เริ่มต้นจากผมกับภรรยาเก่าคบหาอยู่ด้วยกันมา9ปี มีจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องและมีลูกด้วยกัน2คน เป็นผู้ชายทั้ง2คน คนนึงอายุ6ขวบ อีกคนอายุ10เดือน คุณยายเป็นคนมาเลี้ยงทั้ง2คนตั้งแต่เกิด มาแบบไปเช้าเย็นกลับและภรรยาผมพอเลิกงานมาก็จะมารับช่วงเลี้ยงต่อ ส่วนตัวผม งานที่ทำ ทำให้เลิกงานไม่เป็นเวลาเร็วบ้างช้าบ้างแล้วแต่วันๆไป แต่พอมีเวลาก็จะพาภรรยาและลูกไปเที่ยวหรือออกไปทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆผมค่อนข้างรักลูกมากๆตั้งใจทำงานเลิกงานรีบกลับบ้าน เพื่อนฝูงไม่คบ ผมกับภรรยาแยกทางกันตอนลูกคนเล็กอายุ10เดือน จากปัญหาความคิดที่ไม่ลงรอยกันซักเท่าไหร่บวกกับปัญหาทางใจของเขา จนทำให้เธอต้องแยกจากไป(ก่อนหน้านี้หลายปีเรามีข้อตกลงกันว่าหากใครคิดจะแยกตัวออกไปจะต้องยอมยกลูกให้อีกฝ่ายโดยสมัครใจและไม่มีเงื่อนไข) ก็อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ผมกลายเป็นsingle dadไปโดยอัตโนมัติวันที่แยกทางกัน ผมมืดแปดด้าน ไม่รุ้จะจัดการกับทุกอย่างยังไง เดินขึ้นห้องไปพาลูกคนโตออกมาเดินเล่น และให้ภรรยาผมไปเก็บของออกไปทันที ผมขอให้คุณแม่ผมขึ้นไปช่วยดูลูกคนเล็กในห้องให้ผมระหว่างที่ผมไม่อยู่จนเธอเก็บของเสร็จเอาของออกมาแล้วผมจึงพาลูกกลับห้องเพื่อให้ภรรยาผมได้เจอเพื่อลากัน แล้วเธอก็ไป ผมงงไปหมดทุกอย่างจบไวมากจนตั้งตัวไม่ทันเพราะไม่เคยคิดเผื่อใจว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับผมและครอบครัวที่ดูรักกันมาก ทุกคนที่ทราบเรื่องนี้ก็งงเหมือนกัน ที่ผ่านมาครอบครัวผมค่อนข้างอบอุ่นมีทุกอย่างพร้อมจึงทำทั้งทุกคนแปลกใจรวมถึงตัวผมเองด้วย
คืนแรกของการเป็นsingle dad ทั้งคุณแม่ผมและคุณยายจะขอเอาหลานไปดูแลให้เพราะกลัวว่าผมจะดูไม่ไหว ผมปฏิเสษทั้ง2ท่านไปโดยที่จะดูแลลูกๆผมเองคนเดียว ผมเสียใจมากแอบออกมาร้องไห้อยู่หลายครั้ง ในใจมีแต่คำถามลอยมาตลอด แต่ก็ยังต้องกลับเข้าห้องมาทำหน้าที่พ่อและแม่ให้กับลูกผม ผมเริ่มทำหน้าที่นี้ทุกอย่างตั้งแต่ชงนม กล่อมลูกจนเข้านอน แต่ก่อนจะนอนลูกชายคนโตวัย6ขวบแลดูจะเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีเค้าไม่ถามคำถามใดๆผมเลย ไม่ถามว่าแม่ไปไหน ไม่ถามว่าทำไม แต่เค้าบอกกับผมว่า#หนูจะช่วยพ่อเลี้ยงน้องให้เอง หนูจะไม่มีแฟนหนูสัญญา#ผมนี่ช็อคไปเลยกับคำพูดลูกชายวัย6ขวบ คืนนั้นผมหลับไม่ลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว นั่งมองหน้าลูกทั้ง2คนนอนหลับ และร้องไห้ตลอดคืนจนเช้า ในคืนนั่นที่ไม่หลับคงเพราะผมเป็นคนหลับลึก กลัวถ้าหลับไปจะไม่ได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กตอนตื่นมากินนม นั่งมองและป้อนนมไปจนจบคืนแรกไปอย่างทุลักทุเล
วันที่2ของการเป็นsingle dad พอเช้ารุ่งขึ้นผมรีบไปอาบน้ำตั้งแต่ตี5และจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนลูกๆจะตื่นกัน ก่อนหน้านี้ผมได้ไปขอให้คุณยายมาเลี้ยงลูกผมให้ต่อเหมือนเดิม ท่านก็เต็มใจที่จะมาเลี้ยงลูกให้เหมือนเดิมโดยไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ถึงเวลา6.00น.