ข้อควรระวังขอตำแหน่งทางวิชาการ Academic Position Request 12/11/2561
https://ppantip.com/topic/38260689
Cr:
Pa-thai Yenchitsomanus
Nongnuj Muangsin
15 hrs
ข้อควรระวังและอาจซวยได้สำหรับการขอตำแหน่งแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์และมีข้อกำหนดเรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามาเกี่ยวข้อง (ป้องกันและระวังกันไว้ดีกว่าแก้)
ขอยกตัวอย่างเพื่อความชัดเจน (กรณีคำอธบิายนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ โปรดอย่าใช้อ้างอิง หรือถือว่าเป็นการชี้นำใดๆ ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายเท่านั้น ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากเหตุการณ์ใดๆ อาจมีข้อผิดพลาดได้)
เช่นกลุ่มวิจัย A มีอาจารย์ร่วมกันทำวิจัยอยู่ 3 ทีมที่เชี่ยวชาญคนละศาสตร์ เพิ่อทำวิจัยบูรการณ์ข้ามศาสตร์ตามนโยบายของแหล่งทุนเพื่อให้มีอิมแพ็คทางวิชาการ เช่น งานวิจัยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสมุนไพรไทยเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต (ขอบรรยายภาพกว้างๆ)
กรณีสมมุติ
ทีม 1 ประกอบด้วยอาจารย์กอไก่+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญการหาสารใหม่จากสมุนไพรไทย
ทีม 2 อาจารย์ขอไข่+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญด้านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพและค้นพบกลไกการออกฤทธิ์ระดับเซลล์
และทีมที่ 3 อาจารย์คอคอ+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเชิงคลีนิค อาจทำการทดสอบในหนู ในคน เป็นต้น
(รวมบุคคลในทีมนี้ จะมีอย่างน้อย 6 คน)
เมื่อตีพิมพ์ผลงานในศาสตร์ของแต่ละทีม เช่น ทีม 1 ตีพิมพ์ 2 เปเปอร์ คือ เปเปอร์ #ก.1และ #ก.2 ซึ่งเปเปอร์#ก.1 เป็นผลงานของนิสิตที่ใช้จบปริญญาเอกและสำหรับเปเปอร์#ก.2 อาจารย์ขอว่าไม่เป็นเปเปอร์จบการศึกษาเพื่ออาจารย์นำไปใช้ประกอบการขอตำแหน่งได้ (เริ่มไม่งดงามแล้ว)
โดยมารยาท โดยการให้เกียรติกันและโดยจริยธรรม ทั่วไปแล้วเปเปอร์นั้นจะใส่ทุกชื่อคนในทีม โดยเป็นที่รู้กันว่างานหลักเป็นของใคร นิสิตก็จะเป็น first author (ตามเกณฑ์การจบปริญญาเอกที่ขื่อแรกเป็นชื่อนิสิตและเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์) และอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นชื่อหลังสุด และเป็น corresponding author รายชื่อที่เหลือก็จะเป็นของคนในทีม
เมื่ออาจารย์กอไก่จะขอตำแหน่งวิชาการ
ก็จะต้องนำผลงานเปเปอร์@ก.1 มาใช้ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าแบ่งกันแบบนี้ นิสิตได้ 50% อาจารย์กอไก่ ขอ 30% อาจารย์อีก 4 คน เอาไปคนละ 5% รวมกันได้ 100%
(Paper#ก.1: นิสิต ก 50% + Ajก 30% {Ajข 5% นิสิต ข. 5% Ajค 5%+นิสิต ค 5%})
สำหรับเปเปอร์ที่ 2 ก็แบ่งตามนี้
Paper#ก.2: นิสิต ก 30% + Ajก 50% {Ajข 5% นิสิต ข. 5% Ajค 5%+นิสิต ค 5%)
สมมุติทุกคนในทีมตกลงว่าจะมีการแบ่งเปอร์เซนต์ปฏิกันแบบนี้นะ
