
ก่อนหน้านี้ทาง J.J. Abrams ได้ออกมาประกาศว่า Overlord เป็นหนึ่งในหนังของจักรวาล Cloverfield แต่ก็มาแก้ตัวทีหลังเมื่อคำวิจารณ์ของ The Cloverfield Paradox ออกมาไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจักรวาล Cloverfield ทั้งนั้น พอได้ยินตอนนั้นก็ถึงกับอุทานเลยครับว่า "คุณ หลอก ดาว!" แต่พอได้ไปสัมผัสมาก็อุทานคำว่า "คุณ หลอก ดาว!" ออกมาอีกครั้ง อุทานเฮือกใหญ่ด้วย

เรื่องย่อ
เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงช่วงเวลายกพลขึ้นบก ทีมทหารพลร่มอเมริกัน กระโดดร่มลงสู่พื้นในฝรั่งเศสที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของนาซี เพื่อปฏิบัติภารกิจที่สำคัญต่อความสำเร็จในการรุกเข้าสู่เขตศัตรู กับภารกิจการทำลายเครื่องส่งคลื่นวิทยุที่อยู่เหนือโบสถ์ที่แข็งแกร่งดั่งป้อมปราการ กลุ่มทหารที่สิ้นหวังผนึกกำลังกับชาวบ้านชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง เพื่อเจาะผ่านกำแพงและทลายหอคอย แต่ในห้องทดลองลับของพวกนาซีที่อยู่ใต้โบสถ์แห่งนี้ ทหารจีไอที่มีจำนวนเพียงน้อยนิดต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ผมจะขอรีวิวแบบเป็นกลางนะครับ ไม่เอาสิ่งที่ผมขัดใจจากอีตา J.J. เข้ามาในรีวิวนี้ ฉะนั้นเราจะมองข้ามความโกรธส่วนตัวของผมออกไปก่อนครับ มาพูดถึงตัวหนังกันแบบเพียวๆ กันก่อน
หนังเข้าขั้นมันส์เต็มสูบครับ ถ้าขีดความมันส์มี 100 ผมว่าเรื่องนี้มันส์ปรอทแตกเลยล่ะ มันสนุกโดยที่เป็นตัวของมันเองครับ ไม่พยายามจะแหวกแนวไปไหนจนถึงตอนจบ มันทำให้หนังดูเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่ผมคาดไว้ หนังมีส่วนคล้าย Saving Private Ryan อยู่เยอะเลยครับ ขนาดฉากเปิดเรื่อง (ที่เห็นในตัวอย่าง) ยังคล้ายกันเลย ตอนแรกผมก็กังวลครับว่ามันจะซ้ำมั้ยเนี่ย แต่พอหลังจากฉากนั้นมา ตัวหนังก็เข้าสู่โหมดจริงจังทันทีครับ หนังฉายภาพของสภาพสงครามในตอนนั้นได้เรียลมากๆ (แนะนำคนที่ยังไม่ดูให้ไปดูแบบ IMAX จะได้มันส์ปรอทแตกx2) งานซีจีสุดยอดครับ ทำได้ดีมากๆ ทางด้านเสียงนี่ก็กระหึ่มจริงๆ แค่ 10 นาทีแรกหนังก็ทำให้เราบันเทิงเต็มสูบแล้วครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ครึ่งเรื่องหลัง นั่นคือพาร์ท "Zombie Apocalypse"

พาร์ทที่แล้วมันส์ขนาดไหน พาร์ทนี้ยิ่งมันส์กว่าครับ มันส์ปรอทแตกสองอันเลย ทางด้านความระทึกก็จัดว่าเวิร์คเลยล่ะ แค่ฉากที่พระเอกเดินดูห้องทดลองของนาซีนี่ความระทึกนี่ก็สุดๆ แล้วล่ะ ปกติผมจะไม่ค่อยรู้สึกแบบนี้กับหนังซอมบี้ครับ อย่าง World War Z รึว่า Train to Busan ที่คนเขาว่าดีกันทั่วประเทศ ผมดูแล้วยังไม่ค่อยแฮปปี้เลย ที่โอเคสุดสำหรับผมก็คงจะเป็น Dawn of the Dead ของอีตา Zack Snyder ครับ ถึงแม้ในฐานะหนังซอมบี้มันอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองอะไรมาก แต่บทมันมันเขียนขึ้นมาสะท้อนจิตใจอันดำมืดของมนุษย์ได้ดีครับ ขอบอกเลยเรื่องนั้นทำเอาผมกลัว "คน" มากกว่า "ผีดิบ" ซะอีก พอมาเรื่องนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยประทับใจบทของตัวละครซักเท่าไหร่ เพราะแต่ละตัวแทบจะเบาบางมากครับ เรารู้เรื่องราวของแต่ละตัวละครน้อยสุดๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจากหนังเรื่องนี้ครับ (อ่าว! แล้วบ่นเพื่อ?) สิ่งที่ผมต้องการจะเห็นจากหนังเรื่องนี้ก็คือ "คน vs. ซอมบี้" แล้วหนังก็จัดให้เต็มๆ ครับ ถึงแม้เราจะไม่ได้เห็นซอมบี้เยอะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหามากครับ เพราะอย่างนี้แหละบรรยากาศหนังถึงไม่น่าไว้วางใจ ถ้ามันมาเป็นฝูงเราพอรู้ตัวทันครับ แต่เรื่องนี้มันมาแบบเดี๋ยวๆ มาแบบไม่ทันได้สังเกตุเห็นครับ ฉะนั้นถ้าหนังมันเงียบ มันหลอนมากครับ นี่แหละคือไม้เด็ดของหนังเรื่องนี้ เพราะ "บรรยากาศกับความมันส์สุดติ่ง" ของมัน ไม่เคยมีหนังเรื่องไหนทำได้ขนาดนี้มาก่อนครับ

