'คนไม่มีผม' งงหนักมาก 'บิ๊กตู่' โล้ชิงช้า?
30 ต.ค.61 - หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ ตรวจราชการ ที่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกฯ ได้ทำการทดสอบเครื่องเล่น ประจำเผ่าอาข่าคือ การโล้ชิงช้า ซึ่งเรียกเสียงชื่นชมและปรบมือจากพี่น้องชาวอาข่า
อย่างไรก็ตาม การโล้ชิงช้า ของพล.อ.ประยุทธ์ ถูกตั้งคำถามจาก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยโพสต์ข้อความสั้นๆผ่านเฟซบุ๊กว่า "ทำทำไม ???"
https://www.thaipost.net/main/detail/21000
ประเพณีโล้ชิงช้าชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า จังหวัดเชียงราย
ประเพณีโล้ชิงช้า หรือ งานเทศกาลปีใหม่โล้ชิงช้าของชาวอาข่า (อีก้อ) จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณแห่งเทพธิดา “อึ่มซาแยะ” ผู้ประทานความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชพันธุ์ธัญญาหาร และเพื่อเป็นการฉลองให้กับพืชผลที่มีความเจริญงอกงามรอเก็บเกี่ยว รำลึก และให้เกียรติสตรี พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ, การเลี้ยงฉลอง, การเต้นรำ ซึ่งแต่ละชุมชนจะไม่ตรงกัน เนื่องจากการกำหนดวันจัดพิธีกรรมต้องดูความเหมาะสมของวันที่จะเริ่มทำพิธี แต่จะต้องเป็นวันดี และเข้ากันได้กับผู้นำชุมชนนั้น ๆ
ประเพณีโล้ชิงช้า หรืออ่าข่าเรียกว่า “แย้ขู่อ่าเผ่ว” มีต้นกำเนิดมาจาดินแดนที่มีชื่อว่า “จาแดลอง” คือ พื้นที่ในประเทศจีนในปัจจุบัน มีการกล่าวไว้ว่า ดินแดนจาแดลองจะมีการจัดประเพณีโล้ชิงช้าเป็นเวลา 33 วัน เมื่อเป็นเช่นนี้คนในดินแดนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนจน คนรวย จะต้องเตรียมเสบียงอาหารเอาไว้ เพื่อใช้ในการฉลองในวันประเพณี
ประเพณีโล้ชิงช้าจัดขึ้นเพื่อเป็นการฉลองพืชพรรณที่จะเก็บเกี่ยวไว้บริโภค เนื่องจาพืชไร่พืชสวนต่างๆ ที่ปลูกลงไปพร้อมที่จะได้ผลผลิตแล้ว โดยมีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ขู่จ่า หม่าโบะ หม่าโบะ” ซึ่งมีความหมายว่า ประเพณีโล้ชิงช้ามีอาหารหลากลาย และสมบูรณ์นั่นเอง ชาวอาข่าได้สืบทอดประเพณีนี้มาเป็นเวลา 2,700 กว่าปีแล้ว
ซึ่งในปัจจุบันประเพณีโล้ชิงช้าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และต้นเดือนกันยายน ตรงกับช่วงที่ผลผลิต กำลังงอกงาม และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วัน ในระหว่างนี้อ่าข่าจะดายหญ้าในไร่ข้าวเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากดายหญ้าแล้วก็รอสำหรับการเก็บเกี่ยว ตรงกับเดือนของอาข่าคือ “ฉ่อลาบาลา” ประเพณีโล้ชิงช้าของชาวอาข่า ถือเป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่ามากด้วยภูมิปัญญาที่ใช้ในการส่งเสริมความรู้แล้ว ยังเกี่ยวพันกับการดำรงชีวิตประจำวันของอ่าข่าอีกมากมาย และจัดทั้งหมดเพียง 4 วัน คือ
วันที่ 1″ จ่าแบ”
