# เนื่องจากเรื่อง Homestay เป็นการดัดแปลงมาจาก นิยายเรื่อง Colorful หรือชื่อเรื่องว่า "เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม"
แม้ตัวละคร บริบท รายละเอียดต่างๆอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นกับการตีความของผู้กำกับ
แต่ใจความหลักนั้นเหมือนกัน
.
.
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบในส่วนของนิยายมากกว่าภาพยนตร์
เพราะอธิบายรายละเอียดของทุกตัวละครครบทุกตัว ทุกปมทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็น
พ่อ แม่ พี่ เพื่อน แฟน ได้เคลียร์ชัดเจน มีมิติ อ่านแล้วอินไปกับทุกการกระทำเบื้องหลังของตัวละคร
.
.
แต่หนังนั้นอาจจะด้วยเวลาที่จำกัดเพียงแค่ 2 ชม ทำให้ละเลยตัวละครที่สำคัญในครอบครัวไป
และทำให้ไม่รู้สึกอินกับเนื้อเรื่องที่ปูมาและบทสรุปที่เหมือนสำเร็จรูป
แต่หนังกลับเน้นไปที่ โปรดักชั่นที่อลังการ ภาพ CG ที่ตื่นตาตื่นใจ
การสืบสวนหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งก็ทำได้ดีและสนุกน่าติดตาม
แต่อาจละเลยความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆไป
ทำให้บทสรุปสุดท้ายรู้สึกว่าไม่อินไปกับเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่
.
.
นิยายเรื่อง Colorful นั้น พยายามจะบอกเราว่า ชิวิตนั้นเต็มไปด้วยหลากสีสัน
ไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวและสีดำเท่านั้น แต่ยังมีสีที่สดใส สีที่หม่นหมอง สีที่เป็นเทาๆ
.
.
เราควรมองชีวิตให้หลากหลายมุมมอง ลองมองดูในมุมของคนอื่นดูบ้าง
อย่าเพียงยึดติดแต่แค่ความคิดของเราเอง บางทีเราอาจจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เพราะเราทุกคนก็ล้วนอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบใบนี้นั่นเอง
.
.
นิยายเรื่องนี้ เขียนดีมากจริงๆ อ่านสนุกไม่น่าเบื่อ แถมให้แง่คิดกับชีวิตที่ลึกซึ้งมาก
อยากให้ทุกคนได้ลองอ่าน คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่อ่านแน่นอน
ดีใจที่ สนพ แจ่มใส ซื้อลิขสิทธิ์กลับมาแปลไทยอีกครั้ง หลังจากที่หาเล่มเก่าๆอ่านได้ยาก
เพราะเป็นหนังสือที่ออกมานานหลายปีแล้ว
.
.
สุดท้ายอยากจะฝากข้อคิดที่ได้จากทั้งหนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้คือ
"ชีวิตไม่ใช่เรื่องของ เหตุผล แต่เป็น ความเข้าใจ"
สำหรับคนที่ดู Homestay จบแล้วยังคาใจ อยากให้ลองไปอ่านนิยายต้นฉบับ Colorful ดูครับ
แม้ตัวละคร บริบท รายละเอียดต่างๆอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นกับการตีความของผู้กำกับ
แต่ใจความหลักนั้นเหมือนกัน
.
.
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบในส่วนของนิยายมากกว่าภาพยนตร์
เพราะอธิบายรายละเอียดของทุกตัวละครครบทุกตัว ทุกปมทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็น
พ่อ แม่ พี่ เพื่อน แฟน ได้เคลียร์ชัดเจน มีมิติ อ่านแล้วอินไปกับทุกการกระทำเบื้องหลังของตัวละคร
.
.
แต่หนังนั้นอาจจะด้วยเวลาที่จำกัดเพียงแค่ 2 ชม ทำให้ละเลยตัวละครที่สำคัญในครอบครัวไป
และทำให้ไม่รู้สึกอินกับเนื้อเรื่องที่ปูมาและบทสรุปที่เหมือนสำเร็จรูป
แต่หนังกลับเน้นไปที่ โปรดักชั่นที่อลังการ ภาพ CG ที่ตื่นตาตื่นใจ
การสืบสวนหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งก็ทำได้ดีและสนุกน่าติดตาม
แต่อาจละเลยความสัมพันธ์ของตัวละครอื่นๆไป
ทำให้บทสรุปสุดท้ายรู้สึกว่าไม่อินไปกับเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่
.
.
นิยายเรื่อง Colorful นั้น พยายามจะบอกเราว่า ชิวิตนั้นเต็มไปด้วยหลากสีสัน
ไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวและสีดำเท่านั้น แต่ยังมีสีที่สดใส สีที่หม่นหมอง สีที่เป็นเทาๆ
.
.
เราควรมองชีวิตให้หลากหลายมุมมอง ลองมองดูในมุมของคนอื่นดูบ้าง
อย่าเพียงยึดติดแต่แค่ความคิดของเราเอง บางทีเราอาจจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เพราะเราทุกคนก็ล้วนอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบใบนี้นั่นเอง
.
.
นิยายเรื่องนี้ เขียนดีมากจริงๆ อ่านสนุกไม่น่าเบื่อ แถมให้แง่คิดกับชีวิตที่ลึกซึ้งมาก
อยากให้ทุกคนได้ลองอ่าน คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่อ่านแน่นอน
ดีใจที่ สนพ แจ่มใส ซื้อลิขสิทธิ์กลับมาแปลไทยอีกครั้ง หลังจากที่หาเล่มเก่าๆอ่านได้ยาก
เพราะเป็นหนังสือที่ออกมานานหลายปีแล้ว
.
.
สุดท้ายอยากจะฝากข้อคิดที่ได้จากทั้งหนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้คือ
"ชีวิตไม่ใช่เรื่องของ เหตุผล แต่เป็น ความเข้าใจ"