สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ไปสัมมนาฟรีกับ Global Dropship ค่ะ
ไปมาเมื่อวันพุธที่ 7 พ.ย. 2561 ที่อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น 15 ที่สนใจไปฟังเพราะต้องการรู้เรื่องการทำธุรกิจเกี่ยวกับ Dropship และต้องการทราบว่ามีผู้ประกอบการรายใดบ้างที่ให้บริการในรูปแบบดังกล่าว เพราะเราตกงาน ไม่มีเงินทุนสต๊อกสินค้า รวมทั้งเขาโฆษณาว่าผู้ที่มาให้ความรู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ หลายท่าน และที่สำคัญสัมมนา "ฟรี" ... เลยตัดสินใจลงทะเบียน และชวนเพื่อนไปด้วย ลงทะเบียนได้ประมาณ 2 ชั่วโมง มีคนโทรมาแนะนำตัวเอง และนัดเวลา สถานที่สัมมนา และบอกขั้นตอนเมื่อไรถึงให้โทรหาเขา เขาจะส่งเจ้าหน้าที่ลงมารับ
เมื่อไปถึงก็ทำตามที่เขาบอกไว้ โทรหาเขา เขาส่งคนมารับ และพาเราเข้าไปคุยในร้านสตาร์บัคก่อน แนะนำตัวเอง และเขาก็ถามประวัติเรา ทำงานอะไร รวมทั้งแนะนำตัวน้อง ๆ เองว่าจบปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีย่านฝั่งธน ทำงานได้เงินเดือนหลายหมื่น แต่พอมาทำธุรกิจ Global Dropship ได้เงินเดือนหลายแสน เลยออกจากงานประจำ มาทำที่นี่เต็มตัว ... เราถามเขาว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่อยู่ในธุรกิจของ Global Dropship ของเขานอกจาก NU Skin (ที่ทราบว่ามี NU Skin เพราะ search หาข้อมูลก่อนไป) น้องมากันสองคน ชาย 1 หญิง 1 ก็มองหน้ากันแล้วตอบอึกอักว่ามีหลายตัว ให้เราลองไปฟังก่อน จากนั้นทำบัตรรายชื่อเราให้เราห้อยคอโดยเก็บเงินมัดจำคนละ 100 สัมมนาเสร็จเอาบัตรมาคืนจะคืนเงินให้
พอถึงเวลาน้องพาขึ้นไปห้องอบรมชั้น 15 ระหว่างรอผู้เข้าฟังสัมมนาท่านอื่น เขาก็เปิดคลิปวิดีโอโน๊ต อุดม ให้ดูเพลิน ๆ ขำ ๆ ... จากนั้นผู้มีประสบการณ์ก็ทยอยกันมาเล่าเรื่องของตนเอง วิทยากรคนแรกเกริ่นนำก่อนว่าเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าอาหารญี่ปุ่นแช่แข็ง ธุรกิจดีมาก ทำ ๆ ไปมีคู่แข่ง ทำให้กำไรลดลง บลา ๆ ๆ และอธิบายต่อว่า
Dropship มีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ
1. ผู้ซื้อ
2. ผู้ขายคนกลาง(คือเรานี่แหละ)
3. ผู้ผลิตสินค้า
ข้อดีของ Dropship คือเราไม่ต้องสต๊อกสินค้าเอง ไม่ต้องเช่าร้านเพราะสามารถขายออนไลน์ได้ ทำงานที่ไหนก็ได้ขอแค่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำงานได้ ไม่ต้องเฝ้าร้าน ลดค่าใช้จ่ายประจำไปเยอะ ฯลฯ ... ตอนนี้วิทยากรคนแรกได้เงินจากทำธุรกิจ NU Skin หลักล้าน OMG!!!
วิทยากรคนที่สอง พูดในลักษณะเดียวกัน และดึงเข้าไปยังผลิตภัณฑ์ของ NU Skin ว่าบริษัทยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีระบบเป็นยังไง มี Super Computer ที่ราคาหลายพันล้าน มีสต๊อกสินค้า 54 ประเทศทั่วโลก ฯลฯ ... คนที่ 3, 4 พูดจูงไปยังผลิตภัณฑ์ NU Skin ว่าดียังไง พูดเรื่อย ๆ จาก 13:00 - 16:00 น.
