วันนี้ผมมีเรื่องจะมาแชร์ให้ทุกท่านฟังครับ เกี่ยวกับความทุกข์ที่ได้รับจากพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่
เรื่องมีอยู่ว่าผมพักอาศัยที่บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งในหมู่บ้านมณียาวิลล์ ซอยสุขุมวิท 101/1 กับพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 24 ปี อยู่มาวันหนึ่งปี พ.ศ.2559 ข้างบ้านติดกันได้มีการเปลี่ยนเจ้าของบ้านใหม่ และเขาได้มีการโนเวตบ้านทั้งหลังโดยมาแจ้งกับทางบ้านผมด้วยวาจาว่าอาจมีเสียงรบกวนจากการรีโนเวตบ้าน ซึ่งทางบ้านผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเป็นการทำเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป
จากนั้นเจ้าของใหม่ได้ทำการรีโนเวตตั้งแต่ต้นปี2560 และใช้เวลาร่วมปีกว่าจะแล้วเสร็จ โดยสิ่งสุดท้ายที่เค้าทำคือต่อเติมชั้นลอยขึ้นไปอีกชั้นเพื่อทำกรงนก ขออธิบายเพิ่มเติมครับว่าโครงสร้างบ้านเดิมมีสี่ชั้น โดยชั้นสี่เป็นดาดฟ้า แต่ข้างบ้านได้ต่อเติมดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นเป็นชั้นห้าเพื่อทำกรงนก ในช่วงที่เค้าต่อเติมกรงนกผมก็ได้ไปสอบถามกับผู้รับเหมาว่าเจ้าของบ้านต่อเติมชั้นเพิ่มไว้ทำประโยชน์อันใด ก็ได้ทราบว่าเจ้าของจะทำกรงนก เมื่อทราบดังนั้น ที่บ้านเกรงว่าผู้สูงอายุและหลานๆที่บ้าน จะได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งตามที่ทราบกันคือเชื้อโรคเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคต่างๆจากการติดเชื้อทางตรงและทางอ้อม เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, เชื้อราในปอด, ไข้กาฬหลังแอ่น เป็นต้น ผมจึงได้แจ้งกับผู้รับเหมาว่าขอให้ทำกรงแบบปิดเพื่อที่บ้านผมจะได้ไม่รับผลกระทบจากนกที่จะนำมาเลี้ยง แต่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านได้นำแผ่นไม้มาปิดแค่ฝั่งเดียวคือฝั่งที่ติดกับบ้านของผมเท่านั้น ในขณะที่อีก 3 ด้านที่เหลือเป็นกรงเปิดโล่ง
ต่อมาเจ้าของบ้านได้นำนกมาไว้ในกรงตั้งแต่ช่วงต้นปี2561 นับแต่นั้นความทุกข์ของบ้านผมก็เริ่มขึ้น โดยทุกวันจะมีขนนกปลิวเข้ามากองที่บ้านผมและติดตามเสื้อที่ตากไว้เป็นจำนวนมากตลอด ผ่านไปหลายเดือนก็ยิ่งมากขึ้น ตัวผมก็แพ้พวกขนนก ช่วงเช้าตื่นนอนก็มักจะรู้สึกคัดจมูก และเมื่อผมลองมองลอดเข้าไปในกรงนก พบว่าเป็นนกพิราบหลายสิบตัว และกรงที่เค้าต่อเติมไว้ ด้านในยังมีการซอยเป็นกรงเล็กๆอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณสวนข้างบ้านของบ้านหลังนี้ยังมีกรงนกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย
ผ่านไปจนกระทั่งประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมทางบ้านผมซึ่งได้รับผลกระทบได้ไปแจ้งกับทางเจ้าบ้านให้ช่วยแก้ไขเรื่องความเดือดร้อนรำคาญที่บ้านผมได้รับจากการเลี้ยงนกของเค้า ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวว่าขนนกหรืออะไรก็ตามที่บ้านผมได้รับความเดือดร้อนไม่ใช่มาจากนกของเค้า แล้วยังได้กล่าวท้าว่าให้ไปฟ้องเขตได้เลย