ยกเว้น อาจารย์คอคอที่ไม่ทำตามโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม แต่กลับแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ตัวเองได้ 50% ทั้ง 2 เปเปอร์เลย และไม่ได้บอกว่าเป็นงานนิสิต (ความไม่งดงามบังเกิดขึ้น)
*******
หากอาจารย์กอไก่จะขอ ผศ ต้องใช้โดยใช้เปเปอร์#ก.1 และ #ก.2
เปเปอร์#ก.2 อาจารย์กอไก่ขอ 50% คิดเป็นหนึ่งชิ้น และเป็นผลงานวิจัยหลักของอาจารย์ (เริ่มไม่งดงามอีกแล้ว เพราะจริงๆ มันก็คือผลงานของอาจารย์และนิสิตในที่ปรึกษา)
ปัญหามาอยู่ที่เปเปอร์#ก.1 ที่อาจารย์ กอไก่ได้ = 30% แต่ไม่เพียงพอต่อการนับผลงานเป็นหนึ่งชิ้น เพราะผลงาน 1 ชิ้นต้องมีปริมาณเท่ากับหรือมากกว่า 50% นั่นหมายความว่าอาจารย์กอไก่ต้องหาเปเปอร์อื่นๆ มาเพิ่มและต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกันด้วย อาจารย์กอไก่ก็อาจเอาเปเปอร์ในทีมอาจารย์ขอไข่ มาฉบับละ 5% (#ข.1 และ #ข.2) รวมเป็น 10%
และเอาของทีมอาจารย์คอคอมาอีกฉบับละ 5% (#ค.1 และ #ค.2) รวมกันได้ 10% และต้องหาผลงานอื่นตามข้อ 34
ตอนนี้ผลรวมของ 5 เปเปอร์ (ก.2 ข.1 ข.2 ค.1 ค.2) รวมกันได้ 50% (+บวกข้อ 34 )แล้ว...ีใจ ขอตำแหน่งได้แล้ว
พออาจารย์กอไก่ขอไปเรียบร้อย ผ่านกระบวนการอ่านแล้วกรรมการพบว่าเปเปอร์#ค.1 ของอาจารย์ที่ปรึกษาคอคอที่ขอตำแหน่งไปแล้วก่อนอาจารย์กอไก่ลืมแจ้งว่าเป็นผลงานนิสิตในที่ปรึกษาจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาไม่ทราบ...นั่นหมายความว่าอาจารย์คอคอก็ผิดจริยธรรมละสิ เพราะแอบอ้างผลงานคนอื่นเป็นผลงานตัวเอง(ตามประกาศข้อ 23 และ 24)
***ความซวยก็จะบังเกิด***
ใครซวยที่สุด ก็คือ อาจารย์กอไก่ที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์คอคอทำอะไร แต่ไอ้ 5% นั้นมันอยู่ในเอกสาร ที่ยื่นขอตำแหน่งของอาจารย์กอไก่
แล้วอาจารย์กอไก่จะโดนอะไรไหม...ผู้เขียนตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้จริงๆ...ขึ้นอยู่กับกรรมการ
ถ้าตรวจไม่พบ...ก็รอด
ถ้าตรวจพบ...ก็เสี่ยง
ถ้าโชคร้ายถูกบอกว่าผิดจริยธรรม อาจารย์กอไก่ก็จะโดนแบนขอตำแหน่งไปหลายปี...จากสาเหตุของเปเปอร์ 5% ของคนอื่น เนื่องมาจากระบบการขอตำแหน่งแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์และการระบุว่ามีอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามามีส่วนร่วม
**ถ้าไม่มีระบบแบ่งเปอร์เซนต์แบบนี้ อาจารย์กอไก่คงไม่ต้องเอา 5% ของคนอื่นมารวมห่อให้ได้ 50%
**ถ้าไม่มีระบบพิจารณาผลงานร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษา...อาจารย์คอคอก็อาจไม่ผิด
เพราะจริงๆ งานดังกล่าวก็เป็นผลงานของอาจารย์คอคอทำร่วมกับนิสิตจริง บางครั้งอาจทำมากกว่าด้วยซำ้
**ที่เขียนขึ้นมา...รู้ว่าแก้ไขประกาศที่ออกมาแล้วไม่ได้...เรียกร้องไปก็เปล่าประโยชน์...แต่อยากให้ทุกคนระวังมากยิ่งขึ้นในการขอตำแหน่งวิชาการที่ควรป้องกันไว้ก่อน ก่อนที่จะเกิดปัญหาใดๆ ตามมา
สำหรับอาจารย์ที่ทำงานวิจัยเดี่ยว หรือทำวิจัยสองคนกับนิสิต หรือจ้าง postdoc ก็คงไม่มีปัญหาใดๆ
ศาสตราจารย์ ดร. นงนุช เหมืองสิน
อ้างอิง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1150891421746667&set=pcb.1150891641746645&type=3&theater
