[CR] ไปกอดเขา...ให้เราอุ่น...ทริป 2 วัน 1 คืน @เขาหลวง สุโขทัย

อยู่เหงาๆ ไปหาเขากันดีกว่า

2 วัน 1 คืน เป็นทริปแก้เหงา ไปหาเขา...ให้เราอุ่น พูดคุยตกลงกันเป็นดิบดี จองตั๋วรถทัวร์ไปกลับเรียบร้อย ด้วยบริการของสุโขทัยวินทัวร์ ออกเดินทางคืนวันที่ศุกร์ที่ 12 ต.ค. 2561 รถออก 22.30 น. ณ หมอชิต กรุงเทพฯ และเดินทางกลับคืนวันที่ 14 ด้วยรถเที่ยว 22.00 น. ณ ขนส่งสุโขทัย เป็นทริปสั้นๆ แต่มันส์สะเด่า
รถราก็นั่งสบาย มีที่ชาร์ตแบตมือถือพร้อม ขึ้นรถได้ก็นอนหลับตามอัธยาศัย ระหว่างทางมีแวะพักให้กินข้าว และเข้าห้องน้ำ

ประมาณตีห้าก็ถึงจุดหมาย เข้าห้องน้ำทำธุระปะปังเรียบร้อย ก็มานั่งวางแผนว่าจะเช่ารถมอไซด์ หรือเหมารถไปอุทยานแห่งชาติรามคำแหงดี จะเช่ารถก็ต้องรอสายๆ เพราะร้านเช่ายังไม่เปิด เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวสถานี มีคุณลุงรถตุ๊กๆ มาเสนอราคาเหมา 600 เรายังมึนงง ตัดสินใจไม่ได้ ลุงลดราคาให้อีกเหลือ 500 เราก็ยังอึนๆ อยู่ ไม่รู้เอาไงดี ไปกันสองคน

ฟ้าสว่างแล้ว เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ทยอยมา เราเลียบๆ เคียงๆ ไปถาม กะจะหาคนช่วยหาร แต่พอดีเค้ามีรถกันซะแล้ว แล้วในที่สุดเราก็ได้เพื่อนร่วมทางอีก 3 คน ตกลงราคากันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังตลาดคีรีมาศ เพื่อเตรียมเสบียง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมหวาน จัดเต็ม เสร็จแล้วก็แวะเซเว่นตุนของแห้ง อาทิ มาม่า ปลากระป๋อง ไข่ต้ม โอวัลติน สุดแล้วแต่ความชอบ เพราะบนโน้นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการกิน นอกจากน้ำ และเตาแก๊ส ที่มีให้
ระหว่างรอเตรียมความพร้อมก็เดินเล่นในตลาดซะหน่อย

เสร็จสรรพเราถึงอุทยานประมาณ 8.30 น. แต่วันนี้ที่ทำการมีความติดขัดหลายอย่าง เนื่องจากเป็นวันหยุดต่อเนื่องสามวัน เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่มีมากกว่าปกติ การจัดการเรื่องเต้นท์และที่พักมีปัญหาเล็กน้อย กว่าจะได้ลงชื่อ ลงทะเบียนเสร็จ และเดินขึ้นเขาก็ปาเข้าไป 10.30 น. และข่าวร้ายที่สุดก็คือ "ลูกหาบหมดดดดดดดด" อยากจะกรี๊ดดดด ให้ลั่นป่า ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาแบกของขึ้นเขาอ่า ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้

รูปก็จะสั่นๆ หน่อย ใช้มือถือถ่าย มือก็สั่น ขาก็สั่น เอาจริงๆ ตอนเดินไม่มีกะจิตกะใจจะถ่ายรูปเลย

ทั้งๆ ที่คิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้ว ฟิตร่างกายมาแล้ว แต่การแบกกระเป๋าขึ้นเขา ไม่เหงาหรอก แต่เหนื่อยอิ๊บอ๋าย เหงื่อไหลเหมือนอาบน้ำ ตะคริวพร้อมจะงับขาตลอดเวลา น่องแข็งตึงที่สุดในชีวิต บ่าก็ปวด แบกกระเป๋าไปคนละสองสามใบ เพราะคาดหวังว่าจะเอาไปฝากลูกหาบ แล้วเราจะเดินถ่ายรูปชิวๆ สวยๆ ฝันไปเถอะ ไอ้ข้าวเหนียวหมูที่เตรียมมาจะกินระหว่างทาง แบบสนุกสนานนั้น เป็นอันอยู่ในกระเป๋าไปยันบ่ายสองโน่น
ลานกางเต้นท์ที่เต็มไปด้วยคนหัวใจทรหดทั้งนั้น