หลังจากนั้นผมจึงได้นำเรื่องแจ้งกับ1555 สายด่วนกทม. ซึ่งได้รับเรื่องไว้แล้วประสานไปทางเขตบางนาให้เข้ามาตรวจสอบ ต่อมาทางเขตก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเข้ามาตรวจสอบ ทว่าทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เขตมาไม่เคยได้เจอกับตัวเจ้าของบ้านคนนี้เลย มีหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่เขตบางนามาแจ้งว่ามีคนอยู่ในบ้าน กดกริ่งหรือตะโกนเรียกก็ไม่มีผู้ใดออกมา ทั้งที่ในความเป็นจริงเจ้าตัวก็อยู่ในบ้านขณะนั้นและมีรถจอดอยู่ ทว่าไม่ยินยอมออกมาพบเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการแปะบันทึกไว้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อให้เจ้าของบ้านดำเนินการแก้ไข แต่เจ้าของบ้านก็ดึงบันทึกนั้นทิ้งและไม่ดำเนินการแก้ไขใดๆ
เมื่อทวงถามความคืบหน้าจากเขตอีกครั้งในเดือนตุลาคม เจ้าหน้าที่เขตจึงเข้ามาตรวจสอบและได้เจอตัวเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นไปดูดาดฟ้าที่ต่อเติมเป็นกรงนกได้ เนื่องจากตัวเจ้าของบ้านอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่สามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนของบ้านได้ ทั้งที่ความเป็นจริงตัวเค้าขึ้นไปให้อาหารกับดูนกทุกวัน ที่สำคัญคือบ้านหลังนี้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ตลอดเวลา หลักๆจะมาแค่ดูนก นอกจากนี้เจ้าของบ้านยังได้อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าจะยกนกให้คนอื่นไปเลี้ยง อย่างไรก็ตามจนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เห็นว่าเจ้าของบ้านทำตามที่แจ้งกับเขตเอาไว้
โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมแจ้งกับบ้านผมว่า เจ้าของบ้านอ้างว่าเลี้ยงนกเหล่านี้ไว้เพื่อแก้เหงา ซึ่งเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับแจ้งดังนั้นก็ทำได้เพียงแจ้งกับเจ้าของบ้านที่เลี้ยงนกทางวาจาว่าให้เขาสามารถเลี้ยงนกได้ แต่ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งขัดแย้งกับ พรบ.สาธารณสุข ม.22 ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารจัดการอาคารของตนเองไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้โทษใดๆที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อาศัย โดยไม่มีการดำเนินการใดๆต่อเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเด็ดขาด ในขณะที่พ่อของผมซึ่งอายุเกือบ 70 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านนี้ตลอด และปัจจุบันต้องใช้ยารักษาโรคที่กดภูมิคุ้มกันร่างกายทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อในปอด ต้องหายใจเอาเชื้อโรคที่มาจากขนนกในอากาศ รวมถึงจากขนนกที่ติดมากับเสื้อที่ตากไว้ทุกวันเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ด้านล่างเป็นรูปภาพกรงที่ต่อเติมและผลกระทบต่างๆที่บ้านผมได้รับครับ
ภาพกรงนกที่เจ้าของบ้านต่อเติมขึ้นไปเป็นชั้นที่ 5 ของบ้าน โครงสร้างเดิมเป็นบ้าน 4 ชั้น
ภาพกรงนกอีกส่วนหนึ่งบริเวณข้างบ้าน
ภาพขนนกที่ตกลงมาที่บ้านผม และที่ติดเสื้อที่ตากไว้
ภาพนกที่เลี้ยงไว้ชั้น 4-5 และถ่ายได้จากช่องว่างระหว่างตึก
จุดประสงค์สำคัญที่ผมต้องมาโพสต์เรื่องนี้เนื่องจากผมได้พยายามเจรจากับทางเจ้าของบ้านรวมทั้งแจ้งเขตให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่เวลาล่วงเลยมาเกือบปีทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พอจะมีใครสามารถให้คำแนะนำอะไรได้บ้างครับ เพราะตอนนี้ที่บ้านเป็นทุกข์กับเรื่องนี้จริงๆ
