เรื่องมันมีอยู่ว่า เรากับพวกรวม4คน ไม่ได้รับค่าจ้างจากเจ้านายเป็นระยะเวลา7 เดือน เราเลยไปฟ้องกรมแรงงาน ฟ้อง ไกล่เกลี่ยกันไป จนจบที่เจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้นายจ้างต้องจ่ายเราภายใน30 วัน เมื่อครบกำหนดจ่าย นายจ้างก็เงียบ ไม่ยอมจ่ายและไม่ติดต่อมา เจ้าหน้าที่จึงสั่งฟ้องนายจ้างข้อหาขัดคำสั่ง ส่วนทางเราก็ไปฟ้องศาลแรงงานอีกทางนึง
ผลสรุปจากทางเรา คือประนีประนอมได้ว่า ศาลท่านสั่งให้นายจ้างจ่ายเราจำนวน 1 แสนบาทต่อคน โดยแบ่งเป็น 4 งวด ก็นัดจ่ายกันทุกสิ้นเดือน เดือนละ 25000 บาท เราก็โอเค ยอมให้เค้าผ่อน งวดแรกเมื่อเดือนก่อน(30 ก.ย. ) ทางนายจ้างก็จ่ายมา 25000 แต่ก็เลทไปจนวันที่2 ต้องโทรตาม โทรทวงกันจนเหนื่อย แต่แล้ว งวดที่2 ตามกำหนดต้องจ่าย 31 ต.ค. แต่ก็ยังเงียบอีก ไม่โทรหา ไม่ติดต่อมาเลย เรารอจนวันที่1 เราก็โทรไปทวงกับทางทนาย ก็ไม่ได้คำตอบ
วันที่ 2 เราก็ทวงถามกับทั้งทนายและนายจ้าง ทางนายจ้างเลยขอนัดไปจ่ายวันที่ 7 เราก็อืมมม รออีก พอวันที่ 7 ก็เงียบ เราก็โทรไปถามอีก เค้าก็บอกว่าขอเวลาไม่มีกำหนด เราก็เลยว่าไม่ไหวแล้ว สู้คดีมาก็นาน นายจ้างก็เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก เราเลยกลับไปที่ศาลแรงงานอีก ศาลแรงงานก็ให้เราทำเรื่องขอออกหมายบังคับคดี คือยึดทรัพย์ เอาจริงๆเราคิดว่ามันจะมีบทลงโทษอะไรที่แรงกว่านี้ เพราะผิดคำสั่งศาล เราก็อะ ทำเรื่องจนเสร็จ หวังว่ามันจะดี จะได้จบซะที
ที่นี้เราเลยเอาเอกสารจากศาลไปให้ทางกรมบังคับคดีด้วยตัวเอง เพราะอยากไปสอบถามรายละเอียดด้วย แต่พอเราฟังเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูล บอกตามตรงเราท้อมาก ฟังแล้วก็รู้เลยว่าเราคงต้องเหนื่อยอีกเยอะ คือเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องทำเองขนาดนี้ เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เราต้องไปไล่สืบเองว่ามีทรัพย์อะไร ไปพาณิชย์ ไปขนส่ง ไปกรมที่ดิน ไปสารพัดที่จะต้องไปพอไปได้หลักฐานของทรัพย์มาแล้วก็ต้องกลับมาที่กรมบังคับคดีให้เจ้าหน้าที่พาไปยึดทรัพย์ แต่.......เราต้องเอารถไปขนเองนะ เอาทรัพย์มาเก็บรักษาไว้ที่บ้าน ย้ำว่าต้องรักษาสภาพนะ ห้ามเอาไปใช้ หรือจะฝากเจ้าหน้าที่ไว้ก็ได้ แต่จะรู้ได้ไงว่ามันจะไม่หาย 55 ไปเก็บไว้เองดีที่สุด รอคิวเอาทรัพย์มาขายทอดตลาด เมื่อถึงคิวก็หอบไอ้ทรัพย์นั่นแหละมาวางขาย ขายได้ไม่ได้ไม่รู้ รอจนขายได้ เราแบบเอิ่มมมม เหนื่อยอ่ะ แค่ฟังก็เหนื่อย