สรุป
๏ หนังมันส์มาก มันปรอทแตก
๏ ใครชอบหนังสงคราม ต้องดู
๏ ใครชอบหนังซอมบี้แบบเรียลๆ ต้องดู
๏ ด้านความบันเทิง หนังทำได้สุดมาก
๏ หนังอาจจะไม่ได้เพอร์เฟคไปซะทุกด้าน แต่มันส์...มันส์สุดๆ
ดูตั๋วราคาเต็มเลย ดู IMAX ได้ยิ่งดี

*แก้ไขคำผิด (ปรอท)
[CR] ##REVIEW## Overlord (2018) ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด | รีวิวฉบับเป็นกลาง ไม่มีความแค้นส่วนตัว [ไร้ส้มป่อย]
เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงช่วงเวลายกพลขึ้นบก ทีมทหารพลร่มอเมริกัน กระโดดร่มลงสู่พื้นในฝรั่งเศสที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของนาซี เพื่อปฏิบัติภารกิจที่สำคัญต่อความสำเร็จในการรุกเข้าสู่เขตศัตรู กับภารกิจการทำลายเครื่องส่งคลื่นวิทยุที่อยู่เหนือโบสถ์ที่แข็งแกร่งดั่งป้อมปราการ กลุ่มทหารที่สิ้นหวังผนึกกำลังกับชาวบ้านชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง เพื่อเจาะผ่านกำแพงและทลายหอคอย แต่ในห้องทดลองลับของพวกนาซีที่อยู่ใต้โบสถ์แห่งนี้ ทหารจีไอที่มีจำนวนเพียงน้อยนิดต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน
หนังเข้าขั้นมันส์เต็มสูบครับ ถ้าขีดความมันส์มี 100 ผมว่าเรื่องนี้มันส์ปรอทแตกเลยล่ะ มันสนุกโดยที่เป็นตัวของมันเองครับ ไม่พยายามจะแหวกแนวไปไหนจนถึงตอนจบ มันทำให้หนังดูเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่ผมคาดไว้ หนังมีส่วนคล้าย Saving Private Ryan อยู่เยอะเลยครับ ขนาดฉากเปิดเรื่อง (ที่เห็นในตัวอย่าง) ยังคล้ายกันเลย ตอนแรกผมก็กังวลครับว่ามันจะซ้ำมั้ยเนี่ย แต่พอหลังจากฉากนั้นมา ตัวหนังก็เข้าสู่โหมดจริงจังทันทีครับ หนังฉายภาพของสภาพสงครามในตอนนั้นได้เรียลมากๆ (แนะนำคนที่ยังไม่ดูให้ไปดูแบบ IMAX จะได้มันส์ปรอทแตกx2) งานซีจีสุดยอดครับ ทำได้ดีมากๆ ทางด้านเสียงนี่ก็กระหึ่มจริงๆ แค่ 10 นาทีแรกหนังก็ทำให้เราบันเทิงเต็มสูบแล้วครับ ก่อนที่จะเข้าสู่ครึ่งเรื่องหลัง นั่นคือพาร์ท "Zombie Apocalypse"
๏ หนังมันส์มาก มันปรอทแตก
๏ ใครชอบหนังสงคราม ต้องดู
๏ ใครชอบหนังซอมบี้แบบเรียลๆ ต้องดู
๏ ด้านความบันเทิง หนังทำได้สุดมาก
๏ หนังอาจจะไม่ได้เพอร์เฟคไปซะทุกด้าน แต่มันส์...มันส์สุดๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้