เสี่ยวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งคนไทยและ ต่างชาติ


จากข่าวดังวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงตอนนี้กับเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงกับทั้งคนไทยและคนอังกฤษกับอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกของ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา และก็ได้มีคนอังกฤษและแฟนบอลเลสเตอร์ออกมาแสดงความเสียใจร่วมวางช่อดอกไม้บริเวณหน้าสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจากที่ได้ดู Live ใจเพจ BBCThai https://www.facebook.com/BBCThai/videos/1140138969478512
จากได้ฟังนักข่าวสัมภาษณ์แฟนบอลท้องถิ่นชาวอังกฤษและคนไทยที่อยู่ที่นั่น ก็ได้เห็นว่าคุณวิชัย ไม่ได้เป็นแค่ประธานสโมสรหรือนักธุรกิจอย่างเดียว แต่เค้าได้ทำประโยชน์ให้กับคนเลสเตอร์ด้วย จึงเป็นที่รักของคนเลสเตอร์
และจากการนั่งอ่านข่าว และคอมเม้นท์ทั้งวันทำให้เราอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น และอยากรู้ว่าเขาทำอะไรให้กับสังคมบ้าง

ถ้าถามว่าทำไม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ถึงได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยที่ทั้งเป็นประธานบริษัทคิง เพาเวอร์ เป็นประธานสโมสรทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และเป็น อภิมหาเศรษฐีไทยที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ
นอกจากบทบาทของผู้นำด้านการบริหารจัดการร้านค้าปลอดภาษี หรือ Duty Free ยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสังคม โดยในปี 2560 ได้ริเริ่มโครงการ ‘KING POWER THAI POWER พลังคนไทย’ ที่ส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนไทยให้ได้แสดงศักยภาพบนเวทีโลก โดยแบ่งการสนับสนุนออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่
1.พลังด้านกีฬา (SPORT POWER)  
ภาพจำสำคัญของ King Power คือการบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของอังกฤษมาได้ จึงนำแรงบันดาลใจส่วนนี้ส่งต่อไปถึงเยาวชนที่ชื่นชอบฟุตบอล โดยการมอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกผ่านโครงการ ‘ล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย’ นอกจากนี้ยังมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานสากล จำนวน 100 สนามภายใน 5 ปีนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘โครงการ Fox Hunt’ ซึ่งจะมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนและส่งไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษอีกด้วย




2. พลังด้านดนตรี (MUSIC POWER)
โรงละครอักษราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ให้โอกาสนักดนตรีไทยที่มีความสามารถระดับสากลมาร่วมแสดง และเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ Duty Free จับมือกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการแข่งขันวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนศักยภาพคนดนตรี


3. พลังของชุมชน (COMMUNITY POWER)  
เน้นการให้ความรู้กับชาวบ้าน ผู้ผลิตในชุมชน เพื่อพัฒนาสินค้าชุมชน หรือ OTOP สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งสินค้าหัตถกรรม อาหาร และของที่ระลึก นอกจากนี้ยังช่วยจัดจำหน่ายสินค้าโดยจัดโซนสินค้า OTOP ที่สนามบิน และที่ King Power ทุกสาขา เพื่อเผยแพร่สินค้าจากภูมิปัญญาของคนไทยให้แพร่หลาย ล่าสุดเปิดตัวคอลเล็กชัน INDIGO ซึ่งนำเสน่ห์ของผ้าสีย้อมครามมาออกแบบตัดเย็บใหม่ให้ดูทันสมัยและสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยทีมนักออกแบบของ King Power ทำงานร่วมกับกลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร ครูช่างศิลปหัตถกรรม และศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ซึ่งวางจำหน่ายที่ The City Fanstore at King Power Stadium เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ



4. พลังด้านการศึกษาและสาธารณสุข (EDUCATION & HEALTH POWER)
นั้น มีมูลนิธิ King Power เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุขแก่เยาวชน ซึ่งกิจกรรมนี้มีมาถึง 13 ปีแล้ว โครงการช่วยเหลือต่างๆได้แก่ โครงการมอบตู้อบเด็กให้กับโรงพยาบาลในชนบท ซึ่งช่วยให้ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีสุขภาพที่แข็งแรงและเติบโต นอกจากนี้ยังสนุบสนุนโครงการก้าวคนละก้าวในปี 2560 เพื่อช่วยระดมทุนแก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลน 11 แห่งทั่วประเทศ



ส่วนในเรื่องฝีมือการปลุกปั้นทีมเลสเตอร์จากทีมเล็ก ๆ ให้เข้มแข็งจนสามารถ ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก และก้าวไปคว้าถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษนี่เองที่ทำให้นายวิชัย กับครอบครัวศรีวัฒนประภากลายเป็นที่รู้จัก และนับถือในความสามารถจากคนทั่วโลก
ทางธุรกิจนายวิชัย เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่และมีผลงานการบริหารธุรกิจมามากมาย ทั้งกิจการของตนเองและร่วมบริหาร เช่น บริษัทศรีอักษร (1980) จำกัด, กรรมการบริษัทไทยนิชิกาวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ จำกัด (มหาชน), กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส.(ไทยแลนด์) จำกัด และ กรรมการบริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีที่สร้างชื่อเสียงของนายวิชัยให้เป็นที่รู้จักนั้น เขาเริ่มบริหารงานในธุรกิจของครอบครัวบริษัทศรีอักษร ในปี 2523 จากนั้นในปี 2532 วิชัย เริ่มธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบินฮ่องกง จากชักชวนของเพื่อนชาวฮ่องกง จากนั้นด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีกับภาครัฐ “คิง เพาเวอร์” ได้เปิดร้านดิวตี้ฟรีที่กลางเมืองย่านเพลินจิตในปี 2532 และปี 2538 ได้สัมปทานในสนามบินดอนเมือง
จุดหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจ คือ ช่วงปี 2549 เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ คิง เพาเวอร์ กลายเป็นบริษัทได้บริหารพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายวิชัย เช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปลุกปั้น “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์” ที่ซอยรางน้ำ ย่าน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ

ปัจจุบัน เจ้าสัววิชัย เป็นประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรฯเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเข้าไปซื้อกิจการในปี พ.ศ.2553 ซึ่งช่วงแรกถือหุ้น 51% ก่อนที่ในปีเดียวกันได้เข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% มูลค่าการซื้อขายทั้งหมดอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ และในปี พ.ศ.2554 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรฯอย่างเต็มตัว

ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ในการจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2561 นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 5,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 171,000 ล้านบาท

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความดี ที่คุณวิชัยได้สร้างไว้ได้ปรากฏให้พวกเราทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เห็นแล้ว ผมก็ขอขอบคุณท่านอย่างมาก ที่คอยสนับสนุนโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาล สนับสนุนเด็กไทยฝึกฝีเท้าที่สโมสร มอบสนามและลูกฟุตบอลที่มีมาตรฐานให้กับคนไทย ช่วยชาวบ้านส่งเสริมสินค้าไทยให้คนต่างชาติรู้จัก และรู้สึกดีใจมากที่มีท่านคนนึงได้ช่วยเหลือสังคมไทยไว้เยอะมาก ๆ
เครดิต:    https://thestandard.co/king-power-thai-power-csr/
             https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000107512
เครดิตรูป: nationtv
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่