"Homestay - โฮมสเตย์"
----------------------------------
Score: 9/10
----------------------------------

สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชม "Homestay" ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies

“ทริลเลอร์-แฟนตาซี” คืออีกหนึ่งแนวหนังที่ใหม่มากสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย เช่นเดียวกันกับค่ายหนังมาตรฐานสูงอย่าง “GDH” ที่ก็เริ่มทำหนังแนวนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยหยิบวรรณกรรมของนักเขียนชาวญี่ปุ่น Eto Mori มาปรับบริบทให้เข้ากับความเป็นไทย ผ่านระยะเวลาในการเขียนบทนานถึง 3 ปี จนออกมาเป็น “Homestay (โฮมสเตย์)” หนังที่พูดถึงการได้รับรางวัลของวิญญาณเร่ร่อนตนหนึ่งให้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตบนโลกผ่านร่างของ “มิน” ร่างชั่วคราวที่เขาเข้ามาสิงเป็นเวลา 100 วัน โดยมีข้อแม้ว่า “เขาจะต้องตอบให้ได้ว่าร่างที่ตนเองสิงอยู่นั้น ตายเพราะอะไร?” ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเขาตอบได้ เขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกครั้ง แต่หากทำไม่ได้ วิญญาณนั้นก็จะต้องกลับออกจากร่างและจะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป!!!

นับว่าเป็นพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับความเป็น “หนังไทย” ที่ดูจากเรื่องย่อแล้ว มันยากมากที่จะทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ซึ่งนอกจากเรื่องของการแสดงที่ต้องทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของตัวละครแล้ว การเล่าเรื่อง รวมถึงงานเทคนิคด้านภาพยิ่งมีส่วนสำคัญให้หนังสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาเองได้อย่างน่าชื่นชม เพราะด้วยฉากเริ่มเรื่อง หนังก็ฉุดผู้ชมให้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงนี้ได้ผ่านงาน CG ที่โคตรเนียนและส่งผลให้เราเชื่อได้ง่ายๆเลยว่ามันคือความจริง

หนังทำให้เราลืมโลกภายนอกโรงภาพยนตร์ และดึงเราเข้าไปอยู่ในโลกของเรื่องราวในที่ผู้สร้างต้องการสื่อได้สำเร็จตั้งแต่ 15 นาทีแรก ซึ่งนั่นคือข้อได้เปรียบที่ทำให้หนังสามารถดึงอารมณ์ร่วมของเราไปได้อย่างง่ายดายในพาร์ทของการหาคำตอบว่ามินตายเพราะอะไร?? ความน่าสนใจคือ ตัวละครของมินหลังการถูกสิงนั้นก็จำอะไรไม่ได้ ข้อมูลที่จะใช้ตอบคำถามการตายจึงเป็นศูนย์เช่นเดียวกับตัวผู้ชมทุกคน นั่นก็หมายความว่า “ไม่ว่าตัวละครจะพบเจอข้อมูลอะไรใหม่ๆ ตัวเราก็จะได้รู้ไปพร้อมๆกัน ได้คิด ได้เดาสุ่มสี่สุ่มห้าไปด้วยกันนั่นเอง” ความสนุกจึงอยู่ที่การมีตั้งคำตอบในใจของผู้ชมว่ามินในร่างที่ถูกสิงจะตอบคำถามได้ตรงกับคำตอบของเราหรือไม่ แล้วความจริงในตอนท้ายเป็นเช่นไร ซึ่งเพียงแค่หนังสามารถดึงให้ผู้ชมได้ร่วมค้นหาคำตอบ จนกระทั่งสร้างคำตอบได้ในใจ นั่นถือว่าหนังทำสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว

เพียงแต่ ด้วยความที่หนังมีเรื่องราวที่ดราม่าหนักๆอยู่ตลอด มีการลบล้างประเด็นเก่า และเกิดประเด็นใหม่ จนผู้ชมต้องคิดใหม่ เอาใหม่เกือบทั้งเรื่อง มันเลยทำให้ไดนามิกของเรื่องมันเป็นลูปของความซ้ำซากที่มันมีความพีคในทุกๆลูปจนมันแทบไม่รู้สึกถึงความพีคแบบสัมบูรณ์ที่เปรียบเสมือนไฮไลท์ของหนัง หลายคนที่ชมจึงรู้สึกได้ถึงความไปไม่สุด ทั้งๆที่ประเด็นของหนังนั้นหนักมากพออยู่แล้ว

ในแง่ของการแสดง ผมเชื่อว่าผู้ชมทุกคนยอมรับในความสามารถอันโดดเด่นของ “ทีมานักแสดง” จากภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นบทเด่น บทรอง หรือจะแค่ตัวประกอบ ล้วนแล้วแต่มีน้ำหนักที่มีส่วนสำคัญต่อเรื่องราว (ไม่ใช่เพียงมีไว้ เพื่อดึงดูดผู้ชม) งานสร้างทุกอย่างก็ทำได้อย่างพิถีพิถันในระดับที่ล้ำเกินมาตรฐานหนังไทย หลายๆส่วนนี้เองที่ทำให้ “Homestay” เป็นภาพยนตร์ GDH อีกหนึ่งเรื่องที่ประสบความสำเร็จในแง่ของการสื่อสารที่หนังพาผู้ชมสนุกไปกับโลกของผู้คุมและวิญญาณตนนี้ได้อย่างเพลิดเพลินในเวลากว่า 2 ชั่วโมง

ท้ายสุดขอฝากเพจรีวิวด้วยนะครับ มากดไลก์และเปลี่ยนความคิดเห็นกับรีวิวหนังใหม่ๆกันที่ https://www.facebook.com/FeedbackMovies
ขอบคุณครับ