ระหว่างทางเจอพี่ จนท. ใจดี ช่วยแบกของเล็กๆ น้อยๆ มาให้ แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก และเตาแก๊ส ถือว่าเราโชคดีมากๆ ต้องขอขอบคุณพี่ จนท. ด้วยนะคะ พี่เค้าบอกว่าให้ไปใหม่ ช่วงหน้าฝนจะได้เจอกับทะเลหมอกด้วย แต่เราลังเลนิดส์นึง เพราะกว่าจะขึ้นมาถึงตรงนี้ ไม่ง่ายยยยค่ะ

เราถึงลานที่พักประมาณ 14.45 นาที ใช้เวลาในการเดินประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ หยุดแวะพักเป็นระยะๆ พอให้มีแรงฮึด เพราะยิ่งพักนาน ยิ่งเหนื่อยค่ะ อดทนตะลุยให้ถึงไปเลยดีกว่า หลังจากเตรียมที่พักเสร็จ อาบน้ำหวังว่าจะคลายเมื่อยล้าได้บ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ต้องใช้ยานวดค่ะ แผ่นแปะแก้ปวด ยาแก้ปวด งัดมาใช้ทุกอย่าง

ชอตอาบน้ำ กระชากใจมาก บ่ายสาม น้ำจะเย็นไปไหนคะ เย็นจนมือชา ทนไม่ไหว ต้องกรีดร้องประหนึ่งโดนหวายลงอาคมของหลวงพ่อวันดอน แต่อากาศไม่ได้หนาวเย็นนะคะ กำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวค่ะ สำหรับตอนบ่าย

หลังจากจัดการให้ท้องอิ่มเวลาก็ล่วงเลยมาใกล้จะห้าโมงเย็น คนนึงอยากเอนหลัง คนนึงกลัวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตก สุดท้ายตกลงไปรอดูพระอาทิตยืตกที่เขาพระแม่ย่ากันค่ะ

เราไปถึงก็มีคนรอจองโลเคชั่นกันอยู่แล้วนะคะ



สุดท้ายตะวันก็ลาลับไป

คืนนั้นดาวสวยงามเต็มท้องฟ้า เราต้มมาม่ากินกับปลากระป๋อง และไข่ต้มที่ตุนมาจากเซเว่น เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ แต่อร่อยมาก พวกเราหลับไปอย่างง่ายดาย และมีความสุข

เสียงโฉ่งฉ่าง โป๊งป๊าง ในการล้างหม้อไห กระทะชาม ของเต้นท์ข้างๆ ดังอยู่ห้างหู ประหนึ่งนาฬิกาปลุกชั้นดี  ปั๊ดโธ่...ตื่นมาล้างมาคุยอะไรกันตอนตี 4 เนี่ย แม่เจ้า...พยายามจะหลับต่อ แต่ไม่ไหวจริงๆ เหมือนพี่อี๊ดโปงลางมาดีดไหเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ บนเขา นี่ถ้าเซิ้งได้ ไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขา จะจัดให้เอาใจคนล้างหม้อซะหน่อยยย 555 ไหนๆ ก็ตื่นแล้วเลยลุกมาทำธุระส่วนตัว เพื่อรอเวลาไปดูแสงยามเช้าที่เขานารายณ์กัน

ตีห้าครึ่ง พร้อมไฟฉายในมือ ยอดเขาอยู่ไม่ไกลนัก ห่างจากที่พักประมาณ 400 เมตร พอไปถึง ตกตะลึงเล็กน้อย ประชากรชาวเขาเยอะมากกกกกก ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะเก็บภาพบรรยากาศยามเช้ากันอย่างเต็มที่ เราก็เช่นกัน
แม้เราจะไม่ได้ยืนบนหินก้อนนั้น แต่เราได้มองเห็นมันในมุมที่สวยงาม



ถ่ายเป็นที่ระลึกมาตอนขากลับ


มนุษย์ตัวเล็กนิดเดียวถ้าเทียบกับธรรมชาติ

ภาพตอนเดินขึ้นเขา ลงเขา มีน้อยมาก ไม่มีความพร้อม และกะจิตกะใจที่จะถ่ายเลย ตอนขึ้นก็เหนื่อย ตอนลงก็ทางชัน ลื่น และอันตราย ต้องระวังสุดๆ เราลงจากที่พักเช้าวันที่ 14 ต.ค. ตอน 8.30 น. ถึงพื้นราบที่ทำการประมาณ 10.45 น. ทำเวลาเร็วกว่าตอนขึ้นหนึ่งชั่วโมง ตอนลงไม่เหนื่อยเท่าตอนขึ้น เพราะหาลูกหาบได้ ช่วยผ่อนแรงไปได้เปลาะนึง

