" ม ห า ปุ ริ ส วิ ต ก ๘ "

มหาปุริสวิตก ๘ ประการ

              ธรรมนี้เป็นธรรม... ของบุคคลผู้มีความปรารถนาน้อย   มิใช่ของบุคคลผู้มีความปรารถนามาก ๑
                            ... ของบุคคลผู้สันโดษ   มิใช่ของบุคคลผู้ไม่สันโดษ ๑
                            ... ของบุคคลผู้สงบสงัด   มิใช่ของบุคคลผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่ ๑
                            ... ของบุคคลผู้ปรารภความเพียร   มิใช่ของบุคคลผู้เกียจคร้าน ๑
                            ... ของบุคคลผู้มีสติตั้งมั่น   มิใช่ของบุคคลผู้มีสติหลงลืม ๑
                            ... ของบุคคลผู้มีจิตตั้งมั่น   มิใช่ของบุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ๑
                            ... ของบุคคลผู้มีปัญญา   มิใช่ของบุคคลผู้มีปัญญาทราม ๑
                            ... ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า   ผู้ยินดีในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า
              มิใช่ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า   ผู้ยินดีในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า ๑

______________________________________________________________________________________________


ดูกรอนุรุทธะ !   

              ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า
เธอพึงบรรลุปฐมฌาน เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย  มีวิตกวิจาร ปีติสุขอันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่

              ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า
เธอพึงบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร
เพราะวิตกวิจารสงบไป มีแต่ปีติสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่

              ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ในการนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า
เธอพึงบรรลุตติยฌาน เพราะปีติสิ้นไป จักอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
ซึ่งพระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข

              ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ในกาลนั้น เธอจักหวังได้ทีเดียวว่า
เธอพึงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
______________________________________________________________________________________________

              ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และเป็นผู้มีปรกติได้ตามปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
ในกาลนั้น ผ้าบังสุกุลจีวรจักปรากฏแก่เธอ ผู้สันโดษ อยู่ด้วยความยินดี
ด้วยความไม่หวาดเสียว ด้วยความอยู่เป็นสุข ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน
เปรียบเหมือนหีบใส่ผ้าของคฤหบดีหรือบุตรแห่งคฤหบดี อันเต็มไปด้วยผ้าสีต่างๆ ฉะนั้น

              ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
ในกาลนั้น โภชนะ คือ คำข้าวที่ได้มาด้วยปลีแข้ง จักปรากฏแก่เธอผู้สันโดษ อยู่ด้วยความยินดี
ด้วยความไม่หวาดเสียว ด้วยความอยู่เป็นสุข ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน
เปรียบเหมือนข้าวสุก (หุงจาก) ข้าวสาลีคัดเอาดำออกแล้ว มีแกงและกับหลายอย่าง ของคฤหบดีและบุตรแห่งคฤหบดี ฉะนั้น

              ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
ในกาลนั้น เสนาสนะ คือ โคนไม้ จักปรากฏแก่เธอผู้สันโดษ อยู่ด้วยความยินดี
ด้วยความไม่หวาดเสียว ด้วยความอยู่เป็นสุข  ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน
เปรียบเหมือนเรือนยอด ของคฤหบดีหรือบุตรของคฤหบดี ฉาบทาไว้ดีแล้ว ปราศจากลม ลงลิ่มสลักมิดชิด ปิดหน้าต่างสนิท ฉะนั้น

              ดูกรอนุรุทธะ ในกาลใด เธอจักตรึกมหาปุริสวิตก ๘ ประการนี้ และเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ นี้อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
ในกาลนั้น ที่นอน ที่นั่งอันลาดด้วยหญ้า จักปรากฏแก่เธอผู้สันโดษ  อยู่ด้วยความยินดี
ด้วยความไม่หวาดเสียว ด้วยความอยู่เป็นสุข ด้วยการก้าวลงสู่นิพพาน
เปรียบเหมือนบัลลังก์ของคฤหบดีหรือบุตรของคฤหบดี อันลาดด้วยผ้าโกเชาว์ขนยาว ลาดด้วยขนแกะสีขาว
ลาดด้วยผ้าสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดี ทำด้วยหนังชะมด มีเครื่องลาดเพดานแดง มีหมอนข้างแดงสองข้าง ฉะนั้น
______________________________________________________________________________________________

- อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๒๓๓-๒๓๕/๑๒๐.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่