สองสัปดาห์ ก่อน อยู่เวร ช่วงประมาณบ่ายโมง รถกู้ชีพนำส่ง คนไข้พม่าหญิง อายุ ประมาณ 30 ปี กู้ชีพ ให้ประวัติว่า ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ แล้ว เสียหลัก คนซ้อนปลิวไปกระแทกกับเสาไฟฟ้า ข้างทาง เสียชีวิตคาที่ ต้องการส่งศพมาชันสูตร เลยมีการสอบถามนิดหน่อยว่า ตกลงจะให้ชันสูตร หรือ ส่งมาช่วยชีวิต เขาก็ไม่ตัดสินใจ เลยตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจและปั๊มหัวใจก่อน ปรากฏว่า ป็มแค่ไม่ถึง 10 นาที หัวใจก็กลับมาเต้นปกติ แต่ คนไข้ไม่รู้สึกตัว ตรวจพบบาดแผลฉีกขาดที่หน้าผากด้านซ้าย และ มีเลือดจากหูซ้าย และ พบรอยแผลฟกช้ำที่หน้าอกด้านซ้าย จึงส่งไปเอ็กซเรย์ ปอด พบว่ามีเลือดออกในช่องอก ด้านซ้าย เลย ใส่สายระบายเลือดทางหน้าอก ปรากฏว่า ตอนที่ใส่มีเลือดออกจากช่องอกประมาณ 500 ซีซีได้ และ ตัดสินใจจะส่งต่อไปรพ.ศูนย์ ซึงปกติ เคสที่ไม่รู้สึกตัว จะให้ทำการultrasound ช่องท้อง ก่อนเพื่อดูว่ามีเลือดออกในช่องท้องหรือไม่ เลย ต้องเข็นคนไข้ไปห้องคลอด เพราะ เครื่อง ultrasound อยู่ห้องคลอด (หลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่ลากเครื่องultrasoundมา เพราะ ก่อนหน้านี้ เคยมีกรณี ที่ลากเครื่องมาจากห้องคลอด แล้ว การ์ดจอ หรือ เมนบอร์ดมีปัญหา เลยต้องส่งซ่อม กว่าจะซ่อมเสร็จใช้เวลาเป็นเดือน และเสียค่าซ่อมไปเกือบแสน ) พอultrasound ก็ไม่พบเลือดออกในช่องท้อง จากนั้น ก็โทรส่งต่อ รพ.ศูนย์ รพ.ก็รับทันที

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสอง พอจะไปปรากฏว่า สามีคนป่วย ซึ่งเป็นคนพม่าไม่รู้หายไปไหน เพราะ ปกติการจะส่งต่อคนไข้ ต้องให้ญาติไปด้วยอย่างน้อย1คน เพื่อเซ็นต์อนุญาติให้ทำการผ่าตัด ถามคนแถวนั้น ก็บอกว่า สามีขับมอเตอร์ไซค์ กลับไปเอาพาสปอร์ต รอแล้ว รอเล่า ความดันคนไข้ ที่เคยปกติ ก็ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนต้องให้ยากระตุ้นหัวใจเป็นพักๆ จนสุดท้าย กว่าสามีจะกลับมา บ่ายสามโมงครึ่ง !!! เลย รีบนำตัวขึ้นรถrefer แล้ว ส่งไปรพ.ศูนย์ หลังจาก รถออกไปได้แค่สิบนาที ถึงแค่หน้ารร  คนไข้ หัวใจหยุดเต้น ต้องปั้มหัวใจบนรถ เลยให้เลี้ยวรถกลับเอาคนไข้มาอีกรอบ หลังจากนั้นก็ปั้มหัวใจไม่ขึ้นอีกเลย

เรียกได้ว่า มีบุญจะรอดชีวิต แต่ มี กรรมมาบัง