ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ร.พ.เอกชนพากันลาออกจากระบบประกันสังคม ลอยแพผู้ประกันตนจำนวนมากให้ตกเป็นภาระของ ร.พ.รัฐฯ หมอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนล้มป่วย เหล่าบรรดานายทุนกำลังจะเปิด ร.พ.เอกชนอีกหลายแห่งในอีกไม่ช้านี้ ก่อให้เกิดการแย่งตัวหมอ ทำให้ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ คนไข้ล้น ร.พ.รัฐฯจนหมอต้องออกมาเตือนถึงความล่มสลายของการสาธารณสุขไทยในอีกไม่นานนี้แล้ว ควรหรือไม่ที่ ร.พ.เอกชนจะสามารถแสวงหากำไรได้เฉกเช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจพาณิชย์อื่นๆ? เพราะในยามเจ็บป่วยนั้นผู้คนอยู่ในภาวะที่อ่อนแอไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กลับถูกแสวงหาผลประโยชน์บนความเจ็บป่วยจนบางคนต้องถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว เรายังสามารถเรียกธุรกิจนี้ว่า "โรงพยาบาล" ได้อยู่อีกหรือ? เมื่อโรงพยาบาลไม่ได้ทำหน้าที่ในรักษา "คนไข้" ให้หายจากความเจ็บป่วย แต่มุ่งเน้นที่การรักษา "กำไร" ให้แก่ผู้ถือหุ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญถูกซื้อตัวไปจาก ร.พ.รัฐฯ แล้วเราจะเหลือหมอผู้เสียสละอุทิศตนให้แก่คนไข้ใน ร.พ.รัฐฯอยู่อีกหรือ? เราจะปล่อยให้การสาธารณสุขของไทยต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาจริงๆหรือ? เมื่อหมอมิได้ทำหน้าที่หมอดังคำของบิดาแห่งการแพทย์ไทยที่ว่า "หมอไม่เพียงแต่เป็นหมอเท่านั้น แต่ยังต้องมีความเป็นคนด้วย"...
ควรมี พ.ร.บ.ควบคุม ร.พ.เอกชนไม่ให้แสวงหากำไรบนความเจ็บป่วยของผู้คนหรือไม่?