ข้อควรระวังขอตำแหน่งทางวิชาการ Academic Position Request 12/11/2561 สรายุทธ กันหลง
https://ppantip.com/topic/38260689
Cr:
Pa-thai Yenchitsomanus
Nongnuj Muangsin
15 hrs
ข้อควรระวังและอาจซวยได้สำหรับการขอตำแหน่งแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์และมีข้อกำหนดเรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามาเกี่ยวข้อง (ป้องกันและระวังกันไว้ดีกว่าแก้)
ขอยกตัวอย่างเพื่อความชัดเจน (กรณีคำอธบิายนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ โปรดอย่าใช้อ้างอิง หรือถือว่าเป็นการชี้นำใดๆ ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายเท่านั้น ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากเหตุการณ์ใดๆ อาจมีข้อผิดพลาดได้)
เช่นกลุ่มวิจัย A มีอาจารย์ร่วมกันทำวิจัยอยู่ 3 ทีมที่เชี่ยวชาญคนละศาสตร์ เพิ่อทำวิจัยบูรการณ์ข้ามศาสตร์ตามนโยบายของแหล่งทุนเพื่อให้มีอิมแพ็คทางวิชาการ เช่น งานวิจัยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสมุนไพรไทยเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต (ขอบรรยายภาพกว้างๆ)
กรณีสมมุติ
ทีม 1 ประกอบด้วยอาจารย์กอไก่+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญการหาสารใหม่จากสมุนไพรไทย
ทีม 2 อาจารย์ขอไข่+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญด้านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพและค้นพบกลไกการออกฤทธิ์ระดับเซลล์
และทีมที่ 3 อาจารย์คอคอ+นิสิตในที่ปรึกษาหนึ่งคนเป็นทีมที่เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเชิงคลีนิค อาจทำการทดสอบในหนู ในคน เป็นต้น
(รวมบุคคลในทีมนี้ จะมีอย่างน้อย 6 คน)
เมื่อตีพิมพ์ผลงานในศาสตร์ของแต่ละทีม เช่น ทีม 1 ตีพิมพ์ 2 เปเปอร์ คือ เปเปอร์ #ก.1และ #ก.2 ซึ่งเปเปอร์#ก.1 เป็นผลงานของนิสิตที่ใช้จบปริญญาเอกและสำหรับเปเปอร์#ก.2 อาจารย์ขอว่าไม่เป็นเปเปอร์จบการศึกษาเพื่ออาจารย์นำไปใช้ประกอบการขอตำแหน่งได้ (เริ่มไม่งดงามแล้ว)
โดยมารยาท โดยการให้เกียรติกันและโดยจริยธรรม ทั่วไปแล้วเปเปอร์นั้นจะใส่ทุกชื่อคนในทีม โดยเป็นที่รู้กันว่างานหลักเป็นของใคร นิสิตก็จะเป็น first author (ตามเกณฑ์การจบปริญญาเอกที่ขื่อแรกเป็นชื่อนิสิตและเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์) และอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นชื่อหลังสุด และเป็น corresponding author รายชื่อที่เหลือก็จะเป็นของคนในทีม
เมื่ออาจารย์กอไก่จะขอตำแหน่งวิชาการ
ก็จะต้องนำผลงานเปเปอร์@ก.1 มาใช้ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าแบ่งกันแบบนี้ นิสิตได้ 50% อาจารย์กอไก่ ขอ 30% อาจารย์อีก 4 คน เอาไปคนละ 5% รวมกันได้ 100%
(Paper#ก.1: นิสิต ก 50% + Ajก 30% {Ajข 5% นิสิต ข. 5% Ajค 5%+นิสิต ค 5%})
สำหรับเปเปอร์ที่ 2 ก็แบ่งตามนี้
Paper#ก.2: นิสิต ก 30% + Ajก 50% {Ajข 5% นิสิต ข. 5% Ajค 5%+นิสิต ค 5%)
สมมุติทุกคนในทีมตกลงว่าจะมีการแบ่งเปอร์เซนต์ปฏิกันแบบนี้นะ