ขากลับก็นัดกับเพื่อนร่วมทางที่เราเจอตอนขามา โดยโทรให้ลุงตุ๊กๆ มารับ แล้วเหมาแกไปเที่ยวต่อ เราใช้เวลาเดินทางจาก อช.รามคำแหงถึงในเมืองประมาณขั่วโมงนิดๆ บ่ายโมงกว่าๆ ก็มาถึงในเมือง เราออกสตาร์ทกันที่การหาของกินใส่ปากท้อง โดยแยกย้ายกันไปตามความชอบ เราสองคนเลือกที่นี่ค่ะ Cafe & Bristo  เลือกเพราะชื่อเก๋ๆ บรรยากาศโปร่งโล่ง ดูสบายๆ แต่โดยรวมแล้วอาหารพอทานได้นะคะ ไม่ดีเลิศ ไม่แย่มาก กลางๆ ค่ะ แต่รอนานไปนิดนึง




อากาศร้อนๆ เด็ดสุดก็คงจะเป็นเสาวรสปั่นนี่ละค่ะ ถูกใจ

พอร์คชอป เนื้อค่อนข้างเหนียวไปหน่อยค่ะ เครื่องเคียงเยอะเกินเน๊อะ ดูเป็นกองๆ กินไปได้นิดเดียว เสียดายของ

ผักขมพันเบคอนอบชีส ผักขมมันเป็นต้นๆ ไปหน่อย พันคอ เหนียว เคี้ยวยากค่ะ

หลังจากอิ่มท้อง เราก็มาย้อนรำลึกอดีตและความรุ่งโรจน์ที่ผ่านมาที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยเราเลือกไปที่วัดศรีชุม และวัดมหาธาตุเป็นหลัก สถานที่แห่งนี้ทำให้เรานึกถึงบรรพบุรุษของเราในสมัยโบราณที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรง และเทคโนโลยีใดๆ แต่สามารถสร้างสิ่งที่สวยงามและยิ่งใหญ่ เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งชนชาติ และความศรัทธา ช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง และภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ และตัวตนที่ถ่ายทอดออกมาผ่านสิ่งปรักหักพังเหล่านี้...






เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามอ่อนช้อย งดงามจับตาจริงๆ ค่ะ





หลักฐานและเศษซากต่างๆ บ่งบอกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรสุโขทัยโบราณจริงๆ ค่ะ


บ๊าย บาย สุโขทัยเมืองเก่า จากเขา เพื่อที่จะคิดถึงเขา และจะกลับไปหาเขาในที่สุด  เขาหลวง สุโขทัย

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่นี่นะคะ  
https://www.facebook.com/kalokekalatraveller/

สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ จ้า
ค่ารถไปกลับ กรุงเทพ-สุโขทัย 361+361 = 722 บาท
ค่ารถไปกลับ อช.รามคำแหง + ขนส่งสุโขทัย 120+120 = 240 บาท
ค่าเข้าอุทยาน = 40 บาท
ค่าเต้นท์สำหรับ 2 คน + ผ้าห่มหนา 3 ผืน 1 คืน 150+90 = 240 หาร 2 = 120 บาท
ค่ามัดจำขยะ 200 บาท ได้คืนเมื่อเอาขยะลงมาจากข้างบน
ค่าจ้างลูกหาบขากลับ 10 กก. = 250 หาร 2 = 125 บาท
ค่ารถเหมาในเมือง = 100 บาท
ค่าบัตรเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ 2 ที่ = 40
ค่าอาหารต่อคนรวมทั้งหมด ทุกมื้อ ประมาณ 400 บาท

เบ็ดเสร็จแล้วจ่ายไป 722+240+40+120+125+100+40+400 = 1,787 บาท
สรุปรวมๆ ค่าใช้จ่ายอยู่ในงบไม่เกิน 2,000 บาท สบายๆ ค่ะ
ปล. โค๊กกระป๋องละ 35 บาท นะคะ ข้างบน
ชื่อสินค้า:   เขาหลวง สุโขทัย (อุทยานแห่งชาติรามคำแหง)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่