คุณยายก็มาเคาะประตูเหมือนเช่นทุกวันพร้อมอาหารเช้าของลูกๆผม ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติเหมือนที่ผ่านมา ต่างกันตรงที่เช้าวันนี้ไม่มีภรรยาผมแล้ว ผมออกไปทำงานแบบงงๆ มีแอบไปร้องไห้บ้างและยังเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ทนทำจนจบเพื่อที่จะได้รีบกลับบ้านมาเลี้ยงลูกต่อเองเพราะเกรงใจคุณยายเค้า พอกลับถึงบ้าน ลูกชายคนโต คนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายซักเท่าไหร่ กับชวนพ่อไปวิ่งที่สวนสาธารณะผมก็ไม่ปฏิเศษและพาเค้าไป ช่วงเวลานั้นผมสามารถลืมผู้หญิงคนนั้นไปได้หมดทั้งใจเพราะมันถูกแทนที่ด้วยความร่าเริงของเด็กชายคนนึงก็คือลูก พอฟ้าเริ่มมืดลงคุณยายก็จัดการกับลูกๆผมทั้ง2คนจนเสร็จสิ้นแล้วกลับไป ผมรับช่วงต่อแบบเก้ๆกังๆแต่ก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัณหาใด ผมยอมรับว่าการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมันเหนื่อยมากๆ หมุนหน้าหมุนหลังตลอดเวลาจนลูกหลับไป คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมพยายามจะหลับ พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเองนอนไม่หลับและยังคงมีน้ำตากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่จนเช้าของอีกวัน
วันที่3ของการเป็นsingle dad วันนี้ผมขอลาหยุดเพื่อที่จะไปจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพราะกลัวภรรยาจะไม่ทำตามสัญญา และท่าทีญาติฝ่ายภรรยาผมต้องการลูกๆผมไปเลี้ยงดูเอง หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ได้ไปหย่ากันซึ่งเธอยอมเซ็นยกลูกให้ผมดูแลคนเดียวตามสัญญาโดยไม่ขัดข้องแต่ประการใด(แน่นอนว่าคุณยายที่เป็นแม่ของภรรยาผม ผู้เป็นคนเลี้ยงหลานทั้ง2มา ไม่ยอมแบบสุดตัวแต่ท่านไม่ทราบว่าเราไปหย่ากันและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว)และจึงให้ภรรยาผมโทรไปอธิบายกับคุณแม่เค้าว่าตกลงอะไรกับผมไปบ้าง ช่วงวันแรกๆผมไม่ยอมที่จะให้คุณยายดูแลลูกผมต่อ เพราะผมกลัวจะทำใจไม่ได้ และกลัวผมตัดภรรยาไม่ขาด จึงไม่อยากให้เลี้ยงหรือเห็นอีก แต่สุดท้ายพอเริ่มมีสติและชั่งน้ำหนักสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจึงยอมอนุญาติให้ยายกลับเข้ามาเลี้ยงลูกผมต่อไป แบบเดิมที่เช้าไปเย็นกลับและตั้งข้อแม้ว่าไม่อนุญาติให้ภรรยาเก่าขึ้นมาหาลูกๆที่บนห้อง ให้อุ้มลงไปหากันด้านล่างและต้องบอกทุกครั้งที่จะพากันไปไหน คุณยายท่านก็ยอมตกลงกับผม วันนี้ผมเหมือนจะดีขึ้นแต่ก็แค่การหลอกตัวเอง ผมยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม พยายามทำนู้นทำนี่ให้เหนื่อยจึงสามารถนอนหลับไปได้ตอนตี4และสดุ้งตื่นตอน6โมง ร่างกายผมเริ่มออกอาการไม่ดีแต่ผมไม่รู้ทำไมถึงยังสู้ไหว อาจเพราะลูกๆที่ทำให้ผมพอหายเหนื่อยหายง่วงได้บ้าง แต่วันนี้การจัดการเกี่ยวกับลูกผมทั้ง2คนเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงไม่ค่อยลำบากเหมือน2วันแรก แต่ยังคงมองหน้าลูกแล้วคิดถึงเค้าอยู่ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว
วันที่4ของการเป็นsingle dad ผมยังคงไปทำงานเหมือนปกติทั้งที่ไม่ได้นอนมา3คืน ช่วยคุณยายจัดการลูกๆได้ดีพอสมควรในตอนเช้า และเริ่มเรียนรู้วิธีจัดการกับลูกๆทั้ง2ได้ดีขึ้นมาก ทุกอย่างดูลงตัวแล้ว คิดถึงเค้าน้อยลง ไม่เสียใจหรือร้องให้แล้ว แต่ยังคงนอนไม่หลับเหมือนดั่งทุกวัน แต่ก็พอได้นอนบ้างตอนตี3 ตื่นมาวันที่5รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ยิ้มง่ายขึ้นและคิดว่าต่อไปจากนี่ผมจะต้องดีขึ้นให้ได้เพื่อลูกๆในวันต่อๆไปได้ดีกว่านี้แน่นอน