ยกเว้น อาจารย์คอคอที่ไม่ทำตามโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม แต่กลับแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ตัวเองได้ 50% ทั้ง 2 เปเปอร์เลย และไม่ได้บอกว่าเป็นงานนิสิต (ความไม่งดงามบังเกิดขึ้น)
*******
หากอาจารย์กอไก่จะขอ ผศ ต้องใช้โดยใช้เปเปอร์#ก.1 และ #ก.2
เปเปอร์#ก.2 อาจารย์กอไก่ขอ 50% คิดเป็นหนึ่งชิ้น และเป็นผลงานวิจัยหลักของอาจารย์ (เริ่มไม่งดงามอีกแล้ว เพราะจริงๆ มันก็คือผลงานของอาจารย์และนิสิตในที่ปรึกษา)
ปัญหามาอยู่ที่เปเปอร์#ก.1 ที่อาจารย์ กอไก่ได้ = 30% แต่ไม่เพียงพอต่อการนับผลงานเป็นหนึ่งชิ้น เพราะผลงาน 1 ชิ้นต้องมีปริมาณเท่ากับหรือมากกว่า 50% นั่นหมายความว่าอาจารย์กอไก่ต้องหาเปเปอร์อื่นๆ มาเพิ่มและต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกันด้วย อาจารย์กอไก่ก็อาจเอาเปเปอร์ในทีมอาจารย์ขอไข่ มาฉบับละ 5% (#ข.1 และ #ข.2) รวมเป็น 10%
และเอาของทีมอาจารย์คอคอมาอีกฉบับละ 5% (#ค.1 และ #ค.2) รวมกันได้ 10% และต้องหาผลงานอื่นตามข้อ 34
ตอนนี้ผลรวมของ 5 เปเปอร์ (ก.2 ข.1 ข.2 ค.1 ค.2) รวมกันได้ 50% (+บวกข้อ 34 )แล้ว...ีใจ ขอตำแหน่งได้แล้ว
พออาจารย์กอไก่ขอไปเรียบร้อย ผ่านกระบวนการอ่านแล้วกรรมการพบว่าเปเปอร์#ค.1 ของอาจารย์ที่ปรึกษาคอคอที่ขอตำแหน่งไปแล้วก่อนอาจารย์กอไก่ลืมแจ้งว่าเป็นผลงานนิสิตในที่ปรึกษาจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาไม่ทราบ...นั่นหมายความว่าอาจารย์คอคอก็ผิดจริยธรรมละสิ เพราะแอบอ้างผลงานคนอื่นเป็นผลงานตัวเอง(ตามประกาศข้อ 23 และ 24)
***ความซวยก็จะบังเกิด***
ใครซวยที่สุด ก็คือ อาจารย์กอไก่ที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์คอคอทำอะไร แต่ไอ้ 5% นั้นมันอยู่ในเอกสาร ที่ยื่นขอตำแหน่งของอาจารย์กอไก่
แล้วอาจารย์กอไก่จะโดนอะไรไหม...ผู้เขียนตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้จริงๆ...ขึ้นอยู่กับกรรมการ
ถ้าตรวจไม่พบ...ก็รอด
ถ้าตรวจพบ...ก็เสี่ยง
ถ้าโชคร้ายถูกบอกว่าผิดจริยธรรม อาจารย์กอไก่ก็จะโดนแบนขอตำแหน่งไปหลายปี...จากสาเหตุของเปเปอร์ 5% ของคนอื่น เนื่องมาจากระบบการขอตำแหน่งแบบแบ่งเปอร์เซ็นต์และการระบุว่ามีอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ามามีส่วนร่วม
**ถ้าไม่มีระบบแบ่งเปอร์เซนต์แบบนี้ อาจารย์กอไก่คงไม่ต้องเอา 5% ของคนอื่นมารวมห่อให้ได้ 50%
**ถ้าไม่มีระบบพิจารณาผลงานร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษา...อาจารย์คอคอก็อาจไม่ผิด
เพราะจริงๆ งานดังกล่าวก็เป็นผลงานของอาจารย์คอคอทำร่วมกับนิสิตจริง บางครั้งอาจทำมากกว่าด้วยซำ้
**ที่เขียนขึ้นมา...รู้ว่าแก้ไขประกาศที่ออกมาแล้วไม่ได้...เรียกร้องไปก็เปล่าประโยชน์...แต่อยากให้ทุกคนระวังมากยิ่งขึ้นในการขอตำแหน่งวิชาการที่ควรป้องกันไว้ก่อน ก่อนที่จะเกิดปัญหาใดๆ ตามมา
สำหรับอาจารย์ที่ทำงานวิจัยเดี่ยว หรือทำวิจัยสองคนกับนิสิต หรือจ้าง postdoc ก็คงไม่มีปัญหาใดๆ
ศาสตราจารย์ ดร. นงนุช เหมืองสิน
อ้างอิง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1150891421746667&set=pcb.1150891641746645&type=3&theater