[CR] นั่งรถไฟไปราชบุรี ตดอีกทีไปเขากระโจม


ปล.นี่เป็นกระทู้แรกของผมผิดพลาดยังไงขอโทษด้วยนะครับ^^

27-28.10/2018

5.00น.
นาฬิกาปลุก ปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาจากการนอน อาบน้ำ และเตรียมตัวออกจากบ้าน เราเดินทางออกจากบ้านพร้อมกับแม่ที่กำลังจะออกไปทำงาน รถวิ่งบนถนนไปเรื่อยๆ แสงอ่อนๆเริ่มโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า

6.15น.
หลังจากฝ่าถนนขาเข้ากรุงเทพทางปิ่นเกล้าที่ยังไม่ค่อยแออัดเท่าไหร่ในเวลา6โมงเช้า ผมก็มาถึง “ สถานีรถไฟธนบุรี “ ในหัวก็เริ่มคิดว่า “ คิดดีแล้วใช่มั้ยเนี่ยที่จะไป “ แต่ก็นะครับ ฝันไว้มันก็ต้องไปให้ถึงจริงมั้ย หลังจากหยิบกระเป๋าเป้ที่ใส่สื้อผ้ามาสองสามชุด และ ที่ขาดไม่ได้กล้องคู่บุญของเรา และ ขาตั้งกล้องที่(ยืมเพื่อนมา)555 ลงจากรถแล้วเดินไปที่ห้องขายตั๋วของสถานีจะเจอพนักงานขายตั๋ว จากนั้นก็บอกจุดหมายปลายทางของเราไปครับ
“ ไปราชบุรี 2 คนครับ “
จุดหมายของเราในวันนี้คือเขากระโจม จังหวัดราชบุรีที่ผมฝันมานานแล้วว่าซักวันนึงจะต้องไปที่นั่นให้ได้
พนักงานก็ทำการพิมพ์ตั๋วต้อกแต๊กๆๆๆไม่นานเราก็ได้ตั๋วมา
ในราคา 22฿/คน!!! อมก ถูกไปไหน
รถไฟที่เราจะนั่งไปคือขบวน ธนบุรี-หลังสวน ครับเป็นรถไฟลงใต้ที่ออกจากธนบุรีเช้าที่สุดครับ
ผมเดินมานั่งบริเวณชานชลา เพื่อรอเพื่อนร่วมทริปอีกคนที่ยังมาไม่ถึง แสงแดดอ่อนๆที่ตกกระทบกับตู้โดยสารทำให้ขบวนรถที่สะท้อนกับแสงแดดดูสวยไปอีกแบบ



6.30น.
เพื่อนร่วมทริปของเราก็มาถึงครับ เราตัดสินใจเดินหาของกินรองท้องรอบๆสถานีแล้วก็มาเจอกับโจ๊กร้านนี้ที่แม่ของผมแนะนำมาว่า อร่อย!! จงไปกินซะ!! ผมสั่งโจ๊กใส่ไข่ทุกอย่างพิเศษมา1ชามครับ ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่เยอะเท่าไหร่หรอกมั้ง
ภาพตัด เข้!!!!แทบล้นชามอ่ะครับ โอ้ก้อดทำไมแถวโรงเรียนไม่มีร้านแบบนี้เลย ส่วนเพื่อนผมสั่งอะไรก็ไม่รู้ครับไม่ได้ถ่าย เพราะมันแต่โซ้ยโจ๊ก มันอร่อยจริงๆนะ
กินโจ๊กจนอิ่มเราก็เดินกลับมานั่งรอเวลารถออกที่สถานี แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ซักพักเราเห็นคนเริ่มทยอยขึ้นรถเราก็รีบขึ้นไปหาที่นั่งบนขบวน แนะนำให้นั่งฝั่งขวานะครับ เพราะจะได้เห็นวิวกับรางรถไฟอีกฝั่งและที่สำคัญ ไม่ โดน แดด!!!!55555
7.30น.
เสียงนายสถานีดังขึ้น
“ ขณะนี้ได้เวลาปล่อยขบวนรถธรรมดาที่ 255 ต้นทางธนบุรี-ปลายทางหลังสวน ออกจากสถานี... “
รถเคลื่อนตัวออกจากสถานีช้าๆ ลมเย็นๆในตอนเช้าเริ่มพัดเข้ามา เนื่องจากเป็นสันเสาร์ตอนเช้าทำให้คนยังไม่เริ่มออกมาขับรถหรือเดินทางมากนัก ทำให้อากาศยังดีอยู่ รถขบวนที่เรานั่งเป็นรถหวานเย็นครับ เรียกได้ว่าจอดทุกสถานี5555 กว่าจะถึงปลายทางก็ยาวๆ ระหว่างทางก็จะมีทั้งน้ำ หรือของว่างขึ้นมาขายข้างบนครับ
ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึงสถานีนครปฐม ที่สถานีนี้มีผู้คนขึ้นและลงเป็นจำนวนมาก คงเพราะเนื่องจากเป็นวันเสาร์อาทิตย์และรถขบวนนี้ก็ยังผ่านที่ท่องเที่ยวอย่าง ชะอำ หัวหิน บ้านกรูด
ระหว่างทางรถขบวนของเราต้องเข้ารางหลีกเรื่อยๆเนื่องจากยังเป็นทางเดี่ยวอยู่ และด้วยศักดิ์ของรถที่เป็นรถธรรมดาทจึงต้องเข้าหลีกเพื่อให้ รถเร็ว รถด่วนรถด่วนพิเศษ ที่ศักดิ์สูงกว่าได้ไปก่อนครับ
หลังจากรอมากซักพักรถออกวิ่งอีกครั้งจนมาถึง สถานีชุมทางหนองปลาดุก เราก็โดนให้เข้ารางหลีกอีกแล้วครับ!!!
สถานีนี้เป็นจุดแยกระหว่างทางรถไฟสามสายด้วยกันคือ สายใต้ สายกาญจนบุรี และ สุพรรณบุรี ครับ
และที่นี่ก็ยังมีซิกเนเจอร์อีกอย่างคือ ข้าวแกง!!! นั่นเองงงงงงง กระทงละ10฿เท่านั้นครับ
คุณป้าจะเดินขึ้นมาขายบนขบวนรถในช่วง โพรงมะเดื่อ - หนองปลาดุก หรือ บางครั้งก็ถึงบ้านโป่งครับ จะมี 3 อย่างด้วยกัน คือ พะแนงหมู/เนื้อ เขียวหวานไก่ และ พะโล้ อร่อยมากครับคอนเฟิร์มกินตั้งแต่ยังต้องให้แม่อุ้มขึ้นรถไฟ555 รถเคลื่อนออกจากสถานีอีกครั้งหลังจากรอหลีกกับรถขบวนอื่น ลมเย็นๆพร้อมกลิ่น...ขี้วัว!!! เริ่มพัดเข้ามาตามหน้าต่าง5555
และเราก็มาถึงสถานีราชบุรีครับ หลังจากนั้นเราก็เดินไปหาคุณพ่อครับ

