอาหารด้วยนะครับ กินข้าวเสร็จก็เดินถ่ายรูปย่อยที่เกาะนี้สักพัก  สามารถเล่นน้ำได้ด้วยนะ หาดทรายที่นี่ขาวสมชื่อจริงๆ


หลังจากกินข้าวเสร็จ ช่วงบ่ายก็ไปดำน้ำอีก 3 จุด ช่วงเย็นๆเห็นว่าน้ำเริ่มลง เริ่มดำน้ำยากขึ้นละ เพราะเราจะไปชนพวกประการัง หอยเม่น ดอกไม้ทะเล ก็เลยขอกลับครับ ถึงที่พักเกือบ 5 โมงเย็น เพื่อนๆผมยังไม่เต็มอิ่ม เลยขอไปดำน้ำแถวหาดหน้ารีสอร์ทต่อ มีดอกไม้ทะเล มีปลาการ์ตูนเพียบเลย ส่วนผมขออาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปกินข้าวเย็น

หลังจากที่ผิดหวังกับร้านอาหารร้านใหญ่คืนก่อน ก็เล็งร้านเล็กๆที่ห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร ชื่อว่า "ร้านอาหารไทยเดิม"
ร้านนี้อร่อยมาก รสชาติไทยแท้ๆ ราคาอาหารถือว่าถูกกว่าร้านอื่น รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ แนะนำๆ


จากนั้นก็เหมือนเดิมครับ เดิน Walking Street แล้วซื้อขนมซื้อเบียร์เข้าไปดื่มที่ริมหาดหน้าที่พักครับ
บรรยากาศดี ลมเย็น แต่ยุงโหดมาก เตรียมยากันยุงไปด้วยนะครับ นั่งดื่มกันประมาณเที่ยงคืนก็แยกย้ายเข้านอน

.................................


วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

เช้าวันนี้ตื่นสายครับเพราะจองเรือกลับตอน 13.30 น. เลยชิลๆกินข้าวเช้า เพื่อนบางคนก็ยังอยากเล่นน้ำอยู่ก็เล่นกันไป ส่วนผมนั่งชิลริมหาดรอเวลาขึ้นเรือครับ
ที่เลือกกลับเรือเที่ยวบ่ายเพราะว่าผมจะไปพักที่ตัวเมืองหาดใหญ่ต่ออีก 1 คืนครับแล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับ แต่ส่วนใหญ่ขึ้นเรือกลับไปแล้วก็ไปต่อเครื่องบินกลับภายในวันเดียวกันเลย ก็ต้องออกเรือเที่ยว 9.30 น. ครับ

พอถึงเวลาใกล้ขึ้นเรือ ทางรีสอร์ทจะไปส่งที่หาดพัทยาครับ วันนี้น้ำขึ้นเลยไม่ต้องนั่งเรือหางยาวไปขึ้นเรือใหญ่ที่โป๊ะกลางน้ำ สามารถเดินขึ้นที่หน้าหาดได้เลยครับ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงก็ถึงท่าเรือปากบารา (เพราะไม่ได้แวะเกาะอื่นเหมือนขามา) แล้วก็มีรถตู้มารับไปส่งที่สนามบินหาดใหญ่ครับ

แล้วก็หารถเช่าครับ เพื่อขับเข้าไปหาที่พักในตัวเมืองหาดใหญ่ กินข้าวกินเหล้า นั่งเม้ามอยกับเพื่อนๆเสร็จก็เข้าที่พัก เตรียมตัวเดินทางกลับตอนเช้าวันถัดไปครับ

.................................

ผู้คนบนเกาะเป็นมิตรและอัธยาศัยดีมากๆ
ขยะตามทางมีบ้างแต่น้อย เดินเจอก็ช่วยๆกันเก็บนะครับ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