เราเลยขับรถไปดูแถวออฟฟิตนายจ้าง สรุปไม่เห็นมีอะไรที่มันพอจะมีให้เรายึดเลยค่ะ (เราลงรูปไม่ได้) ออฟฟิตคือห้องเช่าเล็ก มีคอม1 ตัวเครื่องถ่ายเอกสาร(เช่า) 1 เครื่อง เราแบบเหนื่อยเลยค่ะ ทั้งที่นายจ้างเราเค้ายังใช้ชีวิตหรูหรา เราดูจากในเฟสบุ๊ค เค้ายังไปประมูลภาพวาด ออกงานสังคม ออกรถ BMW (นายจ้างเราเป็นอดีตผู้พิพากษาอาวุโส) แต่ทรัพย์บริษัทไม่มีเลย ไม่มีอะไรเลยสักอย่างค่ะ
สรุปเราต้องทำใจใช่มั้ยคะ เราสู้มากินเวลาเกือบสองปี เราก็คิดว่าจะมีบทลงโทษอะไรที่จะทำให้นายจ้างต้องเข็ด และยอมจ่ายเราดีๆ แต่กลายเป็นว่าพอไม่มีทรัพย์บริษัท นายจ้างก็ลอยคอไปมา ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายอย่างว่าใช่มั้ยคะ เราเลยคิดว่ามันเป็นช่องโหว่สำหรับนายจ้างรึเปล่าคะ นี้เรายังโชคดี มีรถขับไปทำธุระ ไปไหนมาไหนเองได้ แต่เรานึกถึงคนทำงานอย่างตาสีตาสา เค้าจะไปสืบทรัพย์ ไปวิ่งเต้นหาข้อมูลแต่ละที่แต่ละที่ จะลำบากแค่ไหน แล้วยังค่าเดินทางอีกหล่ะ เราเลยคิดว่ามันแย่มากก สรุปเราต้องทำใจ รึยังไงคะ เพราะทรัพย์บริษัทไม่มี เราสามมารถเอาผิดเาอย่างอื่นได้มั้ย?? แจ้งความ?? ฟ้องศาลเพิ่มคดีไหนได้อีก??
ช่วยบอกเราทีค่ะ
โดนนายจ้างเบี้ยวจ่ายค่าจ้าง เหนื่อยและท้อมากก..
ผลสรุปจากทางเรา คือประนีประนอมได้ว่า ศาลท่านสั่งให้นายจ้างจ่ายเราจำนวน 1 แสนบาทต่อคน โดยแบ่งเป็น 4 งวด ก็นัดจ่ายกันทุกสิ้นเดือน เดือนละ 25000 บาท เราก็โอเค ยอมให้เค้าผ่อน งวดแรกเมื่อเดือนก่อน(30 ก.ย. ) ทางนายจ้างก็จ่ายมา 25000 แต่ก็เลทไปจนวันที่2 ต้องโทรตาม โทรทวงกันจนเหนื่อย แต่แล้ว งวดที่2 ตามกำหนดต้องจ่าย 31 ต.ค. แต่ก็ยังเงียบอีก ไม่โทรหา ไม่ติดต่อมาเลย เรารอจนวันที่1 เราก็โทรไปทวงกับทางทนาย ก็ไม่ได้คำตอบ
วันที่ 2 เราก็ทวงถามกับทั้งทนายและนายจ้าง ทางนายจ้างเลยขอนัดไปจ่ายวันที่ 7 เราก็อืมมม รออีก พอวันที่ 7 ก็เงียบ เราก็โทรไปถามอีก เค้าก็บอกว่าขอเวลาไม่มีกำหนด เราก็เลยว่าไม่ไหวแล้ว สู้คดีมาก็นาน นายจ้างก็เบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก เราเลยกลับไปที่ศาลแรงงานอีก ศาลแรงงานก็ให้เราทำเรื่องขอออกหมายบังคับคดี คือยึดทรัพย์ เอาจริงๆเราคิดว่ามันจะมีบทลงโทษอะไรที่แรงกว่านี้ เพราะผิดคำสั่งศาล เราก็อะ ทำเรื่องจนเสร็จ หวังว่ามันจะดี จะได้จบซะที
