*** ปัญหาทั้งหมดผมขอยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการครับ
    *** ช่างและศูนย์ยามาฮ่าบริการดีมาก ***ผมขอติแค่เรื่องคุณภาพของตัวรถครับ***
         1. ผมขับปกติ ไป-กลับที่ทำงาน ประมาณ 20 Km
         2. รถสภาพเดิม ไม่มีการแต่งหรือปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆทั้งสิ้น
         3. รถดูแลรักษาอย่างดี หล่อลื่นโซ่ เติมน้ำมัน E95 เข้าศูนย์ยามาฮ่าเช็คระยะตามกำหนดทุกครั้ง
         4. ผมหวังว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างมืออาชีพจากยามาฮ่าศูนย์ใหญ่ เพราะผมไม่เหลือความเชื่อมั่นในรถคันนี้แล้ว
         5. ผมได้รับความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยอาจถึงเสียชีวิต

ปัญหาครั้งที่ 1 (ปลายเดือน มี.ค. 2561)

         - ปัญหาเริ่มตอนที่รถวิ่งได้ประมาณ 7,500 Km อยู่ๆเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นจนรู้สึกได้ วันต่อมานำรถไปที่ศูนย์ยามาฮ่าแห่งแรกเพื่อเช็คระยะตรวจสอบสภาพ ช่างศูนย์บอกว่าน้ำมันหล่อลื่นโซ่น้อยเกินไป หลังจากกลับมาที่บ้าน ผมก็ได้ฉีดโซ่ตามปกติและเสียงที่ดังก็ยังไม่หาย ซึ่งช่างบอกว่าเป็นเสียงปกติ รถรุ่นนี้เครื่องจะดังอยู่แล้ว
         - เมื่อถึง 8,000 Km ผมเข้าศูนย์ยามาฮ่าอีกแห่งที่อยู่ใกล้บ้าน เมื่อไปถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ ช่างได้แจ้งว่ารถมีเสียงดังผิดปกติ และจะไม่เคลมให้ ต้องให้ร้านที่ผมซื้อรถมาเคลมให้เอง ***ในตอนนี้ เสียงเครื่องของผมดังขึ้นมากจนเหมือนเครื่องจะระเบิดครับ ส่งคลิปให้เพื่อนๆในกลุ่ม Facebook R15 ดู ทุกคนต่างบอกว่าเสียงดังมากเหมือนรถดูคาติ บางคนก็บอกว่าเหมือนรถจะพัง
         - วันต่อมา(ประมาณต้นเดือน เม.ย. 2561) ผมส่งรถให้ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ซื้อมา เพื่อส่งต่อให้
ศูนย์ยามาฮ่าแห่งที่ 3 ที่ขายรถให้ร้านตัวแทนจำหน่าย เพื่อไปตรวจสอบ ผ่านไปประมาณ 4-5 วัน ศูนย์ยามาฮ่าแจ้งว่าลูกปืนราวลิ้นแตก ไม่มีของต้องรอเคลมและติดช่วงสงกรานต์ อาจจะต้องรอของไปอีกประมาณ 2 อาทิตย์ หรือเลือกที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อลูกปืนราวลิ้นกับทางร้านในราคา 1,400 บาท ซึ่งจะเปลี่ยนให้ได้ทันที ผมตัดสินใจรอเพราะรถยังไม่ถึง 8,000 Km และอยู่ในประกัน

ปัญหาครั้งที่ 2 (วันที่ 25 เม.ย. 2561)

         - หลังจากผ่านไปเกือบ 3 อาทิตย์ ศูนย์แจ้งว่าของมาส่งแล้ว กำลังประกอบจะได้รับรถช่วงเย็น
         - ในวันเดียวกันช่วงเย็นตอนประกอบเข้า ช่างศูนย์ยามาฮ่าเจอชิ้นส่วนเกี่ยวโยงที่เสียหายอีก 1 ชิ้น คือ Cam (ลูกเบี้ยว) ที่เสียหาย และยังขอไม่ส่งมอบรถให้ จะทำเรื่องเคลมลูกเบี้ยวให้อีกชิ้น ซึ่งต้องรอไปอีก 2 อาทิตย์
         - ผมจึงแจ้งเจตจำนงค์ว่าผมลำบากมาก ไม่มีรถใช้ ศูนย์จึงให้ยืมรถใช้งานเกียร์ออโต้มาก่อน ผมไปรับรถใช้งาน ในวันที่ 25 เม.ย. 2561 และผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ ผมจึงได้รับรถของผมคืนในวันที่ 7 พ.ค. 2561 ที่ศูนย์ให้ดูหลักฐานชิ้นส่วนที่พังและเอกสารทำเรื่องเคลม