พอฟังสัมมนาเสร็จวิทยากรให้ไปหาคนที่พาเราขึ้นมา เราก็เดินไปหา นึกว่าจะคืนเงินมัดจำแล้วกลับได้ แต่มิได้เป็นเช่นนั้นค่ะ เขาเรียกหัวหน้าเขามาคุยกับเรา คนนี้เป็นระดับ Diamond ได้เงินเดือนเป็นล้าน เคยทำงานเป็น Engineer ที่บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาก่อน (คนนี้คือคนทำเว็บให้คนลงทะเบียนมาอบรม) ได้เงินเดือนเป็นแสน มีภรรยาทำที่ธนาคารสีเขียว ได้รางวัลมากมาย พร้อมเปิดภาพรางวัลให้พวกเราดู และบอกว่าพอได้เงินเดือนหลักล้านเลยลาออกจากบริษัทคอมพิวเตอร์ยักใหญ่ทั้งสองคน และมาทำ NU Skin เต็มตัว จากนั้นเอาครีมมาให้พวกเราทาและเอาเครื่องมือมาขัด ๆ ๆ แล้วให้เปรียบเทียบมือที่ขัดกับไม่ได้ขัด ฯลฯ และบอกว่าให้พวกเราเริ่มธุรกิจโดยลงทุน 49,900 บาท ซื้อชุดอะไรจำไม่ได้แล้ว 1 ชุด ลองไปใช้ก่อนถึงจะสามารถอธิบายสินค้าที่จะขายให้ลูกค้าฟังได้ เราบอกว่าไม่ได้เตรียมเงินมามากขนาดนั้นเพราะเห็นว่าเป็นสัมมนาฟรี เขาบอกว่าใช้บัตรเครดิตก็ได้ โอ้โห เตรียมตัวมาดี มี Solution พร้อมเลย แต่เราไม่เอา ขอไปศึกษาข้อมูลก่อน เขาก็บอกว่าอยากรู้อะไรให้ถามเขาเลย และแนะนำชุดเล็กให้เรา 6,750 ก็ได้ ยังไงวันนี้ให้พวกเราเปิดบิลไปเลยจะได้เริ่มธุรกิจ เราปฏิเสธอย่างเดียว ไม่เอา ๆ ๆ และขอตัวกลับ ... เขายังไม่ยอมแพ้ พาเราไปเดินดูออฟฟิศอันสวยหรูของเขา ที่เต็มไปด้วยโต๊ะกลมที่มีคนอย่างเราอยู่ทุกโต๊ะ และมีคนแบบเขาอธิบายโน้มน้าวจูงใจอยู่ เขาขอบัตรประชาชนเรากับเพื่อนไปถ่ายเอกสาร บอกว่าจะดึงเข้ากลุ่มไลน์ จะแนะนำเรื่องการทำธุรกิจด้วยโซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Line, Google+ ฯลฯ เราก็ให้ไปแต่ขีดเส้นและเขียนกำกับด้วยว่าใช้ทำอะไร พร้อมลงวันที่กำกับ จากนั้นเราขอเงินมัดจำคืน และขอตัวกลับโดยไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไรอีก ง่วงมาก หิวข้าวด้วย
สรุปคือ ขายผลิตภัณฑ์ NU Skin อย่างเดียวเลยค่ะ ...................................
อยากแชร์ประสบการณ์ว่าถ้าจะไปสัมมนาที่นี่ ลักษณะการสัมมนาแบบนี้คุณชอบหรือไม่ ถ้าชอบก็ลองไปฟังดู ถ้าไม่ชอบจะได้ไม่เสียเวลา เสียเงินค่ารถไปฟัง อาจเสียเงินค่าสมัครเพราะโดนกล่อมจนเคลิ้มได้ ยังไงลองพิจารณาดูนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
สัมมนาฟรีกับ Global Dropship คือการไปฟังบรรยาย NU Skin และให้สมัครสมาชิก !!!