ผมตัดสินใจอยู่พอสมควรที่จะเล่าเรื่องนี้ออกไป บางคนอาจจะเจอเรื่องนี้อยู่หรือกำลังจะเจอและยังไม่รู้จะรับมือยังไง สติและการวางแผนสามารถช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ ค่อยๆแก้ทีล่ะปัญหา ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ สุดท้ายยาใจที่ดีที่สุดคือลูกๆของเราเอง ความน่ารักสดใสของเขาใจทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ และขอฝากถึงอีกหลายๆครอบครัวที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ขอให้การแยกกันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะนึกถึง ครอบครัวที่อยู่พร้อมกันพ่อแม่ลูก ย่อมมีความสุขกว่าเสมอ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ ขอบคุณครับ
หากการเรียบเรียงนี้ผิดพลาดหรือมีบางคำไม่ถูกต้อง ผมต้องขออภัยมาน่ะที่นี้ด้วยครับ
Strong Single Dad
เริ่มต้นชีวิตของพ่อเลี้ยงเดี่ยวลูก2
คืนแรกของการเป็นsingle dad ทั้งคุณแม่ผมและคุณยายจะขอเอาหลานไปดูแลให้เพราะกลัวว่าผมจะดูไม่ไหว ผมปฏิเสษทั้ง2ท่านไปโดยที่จะดูแลลูกๆผมเองคนเดียว ผมเสียใจมากแอบออกมาร้องไห้อยู่หลายครั้ง ในใจมีแต่คำถามลอยมาตลอด แต่ก็ยังต้องกลับเข้าห้องมาทำหน้าที่พ่อและแม่ให้กับลูกผม ผมเริ่มทำหน้าที่นี้ทุกอย่างตั้งแต่ชงนม กล่อมลูกจนเข้านอน แต่ก่อนจะนอนลูกชายคนโตวัย6ขวบแลดูจะเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีเค้าไม่ถามคำถามใดๆผมเลย ไม่ถามว่าแม่ไปไหน ไม่ถามว่าทำไม แต่เค้าบอกกับผมว่า#หนูจะช่วยพ่อเลี้ยงน้องให้เอง หนูจะไม่มีแฟนหนูสัญญา#ผมนี่ช็อคไปเลยกับคำพูดลูกชายวัย6ขวบ คืนนั้นผมหลับไม่ลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว นั่งมองหน้าลูกทั้ง2คนนอนหลับ และร้องไห้ตลอดคืนจนเช้า ในคืนนั่นที่ไม่หลับคงเพราะผมเป็นคนหลับลึก กลัวถ้าหลับไปจะไม่ได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กตอนตื่นมากินนม นั่งมองและป้อนนมไปจนจบคืนแรกไปอย่างทุลักทุเล
วันที่2ของการเป็นsingle dad พอเช้ารุ่งขึ้นผมรีบไปอาบน้ำตั้งแต่ตี5และจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนลูกๆจะตื่นกัน ก่อนหน้านี้ผมได้ไปขอให้คุณยายมาเลี้ยงลูกผมให้ต่อเหมือนเดิม ท่านก็เต็มใจที่จะมาเลี้ยงลูกให้เหมือนเดิมโดยไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ถึงเวลา6.00น.คุณยายก็มาเคาะประตูเหมือนเช่นทุกวันพร้อมอาหารเช้าของลูกๆผม ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติเหมือนที่ผ่านมา ต่างกันตรงที่เช้าวันนี้ไม่มีภรรยาผมแล้ว ผมออกไปทำงานแบบงงๆ มีแอบไปร้องไห้บ้างและยังเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ทนทำจนจบเพื่อที่จะได้รีบกลับบ้านมาเลี้ยงลูกต่อเองเพราะเกรงใจคุณยายเค้า พอกลับถึงบ้าน ลูกชายคนโต คนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายซักเท่าไหร่ กับชวนพ่อไปวิ่งที่สวนสาธารณะผมก็ไม่ปฏิเศษและพาเค้าไป ช่วงเวลานั้นผมสามารถลืมผู้หญิงคนนั้นไปได้หมดทั้งใจเพราะมันถูกแทนที่ด้วยความร่าเริงของเด็กชายคนนึงก็คือลูก พอฟ้าเริ่มมืดลงคุณยายก็จัดการกับลูกๆผมทั้ง2คนจนเสร็จสิ้นแล้วกลับไป ผมรับช่วงต่อแบบเก้ๆกังๆแต่ก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัณหาใด ผมยอมรับว่าการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมันเหนื่อยมากๆ หมุนหน้าหมุนหลังตลอดเวลาจนลูกหลับไป คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมพยายามจะหลับ พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเองนอนไม่หลับและยังคงมีน้ำตากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่จนเช้าของอีกวัน