สำหรับทริปนี้ได้รับการสนับสนุนโดย พ่อ!!!! ใช่ครับทริปนี้อุปการะโดยคุณพ่อของเรา ไม่งั้นคงไม่ได้มาซะที5555
หลังจากนี้เราจะเดินทางด้วยรถไปจนถึงทางขึ้นเขากระโจมครับ คุณพ่อจะไปส่งเราตรงทางขึ้นเขาครับ
ระหว่างทางจะมีปั้มและร้านค้าต่างๆอยู่เรื่อยๆครับ เราก็ต้องแวะหาของรองท้องกันซะหน่อย ก่อนที่จะได้กินข้าวเที่ยง นี่ หละวิถีคนอ้วนที่แท้ทรู
ประมาณ 15นาทีเราก็มาถึงร้านที่พ่อเคยพาแม่มากินและแม่ก็ย้ำนักย้ำหนาว่ายังไงก็ต้องมาให้ได้ คือร้าน “ครัวม่อนไข่” ครับ ร้านหาไม่ยากครับสามารถหาใน google map ได้เลย หรือจะสังเกตุป้ายข้างทางก็ได้ครับ ป้ายชัดเจนมองเห็นง่าย เดินเข้ามาในร้านบรรยากาศดีพอสมควรเลยครับ ร้านไม่ทึบจนเกินไป
เมนูที่ ต้องสั่งนะครับ คือ ไข่เจียวซาลาเปาครับ อร่อยมาก
เราออกเดินทางกันต่อครับจนมาถึงทางขึ้นเขากระโจมครับ ก็มาเจอกับเจ้าตัวนี้ยืนยิ้มไม่สนใจรถข้างหลังเลยสักนิด5555
พี่ๆตรงด่านบอกว่ารถคันที่เราจะขึ้นไปด้วยขึ้นไปก่อนแล้วครับเมื่อ5นาทีที่แล้ว อ้าว!!!!ทำไงล่ะทีนี้อมยิ้ม24
พี่ๆน้าๆเขาก็บอกว่าให้ไปนั่งรอก่อนครับแล้วค่อยเกาะรถของกลุ่มออฟโรดที่นะขึ้นไป
**ทางขึ้นเขากระโจมถ้าใครไม่มีประสบการณ์ หรือ รถไม่ใช่4wd แนะนำให้เช่ารถขึ้นนะครับ ถ้าขึ้นแล้วลงเลยประมาณ 1,500บาท ส่วนค้างคืน ประมาณ 2,500บาท ครับ หรือถ้าพักกับรีสอร์ทก็สามาถติดต่อสอบถามกับทางรีสอร์ทได้เลยครับ
และนี่คืออาวุธสำคัญในการเดินป่าครั้งนี้!!!!! ซอฟเฟลนั่นเองครับ เพราะการขึ้นเขาในครั้งนี้อาจจะมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่พึงประสงค์เกาะติดเราขึ้นไปที่ยอดเขาด้วยก็เป็นได้
รอซักพักก็มีกลุ่มออฟโร้ดที่กำลังจะขึ้นไปครับ เราก็ขอเกาะเป็นปลิงขึ้นไปด้วย ทางช่วงแรกไม่ขรุขระมาก และ ยังชิวๆครับช่วงนี้
นี่ยังเป็นออร์เดิร์ฟครับ เบาะๆ
**กลุ่มพี่ๆออฟโรดที่ให้เราติดรถขึ้นมาด้วยครับ
ไม่นานนักจากถนนลาดยางก็เริ่มมีร่อยรอยของการทรุด การถูกน้ำกัดเซาะ ทำให้เกิดเป็นร่อง มีตั้งแต่ร่องขนาดเล็กๆไปจนถึงร่องใหญ่ๆชนิดที่ว่าหล่นไปต้องใช้รถอีกคันช่วยดึงกันเลยทีเดียวครับ
ระหว่างทางก็ยังมีมอเตอร์ไซค์และคนที่มาเดินเขาสวนทางมาเป็นระยะๆครับ
รถไต่ขึ้นเขามาไม่เกิน15นาทีเราก็มาถึงcheckpointแรกครับ คือ จุดชมวิวเขาคอด จุดนี้จะสามารถมองเห็นหมู่บ้านต่างๆด้านล่างได้ครับ ลมเย็นๆกับอากาศที่ไม่มีมลพิษทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากการเดินทางในช่วงเช้ามากขึ้น
**เราไม่แน่ใจว่าข้างล่างเรียกว่าอะไรนะครับแต่น่าจะเป็นบ้านผาปก ในเขตอำเภอสวนผึ้งครับ



