เคยหยิบหนังสือเล่มเดิมมาอ่านซ้ำมากสุดกี่ครั้งกันบ้างคะ
ตอนนี้เราพึ่งอ่านหนังสือเล่มนึงจบไปสดๆร้อนๆเลยเป็นครั้งที่สามแล้วอ่านจบไปพร้อมกับการตั้งคำถามว่า
ทำไมทุกครั้งที่อ่านก็ยังรู้สึกประทับใจวะ?
บอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนอ่านหนังสืออยู่แล้วแต่ไม่ได้อ่านทุกแนวหรอกทุกครั้งก่อนที่เราจะอ่านหนังสือเราจะตั้งคำถามว่าอ่านเล่มนี้จบจะได้อะไรต้องตอบตัวเองได้นะ เพราะงั้นหนังสือแนวที่เราชอบอ่านโดยมากคือแนวจิตวิทยา หรือถ้าเป็นนิยายเราก็ชอบอ่านนิยายสืบสวนทำนองนั้น ส่วนหนังสือประเภทที่นักเขียนมาเล่าสู่กันฟังการเดินทางไปที่นู่นที่นี่เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่
แต่หนังสือ ROUTE 13 ที่เราจะมาเล่าวันนี้แตกต่างออกไป...
คือเราไม่รู้ว่ามีใครเคยอ่านหนังสือเรื่อง
ROUTE 13ของนามปากกาชี้ดาบบ้างมั้ยแต่เพราะหนังสือเล่มนี้มันให้อะไรเราหลายอย่างเหมือนกันรู้สึกดีใจที่เปิดใจซื้อมาอ่านT_T
กระทู้นี้เราจะขอแบ่งย่อยเป็นสามส่วนนะคะส่วนเรื่องย่อของหนังสือ ภาษาของนักเขียน และความรู้สึกหลังอ่าน
เรื่องย่อ:มันเป็นเรื่องราวของผู้ชายสองคนที่ไม่รู้จักกันแต่ไปๆมาๆดันต้องซ้อนท้ายทริปมอเตอร์ไซค์กันข้ามทวีป จากนิวยอร์คไปซานฟรานซิสโกถ้าใครรู้ความไกลตอนนี้คงกำลังงงว่าเฮ้ยมันมีคนทำแบบนี้จริงๆหรอแล้วทำสำเร็จด้วยหรอ แต่คนที่ไม่รู้ว่ามันไกลซักแค่ไหนลองคิดตามจากระยะทางที่นักเขียนเคลมไว้ก็ เหมือนจากไทยไปรัสเซีย...ซึ่งพออ่านไปจะรู้เลยว่าทริปนี้ไม่ได้เท่ ไม่ได้น่าอิจฉา ไม่เลยมันไม่น่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแต่มันดันเกิดขึ้นจริงแค่นั้นเอง55555555
ภาษาของนักเขียน: สำหรับเรารวมๆแล้วมันคือความตลกร้ายขำแบบหึๆๆปนฮ่าๆๆไปตลอดทั้งเล่ม ภาษาของนามปากกาชี้ดาบจะเป็นสำนวนการเล่าเรื่องที่เป็นกันเองเรารู้สึกว่ามันย่อยง่าย ยังไงดี..มันเหมือนเพื่อนสนิทเรามันไปเจอเรื่องนู้นเรื่องนี้มาใช่ปะแล้วมันมาเล่าให้เราฟังแบบโคตรออกรสออกชาติเลยอะ จังหวะการตบมุกหรือการเล่าเรื่องแม่*ฮา บทจะเล่าถึงความอึดอัดก็อึดอัดมาก บทที่นักเขียนตัดพ้อหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจมันทำให้เราอยากจะเข้าไปปลอบข้างๆอารมณ์แบบว่าเอาหน่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปรีบลุกขึ้นมาเดินทางแล้วเล่าเรื่องตลกๆให้ฟังต่ออีกดิวะแบบนั้น
ความรู้สึกหลังอ่าน:ตอนแรกเราไม่อินกับอะไรแบบนี้เว้ยแต่นามปากกานี้ทำให้หนังสือROUTE 13กลายมาเป็นหนังสือเล่มโปรดของเรามันอาจจะดูเวอร์ที่เรารู้สึกกับหนังสือเล่มนี้มากขนาดนี้แต่คงเป็นเพราะส่วนนึงตอนนั้นชีวิตเราก็กำลังเจออะไรหนักๆอยู่เหมือนกันเราใช้ชีวิตอยู่กับความกลัว วนเป็นlooper ใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมาย วันๆนึงคิดแต่หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ?แล้วบังเอิญมีหลายพาร์ทในหนังสือเล่มนี้ที่นักเขียนสื่ออกมาว่าเค้าก็กำลังรู้สึกแบบที่เรารู้สึกมันยิ่งทำให้เหมือนเจอเพื่อน แค่ว่าเพื่อนใหม่คนเนี้ย..บ้ามากที่เลือกที่จะทำอะไรแบบนั้น ในขณะที่คนมันสับสนกับชีวิตตัวเองอะมันไม่ง่ายนะไม่ง่ายเลยจริงๆที่จะดึงตัวเองหรือลุกขึ้นออกมาจากจุดนั้นได้ ดังนั้นเนี้ยคำถามที่เราถามตัวเองไว้ก่อนอ่านว่าถ้าอ่านจบจะได้อะไร พออ่านจบ..