ผู้หญิงอาข่าอาจเป็นแม่บ้านของครัวเรือน หรือถ้าแม่บ้าน ไม่อยู่อาจเป็นลูกสาวไปแทนก็ได้ ก็จะแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่าเต็มยศแล้วออกไปตัดน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะนำมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาน้ำที่ตักมาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อ่าข่าเรียกว่า “อี๊จุอี๊ซ้อ” การเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วของแต่ละครอบครัว และในวันนี้ก็มีการตำข้าวปุ๊ก “ห่อถ่อง” ข้าวปุ๊ก หรือห่อถ่อง คือข้าวที่ได้จากการตำอย่าง ละเอียดโดยก่อน ที่จะตำก็จะนำข้าวสาร (ข้าวเหนียว) แช่ไว้ประมาณ 1 คืน พอรุ่งเช้าก็นำมานึ่ง หลังจากนึ่งเสร็จ หรือได้ที่แล้วก็จะมีการโปรยด้วยน้ำอีกรอบหนึ่ง แล้วก็นึ่งต่อระหว่างที่รอข้าวสุก ก็จะมีการ ตำงาดำผสมเกลือไปด้วย เพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวที่ตำติดมือเวลานำมาปั้นข้าวปุ๊กซึ่งต้องใช้ในการทำพิธีเช่นกัน
วันที่ 2 วันสร้างชิงช้า
เป็นวันที่ทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของ “โจว่มา” ผู้นำศาสนา เพื่อจะปรึกษา และแบ่งงานในการจะปลูกสร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชน หรืออ่าข่า เรียกว่า “หล่าเฉ่อ” ในวันนี้จะไม่มีการทำพิธีใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งสัตว์ก็จะไม่ฆ่า หลังจากที่สร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชนเสร็จ ก็จะมีพิธีเปิดโล้ชิงช้าโดย โจว่มา ผู้นำศาสนา จะเป็นผู้เปิดโล้ก่อน จากนั้นทุกคนก็สามารถโล้ได้ หลังจากที่สร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชนเสร็จ ต้องมาสร้างชิงช้าเล็กไว้ ที่หน้าบ้าน ของตนเองอีกเพื่อให้ลูกหลานของตนเล่น ทุกครัวเรือนจะต้องสร้างเพราะถือว่าเป็นพิธี
วันที่ 3 “วัน ล้อดา อ่าเผ่ว”
วันนี้ถือเป็นวันพิธีใหญ่ มีการเลี้ยงฉลองกันทุกครัวเรือนมีการเชิญผู้อาวุโส หรือแขกต่างหมู่บ้านมาร่วมรับประทานอาหารในบ้านของตน ผู้อาวุโสก็จะมี การอวยพรให้กับเจ้าบ้านประสบแต่ความสำเร็จในวันข้างหน้า
วันที่ 4 “จ่าส่า”
สำหรับในวันนี้จะไม่มีการประกอบพิธีกรรมอะไรทั้งสิ้น นอกจากพากันมาโล้ชิงช้า แต่พอตะวันตกดิน หรือประมาณ 18.00 น ผู้นำศาสนาก็จะทำการเก็บเชือกของชิงช้า โดยการมามัดติดกับเสาชิงช้า ถือว่าบรรยากาศในการโล้ชิงช้าก็จะได้จบลงเพียงเท่านี้ และหลังอาหารค่ำก็จะทำการเก็บเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เข้าไว้ที่เดิม หลังจากที่เก็บเครื่องเซ่นไหว้เหล่านี้แล้วถือว่าเสร็จสิ้นพิธีกรรมประเพณีโล้ชิงช้า
https://travel.mthai.com/blog/97773.html
รู้สึกอายบ้างไหมคะ...?
ที่ไม่รู้ประเพณีของชนเผ่าในประเทศไทย
ลุงตู่ทำเพื่อเชิดชูประเพณีให้เกียรติกับชาวไทยทุกภาคทุกกลุ่ม
ไม่ได้หวังทำเพื่อสร้างภาพอวดใครนะคะ
🐮~มาลาริน~น่าอายค่ะ..'คนไม่มีผม' ว่า'ลุงตู่' โล้ชิงช้าทำไม..ชี้ให้เห็นว่าไม่รู้เรื่องวิถีชีวิตคนอาข่า ชนเผ่าในประเทศไทย
'คนไม่มีผม' งงหนักมาก 'บิ๊กตู่' โล้ชิงช้า?