ไปมาเมื่อวันพุธที่ 7 พ.ย. 2561 ที่อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น 15 ที่สนใจไปฟังเพราะต้องการรู้เรื่องการทำธุรกิจเกี่ยวกับ Dropship และต้องการทราบว่ามีผู้ประกอบการรายใดบ้างที่ให้บริการในรูปแบบดังกล่าว เพราะเราตกงาน ไม่มีเงินทุนสต๊อกสินค้า รวมทั้งเขาโฆษณาว่าผู้ที่มาให้ความรู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ หลายท่าน และที่สำคัญสัมมนา "ฟรี" ... เลยตัดสินใจลงทะเบียน และชวนเพื่อนไปด้วย ลงทะเบียนได้ประมาณ 2 ชั่วโมง มีคนโทรมาแนะนำตัวเอง และนัดเวลา สถานที่สัมมนา และบอกขั้นตอนเมื่อไรถึงให้โทรหาเขา เขาจะส่งเจ้าหน้าที่ลงมารับ
เมื่อไปถึงก็ทำตามที่เขาบอกไว้ โทรหาเขา เขาส่งคนมารับ และพาเราเข้าไปคุยในร้านสตาร์บัคก่อน แนะนำตัวเอง และเขาก็ถามประวัติเรา ทำงานอะไร รวมทั้งแนะนำตัวน้อง ๆ เองว่าจบปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีย่านฝั่งธน ทำงานได้เงินเดือนหลายหมื่น แต่พอมาทำธุรกิจ Global Dropship ได้เงินเดือนหลายแสน เลยออกจากงานประจำ มาทำที่นี่เต็มตัว ... เราถามเขาว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่อยู่ในธุรกิจของ Global Dropship ของเขานอกจาก NU Skin (ที่ทราบว่ามี NU Skin เพราะ search หาข้อมูลก่อนไป) น้องมากันสองคน ชาย 1 หญิง 1 ก็มองหน้ากันแล้วตอบอึกอักว่ามีหลายตัว ให้เราลองไปฟังก่อน จากนั้นทำบัตรรายชื่อเราให้เราห้อยคอโดยเก็บเงินมัดจำคนละ 100 สัมมนาเสร็จเอาบัตรมาคืนจะคืนเงินให้
พอถึงเวลาน้องพาขึ้นไปห้องอบรมชั้น 15 ระหว่างรอผู้เข้าฟังสัมมนาท่านอื่น เขาก็เปิดคลิปวิดีโอโน๊ต อุดม ให้ดูเพลิน ๆ ขำ ๆ ... จากนั้นผู้มีประสบการณ์ก็ทยอยกันมาเล่าเรื่องของตนเอง วิทยากรคนแรกเกริ่นนำก่อนว่าเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าอาหารญี่ปุ่นแช่แข็ง ธุรกิจดีมาก ทำ ๆ ไปมีคู่แข่ง ทำให้กำไรลดลง บลา ๆ ๆ และอธิบายต่อว่า
Dropship มีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ
1. ผู้ซื้อ
2. ผู้ขายคนกลาง(คือเรานี่แหละ)
3. ผู้ผลิตสินค้า
ข้อดีของ Dropship คือเราไม่ต้องสต๊อกสินค้าเอง ไม่ต้องเช่าร้านเพราะสามารถขายออนไลน์ได้ ทำงานที่ไหนก็ได้ขอแค่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ทำงานได้ ไม่ต้องเฝ้าร้าน ลดค่าใช้จ่ายประจำไปเยอะ ฯลฯ ... ตอนนี้วิทยากรคนแรกได้เงินจากทำธุรกิจ NU Skin หลักล้าน OMG!!!
วิทยากรคนที่สอง พูดในลักษณะเดียวกัน และดึงเข้าไปยังผลิตภัณฑ์ของ NU Skin ว่าบริษัทยิ่งใหญ่ขนาดไหน มีระบบเป็นยังไง มี Super Computer ที่ราคาหลายพันล้าน มีสต๊อกสินค้า 54 ประเทศทั่วโลก ฯลฯ ... คนที่ 3, 4 พูดจูงไปยังผลิตภัณฑ์ NU Skin ว่าดียังไง พูดเรื่อย ๆ จาก 13:00 - 16:00 น.