ที่นี้เราเลยเอาเอกสารจากศาลไปให้ทางกรมบังคับคดีด้วยตัวเอง เพราะอยากไปสอบถามรายละเอียดด้วย แต่พอเราฟังเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูล บอกตามตรงเราท้อมาก ฟังแล้วก็รู้เลยว่าเราคงต้องเหนื่อยอีกเยอะ คือเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องทำเองขนาดนี้ เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เราต้องไปไล่สืบเองว่ามีทรัพย์อะไร ไปพาณิชย์ ไปขนส่ง ไปกรมที่ดิน ไปสารพัดที่จะต้องไปพอไปได้หลักฐานของทรัพย์มาแล้วก็ต้องกลับมาที่กรมบังคับคดีให้เจ้าหน้าที่พาไปยึดทรัพย์ แต่.......เราต้องเอารถไปขนเองนะ เอาทรัพย์มาเก็บรักษาไว้ที่บ้าน ย้ำว่าต้องรักษาสภาพนะ ห้ามเอาไปใช้ หรือจะฝากเจ้าหน้าที่ไว้ก็ได้ แต่จะรู้ได้ไงว่ามันจะไม่หาย 55 ไปเก็บไว้เองดีที่สุด รอคิวเอาทรัพย์มาขายทอดตลาด เมื่อถึงคิวก็หอบไอ้ทรัพย์นั่นแหละมาวางขาย ขายได้ไม่ได้ไม่รู้ รอจนขายได้ เราแบบเอิ่มมมม เหนื่อยอ่ะ แค่ฟังก็เหนื่อย
เราเลยขับรถไปดูแถวออฟฟิตนายจ้าง สรุปไม่เห็นมีอะไรที่มันพอจะมีให้เรายึดเลยค่ะ (เราลงรูปไม่ได้) ออฟฟิตคือห้องเช่าเล็ก มีคอม1 ตัวเครื่องถ่ายเอกสาร(เช่า) 1 เครื่อง เราแบบเหนื่อยเลยค่ะ ทั้งที่นายจ้างเราเค้ายังใช้ชีวิตหรูหรา เราดูจากในเฟสบุ๊ค เค้ายังไปประมูลภาพวาด ออกงานสังคม ออกรถ BMW (นายจ้างเราเป็นอดีตผู้พิพากษาอาวุโส) แต่ทรัพย์บริษัทไม่มีเลย ไม่มีอะไรเลยสักอย่างค่ะ
สรุปเราต้องทำใจใช่มั้ยคะ เราสู้มากินเวลาเกือบสองปี เราก็คิดว่าจะมีบทลงโทษอะไรที่จะทำให้นายจ้างต้องเข็ด และยอมจ่ายเราดีๆ แต่กลายเป็นว่าพอไม่มีทรัพย์บริษัท นายจ้างก็ลอยคอไปมา ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายอย่างว่าใช่มั้ยคะ เราเลยคิดว่ามันเป็นช่องโหว่สำหรับนายจ้างรึเปล่าคะ นี้เรายังโชคดี มีรถขับไปทำธุระ ไปไหนมาไหนเองได้ แต่เรานึกถึงคนทำงานอย่างตาสีตาสา เค้าจะไปสืบทรัพย์ ไปวิ่งเต้นหาข้อมูลแต่ละที่แต่ละที่ จะลำบากแค่ไหน แล้วยังค่าเดินทางอีกหล่ะ เราเลยคิดว่ามันแย่มากก สรุปเราต้องทำใจ รึยังไงคะ เพราะทรัพย์บริษัทไม่มี เราสามมารถเอาผิดเาอย่างอื่นได้มั้ย?? แจ้งความ?? ฟ้องศาลเพิ่มคดีไหนได้อีก??
ช่วยบอกเราทีค่ะ