30 ต.ค.61 - หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ ตรวจราชการ ที่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกฯ ได้ทำการทดสอบเครื่องเล่น ประจำเผ่าอาข่าคือ การโล้ชิงช้า ซึ่งเรียกเสียงชื่นชมและปรบมือจากพี่น้องชาวอาข่า
อย่างไรก็ตาม การโล้ชิงช้า ของพล.อ.ประยุทธ์ ถูกตั้งคำถามจาก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยโพสต์ข้อความสั้นๆผ่านเฟซบุ๊กว่า "ทำทำไม ???"
https://www.thaipost.net/main/detail/21000
ประเพณีโล้ชิงช้าชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า จังหวัดเชียงราย
ประเพณีโล้ชิงช้า หรือ งานเทศกาลปีใหม่โล้ชิงช้าของชาวอาข่า (อีก้อ) จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณแห่งเทพธิดา “อึ่มซาแยะ” ผู้ประทานความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชพันธุ์ธัญญาหาร และเพื่อเป็นการฉลองให้กับพืชผลที่มีความเจริญงอกงามรอเก็บเกี่ยว รำลึก และให้เกียรติสตรี พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ, การเลี้ยงฉลอง, การเต้นรำ ซึ่งแต่ละชุมชนจะไม่ตรงกัน เนื่องจากการกำหนดวันจัดพิธีกรรมต้องดูความเหมาะสมของวันที่จะเริ่มทำพิธี แต่จะต้องเป็นวันดี และเข้ากันได้กับผู้นำชุมชนนั้น ๆ
ประเพณีโล้ชิงช้า หรืออ่าข่าเรียกว่า “แย้ขู่อ่าเผ่ว” มีต้นกำเนิดมาจาดินแดนที่มีชื่อว่า “จาแดลอง” คือ พื้นที่ในประเทศจีนในปัจจุบัน มีการกล่าวไว้ว่า ดินแดนจาแดลองจะมีการจัดประเพณีโล้ชิงช้าเป็นเวลา 33 วัน เมื่อเป็นเช่นนี้คนในดินแดนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนจน คนรวย จะต้องเตรียมเสบียงอาหารเอาไว้ เพื่อใช้ในการฉลองในวันประเพณี
ประเพณีโล้ชิงช้าจัดขึ้นเพื่อเป็นการฉลองพืชพรรณที่จะเก็บเกี่ยวไว้บริโภค เนื่องจาพืชไร่พืชสวนต่างๆ ที่ปลูกลงไปพร้อมที่จะได้ผลผลิตแล้ว โดยมีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ขู่จ่า หม่าโบะ หม่าโบะ” ซึ่งมีความหมายว่า ประเพณีโล้ชิงช้ามีอาหารหลากลาย และสมบูรณ์นั่นเอง ชาวอาข่าได้สืบทอดประเพณีนี้มาเป็นเวลา 2,700 กว่าปีแล้ว
ซึ่งในปัจจุบันประเพณีโล้ชิงช้าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และต้นเดือนกันยายน ตรงกับช่วงที่ผลผลิต กำลังงอกงาม และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วัน ในระหว่างนี้อ่าข่าจะดายหญ้าในไร่ข้าวเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากดายหญ้าแล้วก็รอสำหรับการเก็บเกี่ยว ตรงกับเดือนของอาข่าคือ “ฉ่อลาบาลา” ประเพณีโล้ชิงช้าของชาวอาข่า ถือเป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่ามากด้วยภูมิปัญญาที่ใช้ในการส่งเสริมความรู้แล้ว ยังเกี่ยวพันกับการดำรงชีวิตประจำวันของอ่าข่าอีกมากมาย และจัดทั้งหมดเพียง 4 วัน คือ
วันที่ 1″ จ่าแบ”