พอฟังสัมมนาเสร็จวิทยากรให้ไปหาคนที่พาเราขึ้นมา เราก็เดินไปหา นึกว่าจะคืนเงินมัดจำแล้วกลับได้ แต่มิได้เป็นเช่นนั้นค่ะ เขาเรียกหัวหน้าเขามาคุยกับเรา คนนี้เป็นระดับ Diamond ได้เงินเดือนเป็นล้าน เคยทำงานเป็น Engineer ที่บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาก่อน (คนนี้คือคนทำเว็บให้คนลงทะเบียนมาอบรม) ได้เงินเดือนเป็นแสน มีภรรยาทำที่ธนาคารสีเขียว ได้รางวัลมากมาย พร้อมเปิดภาพรางวัลให้พวกเราดู และบอกว่าพอได้เงินเดือนหลักล้านเลยลาออกจากบริษัทคอมพิวเตอร์ยักใหญ่ทั้งสองคน และมาทำ NU Skin เต็มตัว จากนั้นเอาครีมมาให้พวกเราทาและเอาเครื่องมือมาขัด ๆ ๆ แล้วให้เปรียบเทียบมือที่ขัดกับไม่ได้ขัด ฯลฯ และบอกว่าให้พวกเราเริ่มธุรกิจโดยลงทุน 49,900 บาท ซื้อชุดอะไรจำไม่ได้แล้ว 1 ชุด ลองไปใช้ก่อนถึงจะสามารถอธิบายสินค้าที่จะขายให้ลูกค้าฟังได้ เราบอกว่าไม่ได้เตรียมเงินมามากขนาดนั้นเพราะเห็นว่าเป็นสัมมนาฟรี เขาบอกว่าใช้บัตรเครดิตก็ได้ โอ้โห เตรียมตัวมาดี มี Solution พร้อมเลย แต่เราไม่เอา ขอไปศึกษาข้อมูลก่อน เขาก็บอกว่าอยากรู้อะไรให้ถามเขาเลย และแนะนำชุดเล็กให้เรา 6,750 ก็ได้ ยังไงวันนี้ให้พวกเราเปิดบิลไปเลยจะได้เริ่มธุรกิจ เราปฏิเสธอย่างเดียว ไม่เอา ๆ ๆ และขอตัวกลับ ... เขายังไม่ยอมแพ้ พาเราไปเดินดูออฟฟิศอันสวยหรูของเขา ที่เต็มไปด้วยโต๊ะกลมที่มีคนอย่างเราอยู่ทุกโต๊ะ และมีคนแบบเขาอธิบายโน้มน้าวจูงใจอยู่ เขาขอบัตรประชาชนเรากับเพื่อนไปถ่ายเอกสาร บอกว่าจะดึงเข้ากลุ่มไลน์ จะแนะนำเรื่องการทำธุรกิจด้วยโซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Line, Google+ ฯลฯ เราก็ให้ไปแต่ขีดเส้นและเขียนกำกับด้วยว่าใช้ทำอะไร พร้อมลงวันที่กำกับ จากนั้นเราขอเงินมัดจำคืน และขอตัวกลับโดยไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไรอีก ง่วงมาก หิวข้าวด้วย
สรุปคือ ขายผลิตภัณฑ์ NU Skin อย่างเดียวเลยค่ะ ...................................
อยากแชร์ประสบการณ์ว่าถ้าจะไปสัมมนาที่นี่ ลักษณะการสัมมนาแบบนี้คุณชอบหรือไม่ ถ้าชอบก็ลองไปฟังดู ถ้าไม่ชอบจะได้ไม่เสียเวลา เสียเงินค่ารถไปฟัง อาจเสียเงินค่าสมัครเพราะโดนกล่อมจนเคลิ้มได้ ยังไงลองพิจารณาดูนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