เราได้แรงบันดาลใจเรารู้สึกว่าเราอินกับตัวของหนังสือและเราอยากลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างบ้างไม่ใช่ปล่อยตัวเองดาวน์ไปเรื่อยๆไม่มีเป้าหมายวันๆเอาแต่ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ไม่ยอมลุกขึ้นมาหาคำตอบเลยมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
(แต่เราคงไม่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามทวีปหรือไปขอนอนวัดแน่ๆ55555)
ปล.ขอบคุณไปถึงทีมงานและนักเขียนนะคะที่ทำหนังสือดีๆออกมาตอนอ่านเหมือนได้เกาะล้อไปเที่ยวด้วยเลยจะติดตามต่อไปนะคะ
และขอบคุณที่อ่านจนจบกันน้ายังไงมาคุยกันด้วยนะว่าเคยอ่านของชี้ดาบกันบ้างมั้ยแล้วชอบเล่มไหนที่สุดกันบ้าง มีหนังสืออะไรแนะนำจะเป็นของนามปากกาอื่นก็ได้ หรือใครไม่เคยอ่านของชี้ดาบลองหาอ่านดูนะเราอยากให้อ่านจริงๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นของจะดีไม่ดีมันต้องดูกันที่ภาคสองว่าจะล่มไม่ล่มจะล้มมาตรฐานเล่มหนึ่งได้มั้ย
ซึ่งเมื่องานหนังสือครั้งล่าสุดเราไปสอย
ROUTE 13 Part twoมาเรียบร้อยอ่านจบแล้วด้วยจ้า ไว้เจอกันกระทู้ต่อไปนะคะ
(รีวิวหนังสือROUTE13 Part one) คนบ้า2คน ระยะทาง7,000ไมล์กับมอเตอร์ไซค์1คัน
ตอนนี้เราพึ่งอ่านหนังสือเล่มนึงจบไปสดๆร้อนๆเลยเป็นครั้งที่สามแล้วอ่านจบไปพร้อมกับการตั้งคำถามว่า
ทำไมทุกครั้งที่อ่านก็ยังรู้สึกประทับใจวะ?
บอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนอ่านหนังสืออยู่แล้วแต่ไม่ได้อ่านทุกแนวหรอกทุกครั้งก่อนที่เราจะอ่านหนังสือเราจะตั้งคำถามว่าอ่านเล่มนี้จบจะได้อะไรต้องตอบตัวเองได้นะ เพราะงั้นหนังสือแนวที่เราชอบอ่านโดยมากคือแนวจิตวิทยา หรือถ้าเป็นนิยายเราก็ชอบอ่านนิยายสืบสวนทำนองนั้น ส่วนหนังสือประเภทที่นักเขียนมาเล่าสู่กันฟังการเดินทางไปที่นู่นที่นี่เราไม่ค่อยอินเท่าไหร่
แต่หนังสือ ROUTE 13 ที่เราจะมาเล่าวันนี้แตกต่างออกไป...