         - รวมเวลาที่รถอยู่ในศูนย์ 1 เดือนกว่าๆ

ปัญหาครั้งที่ 3 (วันที่ 8 พ.ค. 2561)

         - หลังจากได่รถกลับมาใช้งาน 1 วัน รถเริ่มมีเสียงดังเกิดขึ้นอีกครั้ง ช่างวิเคราะห์ว่าเกิดจากปัญหาวาล์วมีเสียงดัง ให้นำเข้าไปปรับตั้งและมีคิวอยู่เยอะ จะต้องรอประมาณ 2 วัน แต่แนะนำให้เอารถไว้ที่ร้าน เพราะอาจเกิดอันตรายได้จากการขับขี่ ซึ่งตอนนั้นผมตัดสินใจเอารถไปไว้ที่ร้าน และนำรถเกียร์ออโต้ที่ทางร้านให้ใช้งานระหว่างรอรถตั้งวาล์วเสร็จ ประมาณ 3 วัน ผมได้รับรถคืนมา

ปัญหาครั้งที่ 4 (วันที่ 19 พ.ค. 2561)

         - รถเริ่มกลับมามีเสียงดังมากอีกครั้ง เหมือนครั้งแรกที่ผมเอารถเข้าศูนย์ ขณะนั้นรถผมวิ่งทั้งหมดประมาณ 8,xxx Km

คลิป

         - **** ในเช้าวันที่ 21 พ.ค. ขณะที่ผมขับรถไปทำงาน อยู่ดีๆรถผมก็รอบเครื่องยนต์ตกอย่างหนักกลางถนนและเกิดอาการหน่วงฉับพลัน เร่งความเร็วไม่ขึ้น ผมต้องรีบเปิดไฟฉุกเฉินประคองรถเข้าข้างทาง โชคดีที่วันนั้นผมไม่ได้ขับรถไปทำงานทางถนนใหญ่ ไม่งั้นผมอาจจะเสียชีวิตแล้วก็ได้ เนื่องจากเครื่องยนต์หยุดการทำงานกลางถนน หลังจากนั้นผมก็สตาร์ทรถไม่ติดอีกเลย

รูปเหตุการณ์วันนั้น

         - ผมโทรหาที่ทำงานเพื่อลากิจ ติดต่อร้านตัวแทนจำหน่ายขอรถยก ติดต่อศูนย์ยามาฮ่าร้านที่ขายรถให้ตัวแทนจำหน่ายเพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิด และยังโทรหา Call center ของยามาฮ่าเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหารถของผม พร้อมทั้งขอการช่วยเหลือ เพราะผมไม่เหลือความมั่นใจ เชื่อใจในยามาฮ่าและรถคันนี้อีกแล้ว ถ้าเกิดครั้งหน้ารถคันนี้ดับกลางถนนอีก ผมอาจถึงตายได้เลย  
         - หลังจากคุยกับทาง Call center และศูนย์ยามาฮ่า คำตอบที่ได้คือไม่มีนโยบายเปลี่ยนคันใหม่ให้ และจะเปลี่ยนเพียงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น (ถึงตอนนี้ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ว่ายามาฮ่าอาจจะไม่สนใจในความปลอดภัยของลูกค้าเลยรึเปล่า? ทั้งๆที่รถยังใหม่วิ่งเพียง 8,249 Km)


         - ผมได้รถยืมใช้งานจากร้านตัวแทนจำหน่าย เป็น Honda Wave

รูปรถยืมใช้งาน

         - ศูนย์แจ้งว่าลูกปืนราวลิ้นแตกอีกครั้ง???? และเมื่อผ่าเครื่อง ตรวจสอบภายในอย่างละเอียด ได้ตรวจพบแคร้งเครื่องแตก ช่างอธิบายว่าอาจจะเกิดจากเศษลูกปืนราวลิ้นที่แตกครั้งแรกไปกระแทกกับเเคร้งจนแตกและยังไปอุดตันรูน้ำมันหล่อลื่นทำให้ลูกปืนราวลิ้นแตกตามไปด้วย และจะตรวจสอบอุณหภูมิของลูกปืนราวลิ้นก่อนส่งมอบอีกครั้ง
         - ซึ่งครั้งนี้ช่างแจ้งว่าต้องรอของอีกนาน ยังไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ และหากเปลี่ยนแคร้งแล้วต้องทำการตอกเลขเครื่องใหม่ที่ขนส่ง
หลังเปลี่ยนแคร้งกับลูกปืนราวลิ้นเสร็จ ผมขอรถมาใช้งานก่อน เพราะต้องรอคิวตอกเลขเครื่องที่ขนส่ง สภาพจิตใจผมแย่มาก เพราะต้องผ่อนลมไม่ได้รถมาใช้งานหลายเดือน
         - ผมได้รถกลับมาวันที่ 3 ก.ค. 2561 รวม 44 วัน ที่รถผมอยู่ในศูนย์
         - รวมเวลาที่รถผมอยู่ในศูนย์ทั้งหมดตั้งแต่ปัญหาครั้งแรกคือประมาณ 3 เดือน ทั้งๆที่อายุรถผมยังไม่ถึง 1 ปี