ผู้หญิงอาข่าอาจเป็นแม่บ้านของครัวเรือน หรือถ้าแม่บ้าน ไม่อยู่อาจเป็นลูกสาวไปแทนก็ได้ ก็จะแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่าเต็มยศแล้วออกไปตัดน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะนำมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาน้ำที่ตักมาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อ่าข่าเรียกว่า “อี๊จุอี๊ซ้อ” การเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วของแต่ละครอบครัว และในวันนี้ก็มีการตำข้าวปุ๊ก “ห่อถ่อง” ข้าวปุ๊ก หรือห่อถ่อง คือข้าวที่ได้จากการตำอย่าง ละเอียดโดยก่อน ที่จะตำก็จะนำข้าวสาร (ข้าวเหนียว) แช่ไว้ประมาณ 1 คืน พอรุ่งเช้าก็นำมานึ่ง หลังจากนึ่งเสร็จ หรือได้ที่แล้วก็จะมีการโปรยด้วยน้ำอีกรอบหนึ่ง แล้วก็นึ่งต่อระหว่างที่รอข้าวสุก ก็จะมีการ ตำงาดำผสมเกลือไปด้วย เพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวที่ตำติดมือเวลานำมาปั้นข้าวปุ๊กซึ่งต้องใช้ในการทำพิธีเช่นกัน
วันที่ 2 วันสร้างชิงช้า
เป็นวันที่ทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของ “โจว่มา” ผู้นำศาสนา เพื่อจะปรึกษา และแบ่งงานในการจะปลูกสร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชน หรืออ่าข่า เรียกว่า “หล่าเฉ่อ” ในวันนี้จะไม่มีการทำพิธีใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งสัตว์ก็จะไม่ฆ่า หลังจากที่สร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชนเสร็จ ก็จะมีพิธีเปิดโล้ชิงช้าโดย โจว่มา ผู้นำศาสนา จะเป็นผู้เปิดโล้ก่อน จากนั้นทุกคนก็สามารถโล้ได้ หลังจากที่สร้างชิงช้าใหญ่ของชุมชนเสร็จ ต้องมาสร้างชิงช้าเล็กไว้ ที่หน้าบ้าน ของตนเองอีกเพื่อให้ลูกหลานของตนเล่น ทุกครัวเรือนจะต้องสร้างเพราะถือว่าเป็นพิธี
วันที่ 3 “วัน ล้อดา อ่าเผ่ว”
วันนี้ถือเป็นวันพิธีใหญ่ มีการเลี้ยงฉลองกันทุกครัวเรือนมีการเชิญผู้อาวุโส หรือแขกต่างหมู่บ้านมาร่วมรับประทานอาหารในบ้านของตน ผู้อาวุโสก็จะมี การอวยพรให้กับเจ้าบ้านประสบแต่ความสำเร็จในวันข้างหน้า
วันที่ 4 “จ่าส่า”
สำหรับในวันนี้จะไม่มีการประกอบพิธีกรรมอะไรทั้งสิ้น นอกจากพากันมาโล้ชิงช้า แต่พอตะวันตกดิน หรือประมาณ 18.00 น ผู้นำศาสนาก็จะทำการเก็บเชือกของชิงช้า โดยการมามัดติดกับเสาชิงช้า ถือว่าบรรยากาศในการโล้ชิงช้าก็จะได้จบลงเพียงเท่านี้ และหลังอาหารค่ำก็จะทำการเก็บเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เข้าไว้ที่เดิม หลังจากที่เก็บเครื่องเซ่นไหว้เหล่านี้แล้วถือว่าเสร็จสิ้นพิธีกรรมประเพณีโล้ชิงช้า
https://travel.mthai.com/blog/97773.html
รู้สึกอายบ้างไหมคะ...?
ที่ไม่รู้ประเพณีของชนเผ่าในประเทศไทย
ลุงตู่ทำเพื่อเชิดชูประเพณีให้เกียรติกับชาวไทยทุกภาคทุกกลุ่ม
ไม่ได้หวังทำเพื่อสร้างภาพอวดใครนะคะ