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้ามากๆเลยครับ
*เมื่อเพื่อนบ้านทำบ้านกลางสุขุมวิทเป็นรังนกพิราบ*
เรื่องมีอยู่ว่าผมพักอาศัยที่บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งในหมู่บ้านมณียาวิลล์ ซอยสุขุมวิท 101/1 กับพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 24 ปี อยู่มาวันหนึ่งปี พ.ศ.2559 ข้างบ้านติดกันได้มีการเปลี่ยนเจ้าของบ้านใหม่ และเขาได้มีการโนเวตบ้านทั้งหลังโดยมาแจ้งกับทางบ้านผมด้วยวาจาว่าอาจมีเสียงรบกวนจากการรีโนเวตบ้าน ซึ่งทางบ้านผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเป็นการทำเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป
จากนั้นเจ้าของใหม่ได้ทำการรีโนเวตตั้งแต่ต้นปี2560 และใช้เวลาร่วมปีกว่าจะแล้วเสร็จ โดยสิ่งสุดท้ายที่เค้าทำคือต่อเติมชั้นลอยขึ้นไปอีกชั้นเพื่อทำกรงนก ขออธิบายเพิ่มเติมครับว่าโครงสร้างบ้านเดิมมีสี่ชั้น โดยชั้นสี่เป็นดาดฟ้า แต่ข้างบ้านได้ต่อเติมดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นเป็นชั้นห้าเพื่อทำกรงนก ในช่วงที่เค้าต่อเติมกรงนกผมก็ได้ไปสอบถามกับผู้รับเหมาว่าเจ้าของบ้านต่อเติมชั้นเพิ่มไว้ทำประโยชน์อันใด ก็ได้ทราบว่าเจ้าของจะทำกรงนก เมื่อทราบดังนั้น ที่บ้านเกรงว่าผู้สูงอายุและหลานๆที่บ้าน จะได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งตามที่ทราบกันคือเชื้อโรคเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคต่างๆจากการติดเชื้อทางตรงและทางอ้อม เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, เชื้อราในปอด, ไข้กาฬหลังแอ่น เป็นต้น ผมจึงได้แจ้งกับผู้รับเหมาว่าขอให้ทำกรงแบบปิดเพื่อที่บ้านผมจะได้ไม่รับผลกระทบจากนกที่จะนำมาเลี้ยง แต่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านได้นำแผ่นไม้มาปิดแค่ฝั่งเดียวคือฝั่งที่ติดกับบ้านของผมเท่านั้น ในขณะที่อีก 3 ด้านที่เหลือเป็นกรงเปิดโล่ง
ต่อมาเจ้าของบ้านได้นำนกมาไว้ในกรงตั้งแต่ช่วงต้นปี2561 นับแต่นั้นความทุกข์ของบ้านผมก็เริ่มขึ้น โดยทุกวันจะมีขนนกปลิวเข้ามากองที่บ้านผมและติดตามเสื้อที่ตากไว้เป็นจำนวนมากตลอด ผ่านไปหลายเดือนก็ยิ่งมากขึ้น ตัวผมก็แพ้พวกขนนก ช่วงเช้าตื่นนอนก็มักจะรู้สึกคัดจมูก และเมื่อผมลองมองลอดเข้าไปในกรงนก พบว่าเป็นนกพิราบหลายสิบตัว และกรงที่เค้าต่อเติมไว้ ด้านในยังมีการซอยเป็นกรงเล็กๆอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณสวนข้างบ้านของบ้านหลังนี้ยังมีกรงนกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย
ผ่านไปจนกระทั่งประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมทางบ้านผมซึ่งได้รับผลกระทบได้ไปแจ้งกับทางเจ้าบ้านให้ช่วยแก้ไขเรื่องความเดือดร้อนรำคาญที่บ้านผมได้รับจากการเลี้ยงนกของเค้า ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวว่าขนนกหรืออะไรก็ตามที่บ้านผมได้รับความเดือดร้อนไม่ใช่มาจากนกของเค้า แล้วยังได้กล่าวท้าว่าให้ไปฟ้องเขตได้เลย