ปัญหาครั้งที่ 5 (วันที่ 5 ก.ค. 2561)

         - หลังจากได้รถกลับมา 2-3 วัน รถผมมีปัญหาสตาร์ทติดยากมาก เอาไปให้ศูนย์แก้ ได้เรื่องว่ารถจอดนาน มีคราบเกลือติดอยู่ที่สวิตซ์สตาร์ท ต้องทำความสะอาดคราบเกลือก่อน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ปัญหาครั้งที่ 6 (วันที่ 14 ต.ค. 2561)

         - มีปัญหาสตาร์ทติดยากอีกครั้ง แต่ต่างจากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เหมือนเครื่องเย็นแล้วสตาร์ทติดยาก
ช่างศูนย์ตรวจดูรอบเครื่อง เห็นว่าต่ำกว่ามาตรฐานและจะตรวจสอบวาล์วอีกครั้ง มีค่าตั้งวาล์ว 350 บาท และค่าเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง(เนื่องจากต้องถอดออกทั้งชุด) 145 บาท ซึ่งลูกค้าต้องรับผิดชอบ และต้องทิ้งรถไว้อีก 1 วัน
         - ผมได้รับรถเกียร์ออโต้มาใช้อีกครั้ง
         - วันต่อมาช่วงบ่ายๆ ช่างโทรมาบอกว่า ซีลน้ำหล่อเย็นหลุดลงไปในหม้อน้ำหล่อเย็น จะทำเรื่อง
เคลมให้ แต่ต้องรอของประมาณ 1 อาทิตย์
         - ช่างแจ้งว่าสตาร์ทติดยากเกิดจากน้ำหล่อเย็นผสมกับน้ำมันเครื่องในห้องเครื่อง และไม่จำเป็น
ต้องตั้งวาล์วเนื่องจากไม่ใช่สาเหตุที่รถสตาร์ทติดยาก
         - ผมจ่ายแค่ค่าเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง 145 บาท
         - ผมได้รถคืนประมาณวันที่ 23 ต.ค. 2561 ช่างแจ้งว่ารอบเครื่องยนต์กลับมาเป็นปกติ

ปัญหาครั้งที่ 7 (วันที่ 27 ต.ค. 2561)

         - รถมีปัญหาสตาร์ทติดยากอีกครั้ง ปัญหาเหมือนครั้งที่ 6 ผมต้องเอารถไปทิ้งข้ามคืนไว้ที่ศูนย์

คลิป

         - ได้รับรถใช้งานเกียร์ออโต้
         - ช่างแจ้งว่ารถผมสตาร์ทติดยากเพราะว่า ลูกสูบและเสื้อสูบเป็นรอย??? จะทำการเคลมให้ใหม่
         - หลังจากที่ของมาในวันที่ 8 พ.ย. 2561 ทางศูนย์แจ้งว่ามีค่าใช้จ่าย 36 บาท เป็นค่า Stud bolt(สลักเกลียวไม่มีหัว) เนื่องจากของเก่าที่ติดเสื้อสูบเอาไม่ออก ถ้าจะทำเรื่องเคลมก็ได้ แต่ลูกค้าต้องรอ
         - ผมได้รับรถคืนมาวัน 10 พ.ย 2561

ปัญหาครั้งที่ 8 (วันที่ 10 ต.ค. 2561)

         - ปัญหาเกิดขึ้นทันทีที่ผมได้รับรถ ปัญหาเดิมเหมือครั้งที่ 6 และ 7 ผมสตาร์ทรถไม่ติดหน้าศูนย์ยามาฮ่า ต้องสตาร์ทหลายครั้งกว่าจะติด แต่ด้วยความที่ผมมีธุระด่วนต่อ จึงต้องทนใช้ไปก่อน
         - ผมมีแผนว่าจะนำรถไปตรวจสอบทั้งคันที่ศูนย์ใหญ่บางนาครับ


   

สรุป

         1. ผมซื้อรถมา 1 ปี เสียเวลาจอดที่ศูนย์และผ่อนลมฟรีๆ รวมทั้งหมดประมาณ 4 เดือน ซึ่งมันนานมากเกินไป
         2. ปัญหารวมทั้งหมด 8 ครั้งและผมมั่นใจว่าถ้าใช้คันนี้ต่อปัญหาจะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคต
         3. ผมอยากได้คำตอบหรือวิธีการแก้ไขดีๆจากทางยามาฮ่าศูนย์ใหญ่นะครับ