คือเราไม่รู้ว่ามีใครเคยอ่านหนังสือเรื่องROUTE 13ของนามปากกาชี้ดาบบ้างมั้ยแต่เพราะหนังสือเล่มนี้มันให้อะไรเราหลายอย่างเหมือนกันรู้สึกดีใจที่เปิดใจซื้อมาอ่านT_T
กระทู้นี้เราจะขอแบ่งย่อยเป็นสามส่วนนะคะส่วนเรื่องย่อของหนังสือ ภาษาของนักเขียน และความรู้สึกหลังอ่าน
เรื่องย่อ:มันเป็นเรื่องราวของผู้ชายสองคนที่ไม่รู้จักกันแต่ไปๆมาๆดันต้องซ้อนท้ายทริปมอเตอร์ไซค์กันข้ามทวีป จากนิวยอร์คไปซานฟรานซิสโกถ้าใครรู้ความไกลตอนนี้คงกำลังงงว่าเฮ้ยมันมีคนทำแบบนี้จริงๆหรอแล้วทำสำเร็จด้วยหรอ แต่คนที่ไม่รู้ว่ามันไกลซักแค่ไหนลองคิดตามจากระยะทางที่นักเขียนเคลมไว้ก็ เหมือนจากไทยไปรัสเซีย...ซึ่งพออ่านไปจะรู้เลยว่าทริปนี้ไม่ได้เท่ ไม่ได้น่าอิจฉา ไม่เลยมันไม่น่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแต่มันดันเกิดขึ้นจริงแค่นั้นเอง55555555
ภาษาของนักเขียน: สำหรับเรารวมๆแล้วมันคือความตลกร้ายขำแบบหึๆๆปนฮ่าๆๆไปตลอดทั้งเล่ม ภาษาของนามปากกาชี้ดาบจะเป็นสำนวนการเล่าเรื่องที่เป็นกันเองเรารู้สึกว่ามันย่อยง่าย ยังไงดี..มันเหมือนเพื่อนสนิทเรามันไปเจอเรื่องนู้นเรื่องนี้มาใช่ปะแล้วมันมาเล่าให้เราฟังแบบโคตรออกรสออกชาติเลยอะ จังหวะการตบมุกหรือการเล่าเรื่องแม่*ฮา บทจะเล่าถึงความอึดอัดก็อึดอัดมาก บทที่นักเขียนตัดพ้อหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจมันทำให้เราอยากจะเข้าไปปลอบข้างๆอารมณ์แบบว่าเอาหน่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปรีบลุกขึ้นมาเดินทางแล้วเล่าเรื่องตลกๆให้ฟังต่ออีกดิวะแบบนั้น
ความรู้สึกหลังอ่าน:ตอนแรกเราไม่อินกับอะไรแบบนี้เว้ยแต่นามปากกานี้ทำให้หนังสือROUTE 13กลายมาเป็นหนังสือเล่มโปรดของเรามันอาจจะดูเวอร์ที่เรารู้สึกกับหนังสือเล่มนี้มากขนาดนี้แต่คงเป็นเพราะส่วนนึงตอนนั้นชีวิตเราก็กำลังเจออะไรหนักๆอยู่เหมือนกันเราใช้ชีวิตอยู่กับความกลัว วนเป็นlooper ใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมาย วันๆนึงคิดแต่หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ?แล้วบังเอิญมีหลายพาร์ทในหนังสือเล่มนี้ที่นักเขียนสื่ออกมาว่าเค้าก็กำลังรู้สึกแบบที่เรารู้สึกมันยิ่งทำให้เหมือนเจอเพื่อน แค่ว่าเพื่อนใหม่คนเนี้ย..บ้ามากที่เลือกที่จะทำอะไรแบบนั้น ในขณะที่คนมันสับสนกับชีวิตตัวเองอะมันไม่ง่ายนะไม่ง่ายเลยจริงๆที่จะดึงตัวเองหรือลุกขึ้นออกมาจากจุดนั้นได้ ดังนั้นเนี้ยคำถามที่เราถามตัวเองไว้ก่อนอ่านว่าถ้าอ่านจบจะได้อะไร พออ่านจบ..
เราได้แรงบันดาลใจเรารู้สึกว่าเราอินกับตัวของหนังสือและเราอยากลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างบ้างไม่ใช่ปล่อยตัวเองดาวน์ไปเรื่อยๆไม่มีเป้าหมายวันๆเอาแต่ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ไม่ยอมลุกขึ้นมาหาคำตอบเลยมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
(แต่เราคงไม่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามทวีปหรือไปขอนอนวัดแน่ๆ55555)
ปล.ขอบคุณไปถึงทีมงานและนักเขียนนะคะที่ทำหนังสือดีๆออกมาตอนอ่านเหมือนได้เกาะล้อไปเที่ยวด้วยเลยจะติดตามต่อไปนะคะ
และขอบคุณที่อ่านจนจบกันน้ายังไงมาคุยกันด้วยนะว่าเคยอ่านของชี้ดาบกันบ้างมั้ยแล้วชอบเล่มไหนที่สุดกันบ้าง มีหนังสืออะไรแนะนำจะเป็นของนามปากกาอื่นก็ได้ หรือใครไม่เคยอ่านของชี้ดาบลองหาอ่านดูนะเราอยากให้อ่านจริงๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นของจะดีไม่ดีมันต้องดูกันที่ภาคสองว่าจะล่มไม่ล่มจะล้มมาตรฐานเล่มหนึ่งได้มั้ย
ซึ่งเมื่องานหนังสือครั้งล่าสุดเราไปสอยROUTE 13 Part twoมาเรียบร้อยอ่านจบแล้วด้วยจ้า ไว้เจอกันกระทู้ต่อไปนะคะ