หลังจากนั้นผมจึงได้นำเรื่องแจ้งกับ1555 สายด่วนกทม. ซึ่งได้รับเรื่องไว้แล้วประสานไปทางเขตบางนาให้เข้ามาตรวจสอบ ต่อมาทางเขตก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเข้ามาตรวจสอบ ทว่าทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เขตมาไม่เคยได้เจอกับตัวเจ้าของบ้านคนนี้เลย มีหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่เขตบางนามาแจ้งว่ามีคนอยู่ในบ้าน กดกริ่งหรือตะโกนเรียกก็ไม่มีผู้ใดออกมา ทั้งที่ในความเป็นจริงเจ้าตัวก็อยู่ในบ้านขณะนั้นและมีรถจอดอยู่ ทว่าไม่ยินยอมออกมาพบเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการแปะบันทึกไว้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อให้เจ้าของบ้านดำเนินการแก้ไข แต่เจ้าของบ้านก็ดึงบันทึกนั้นทิ้งและไม่ดำเนินการแก้ไขใดๆ
เมื่อทวงถามความคืบหน้าจากเขตอีกครั้งในเดือนตุลาคม เจ้าหน้าที่เขตจึงเข้ามาตรวจสอบและได้เจอตัวเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นไปดูดาดฟ้าที่ต่อเติมเป็นกรงนกได้ เนื่องจากตัวเจ้าของบ้านอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่สามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนของบ้านได้ ทั้งที่ความเป็นจริงตัวเค้าขึ้นไปให้อาหารกับดูนกทุกวัน ที่สำคัญคือบ้านหลังนี้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ตลอดเวลา หลักๆจะมาแค่ดูนก นอกจากนี้เจ้าของบ้านยังได้อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าจะยกนกให้คนอื่นไปเลี้ยง อย่างไรก็ตามจนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เห็นว่าเจ้าของบ้านทำตามที่แจ้งกับเขตเอาไว้
โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมแจ้งกับบ้านผมว่า เจ้าของบ้านอ้างว่าเลี้ยงนกเหล่านี้ไว้เพื่อแก้เหงา ซึ่งเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับแจ้งดังนั้นก็ทำได้เพียงแจ้งกับเจ้าของบ้านที่เลี้ยงนกทางวาจาว่าให้เขาสามารถเลี้ยงนกได้ แต่ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งขัดแย้งกับ พรบ.สาธารณสุข ม.22 ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารจัดการอาคารของตนเองไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้โทษใดๆที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อาศัย โดยไม่มีการดำเนินการใดๆต่อเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเด็ดขาด ในขณะที่พ่อของผมซึ่งอายุเกือบ 70 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านนี้ตลอด และปัจจุบันต้องใช้ยารักษาโรคที่กดภูมิคุ้มกันร่างกายทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อในปอด ต้องหายใจเอาเชื้อโรคที่มาจากขนนกในอากาศ รวมถึงจากขนนกที่ติดมากับเสื้อที่ตากไว้ทุกวันเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ด้านล่างเป็นรูปภาพกรงที่ต่อเติมและผลกระทบต่างๆที่บ้านผมได้รับครับ
ภาพกรงนกที่เจ้าของบ้านต่อเติมขึ้นไปเป็นชั้นที่ 5 ของบ้าน โครงสร้างเดิมเป็นบ้าน 4 ชั้น
ภาพกรงนกอีกส่วนหนึ่งบริเวณข้างบ้าน
ภาพขนนกที่ตกลงมาที่บ้านผม และที่ติดเสื้อที่ตากไว้
ภาพนกที่เลี้ยงไว้ชั้น 4-5 และถ่ายได้จากช่องว่างระหว่างตึก
จุดประสงค์สำคัญที่ผมต้องมาโพสต์เรื่องนี้เนื่องจากผมได้พยายามเจรจากับทางเจ้าของบ้านรวมทั้งแจ้งเขตให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่เวลาล่วงเลยมาเกือบปีทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พอจะมีใครสามารถให้คำแนะนำอะไรได้บ้างครับ เพราะตอนนี้ที่บ้านเป็นทุกข์กับเรื่องนี้จริงๆ
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้ามากๆเลยครับ