ไหนๆก็ติดรถพี่ๆเขาขึ้นมาแล้วก็เลยอาสาเป็นช่างภาพชั่วคราวให้พวกพี่ๆเขาซะเลยครับ555555
ก่อนออกเดินทางต่อก็ไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาคอดเอาฤกษ์เอาชัยกันซะหน่อยก่อนออกเดินทางกันต่อครับ
ทางในช่วงนี้จะโหดและหินมากขึ้นครับ
เส้นทางจะลัดเลาะไปตามภูเขาครับ ที่บอกว่าทางจะหินขึ้นคือหินจริงๆนะครับ หินล้วนๆเลย!!!
พอลงจากยอดเขาสภาพป่าและทางก็เริ่มชื้นขึ้นเรื่อยๆครับ และจะมีแอ่งน้ำขังตลอดเส้นทาง
ไม่เกินอึดใจเราก็ลงมาถึงที่ราบครับข้างหน้าของเราคือด่านตรวจดาวเรือง รถทุกคันจะต้องวิ่งผ่านจุดนี้ก่อนขึ้นเขากระโจมครับ
เรียกได้ว่าเป็นอีก checkpointที่จะตายกันได้ง่ายๆเลยครับ เพราะรถทุกคันจะต้องวิ่งผ่านทางน้ำไหลครับ เมื่อก่อนระดับน้ำจะสูงกว่านี้ทำให้น้ำสามารถเข้าไปท่วมในพื้นหรือห้องเครื่องของรถ และอาจทำให้รถดับกลางน้ำได้ครับ พี่ๆตชด. เขาเลยขุดช่องให้น้ำระบายออกทางด้านข้างเพื่อให้น้ำลดลงเล็กน้อยเพือรถที่ไม่ได้ยกสูงมากจะได้ผ่านได้ครับ  
พอเลยจากจุดนี้มา่จะมีทางแยกครับว่าจะไปทางธรรมดา หรือ เนิน1000 สำหรับพวกบ้าพลังครับ ซึ่งแน่นอนครับว่าพวกพี่เขาเลือกเนิน1000ครับ สำหรับออฟโรดถ้ามาขึ้นเขากระโจมแล้วไม่มาขึ้นทางนี้ ถือว่ามาไม่ถึง!!!
ขึ้นมาได้ซักพักก็เกิดเหตุการขึ้นครับ คือรถคันนึงในกลุ่มพี่เขาตกร่องครับ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อยมากสำหรับเนิน1000ครับ
ทางช่วงนี้เรียกได้ว่ายาวมากใครอ่านไลน์ของทางไม่ดีเตรียมตกร่องได้เลยครับ หลังจากพ้นเนิน 1000 มาบรรยากาศ2ข้างทางสวยมากเลยครับเป็นต้นไม้ที่ไม่สูงมากบวกกับลมเย็นๆ แต่แดดไม่เย็น!!!
*เดี๋ยวมาต่อนะคับบบ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่