วันที่3ของการเป็นsingle dad วันนี้ผมขอลาหยุดเพื่อที่จะไปจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพราะกลัวภรรยาจะไม่ทำตามสัญญา และท่าทีญาติฝ่ายภรรยาผมต้องการลูกๆผมไปเลี้ยงดูเอง หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ได้ไปหย่ากันซึ่งเธอยอมเซ็นยกลูกให้ผมดูแลคนเดียวตามสัญญาโดยไม่ขัดข้องแต่ประการใด(แน่นอนว่าคุณยายที่เป็นแม่ของภรรยาผม ผู้เป็นคนเลี้ยงหลานทั้ง2มา ไม่ยอมแบบสุดตัวแต่ท่านไม่ทราบว่าเราไปหย่ากันและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว)และจึงให้ภรรยาผมโทรไปอธิบายกับคุณแม่เค้าว่าตกลงอะไรกับผมไปบ้าง ช่วงวันแรกๆผมไม่ยอมที่จะให้คุณยายดูแลลูกผมต่อ เพราะผมกลัวจะทำใจไม่ได้ และกลัวผมตัดภรรยาไม่ขาด จึงไม่อยากให้เลี้ยงหรือเห็นอีก แต่สุดท้ายพอเริ่มมีสติและชั่งน้ำหนักสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจึงยอมอนุญาติให้ยายกลับเข้ามาเลี้ยงลูกผมต่อไป แบบเดิมที่เช้าไปเย็นกลับและตั้งข้อแม้ว่าไม่อนุญาติให้ภรรยาเก่าขึ้นมาหาลูกๆที่บนห้อง ให้อุ้มลงไปหากันด้านล่างและต้องบอกทุกครั้งที่จะพากันไปไหน คุณยายท่านก็ยอมตกลงกับผม วันนี้ผมเหมือนจะดีขึ้นแต่ก็แค่การหลอกตัวเอง ผมยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม พยายามทำนู้นทำนี่ให้เหนื่อยจึงสามารถนอนหลับไปได้ตอนตี4และสดุ้งตื่นตอน6โมง ร่างกายผมเริ่มออกอาการไม่ดีแต่ผมไม่รู้ทำไมถึงยังสู้ไหว อาจเพราะลูกๆที่ทำให้ผมพอหายเหนื่อยหายง่วงได้บ้าง แต่วันนี้การจัดการเกี่ยวกับลูกผมทั้ง2คนเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงไม่ค่อยลำบากเหมือน2วันแรก แต่ยังคงมองหน้าลูกแล้วคิดถึงเค้าอยู่ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว
วันที่4ของการเป็นsingle dad ผมยังคงไปทำงานเหมือนปกติทั้งที่ไม่ได้นอนมา3คืน ช่วยคุณยายจัดการลูกๆได้ดีพอสมควรในตอนเช้า และเริ่มเรียนรู้วิธีจัดการกับลูกๆทั้ง2ได้ดีขึ้นมาก ทุกอย่างดูลงตัวแล้ว คิดถึงเค้าน้อยลง ไม่เสียใจหรือร้องให้แล้ว แต่ยังคงนอนไม่หลับเหมือนดั่งทุกวัน แต่ก็พอได้นอนบ้างตอนตี3 ตื่นมาวันที่5รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ยิ้มง่ายขึ้นและคิดว่าต่อไปจากนี่ผมจะต้องดีขึ้นให้ได้เพื่อลูกๆในวันต่อๆไปได้ดีกว่านี้แน่นอน
ผมตัดสินใจอยู่พอสมควรที่จะเล่าเรื่องนี้ออกไป บางคนอาจจะเจอเรื่องนี้อยู่หรือกำลังจะเจอและยังไม่รู้จะรับมือยังไง สติและการวางแผนสามารถช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ ค่อยๆแก้ทีล่ะปัญหา ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ สุดท้ายยาใจที่ดีที่สุดคือลูกๆของเราเอง ความน่ารักสดใสของเขาใจทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ และขอฝากถึงอีกหลายๆครอบครัวที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ขอให้การแยกกันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะนึกถึง ครอบครัวที่อยู่พร้อมกันพ่อแม่ลูก ย่อมมีความสุขกว่าเสมอ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ ขอบคุณครับ
หากการเรียบเรียงนี้ผิดพลาดหรือมีบางคำไม่ถูกต้อง ผมต้องขออภัยมาน่ะที่นี้ด้วยครับ
Strong Single Dad