‘ป๋าเปรม’ต้อนรับ‘มหาเธร์’ ดีใจได้พบเพื่อนเก่าในรอบ30ปี (ประมวลภาพ)
ป๋าเปรม”ดีใจพบเพื่อนเก่า“มหาเธร์” ยินดีได้นั่งนายกฯ พร้อมถามสารทุกข์สุกดิบ หลังไม่เจอกันนานเกือบ 30 ปี รำลึกความหลังครองนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน 7 ปี หนุนแก้ปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ -3 จชต.
เมื่อเวลา 10.55 น.วันที่ 25 ต.ค.61 ที่บ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้การต้อนรับ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
โดย พล.อ.เปรม ได้เดินมารอคณะของนายมหาเธร์ บริเวณด้านหน้าอาคารบ้านพักฯ จากนั้นได้พูดคุยทักทายกันก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารบ้านพักพร้อมกัน โดยพล.อ.เปรมสวมเสื้อผ้าไทยทรงพระราชทานสีม่วง และมีสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล สน.สามเสน และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าบ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์
ทั้งนี้ พล.อ.เปรมได้ใช้เวลาพูดคุยกับนายมหาเธร์ เป็นเวลาประมาณ 15 นาที จากนั้น พล.อ.เปรม ได้มอบของที่ระลึกเป็นรูปภาพลายไทยพระนารายณ์ทรงสุบรรณลงรักปิดทอง ในส่วนของนายมหาเธร์ ได้มอบรูปทำเนียบของมาเลเซียเป็นของที่ระลึกให้ พล.อ.เปรม ด้วยเช่นกัน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นเพราะทั้ง 2 บุคคลไม่ได้เจอกันนาน ก่อนที่คณะของนายมหาเธร์ จะเดินทางกลับ โดย พล.อ.เปรม ได้เดินออกมาส่งขึ้นรถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะเดินทางมาถึง ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้าไปยังบ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์ เพื่อดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะเป็นเจ้าภาพคอยกำกับดูแล
ทั้งนี้ พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวว่า พล.อ.เปรม พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ รวมถึงสุขภาพของกันและกัน หลังจากที่ไม่เจอกันนาน และแสดงความยินดีที่นายมหาเธร์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามความต้องการของประชาชนมาเลเซีย
“พล.อ.เปรม ดีใจที่นายมหาเธร์ มาพบ และดีใจที่นายมหาเธร์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้ง 2 ท่านได้รำลึกความหลังกัน โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.เปรม ได้ส่งจดหมายส่วนตัว ผ่านช่องทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศ ไปแสดงความยินดี ในช่วงที่นายมหาเธร์รับตำแหน่งใหม่ๆ” พล.ท.พิศณุ กล่าว
พล.ท.พิศณุ ยังเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่าง พล.อ.เปรม กับ นายกมหาเธร์ ว่า ทั้ง 2 ท่านมีความใกล้ชิดกันมาก เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกันประมาณ 7 ปี ซึ่งในช่วงนั้นนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ในประเทศมาเลเซีย ในขณะที่ พล.อ.เปรม ขอให้ทางมาเลเซียสนับสนุนแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงความร่วมมือในด้านอื่นๆอีกมาก คาดว่าทั้ง 2 ท่านไม่ได้เจอกันนานเกือบ 30 ปี
พล.ท.พิษณุ เปิดเผยต่อว่า พล.อ.เปรม สุขภาพแข็งแรงดี แต่จำเป็นต้องลดภารกิจลง เช่น งานสานใจไทยสู่ใจใต้ จะให้ พล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์ องคมนตรี ไปเป็นประธานเปิดและปิด เนื่องจากท่านเป็นประธานโครงการอยู่แล้ว แต่ พล.อ.เปรม ยังเข้าประชุมทำเนียบองคมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนปล่อยข่าวว่า พล.อ.เปรม จะย้ายออกจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ยืนยันไม่เป็นความจริง ไม่ได้ย้ายไปไหน
https://www.naewna.com/politic/372563
มหาธีร์' เผย 'มาเลย์' ต้องช่วยไทยเเก้ปัญหาภาคใต้
"นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย" เผย "มาเลย์" ต้องช่วยไทยเเก้ปัญหาภาคใต้
การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-25 ต.ค. 2561 นับเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของผู้นำมาเลเซียหลังจากชนะการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
บ่าย วันนี้ดร.มหาธีร์ ได้รับเชิญมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ Malaysia - Thailand Bilateral Relations in the Context of ASEAN ในวันนี้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า สายสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียนั้นมีมายาวนานตั้งแต่ไทยยังเป็นสยาม และมาเลเซียในเวลานั้นก็ยังอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ตั้งแต่ยุคโบราณกาลมานั้น บุคคลในแวดวงชั้นสูงของมาเลเซียนิยมส่งบุตรหลานมาเข้ารับการศึกษาที่ประเทศไทย
“ในรัฐเคดาห์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย แม้แต่นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย(ตนกู อับดุล ราห์มัน)ก็เป็นผู้หนึ่งที่มาเข้ารับการศึกษาที่เมืองไทย”ผู้นำมาเลเซียกล่าว
ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า ภายหลังจากที่มาเลเซียได้รับเอกราชในปี 1957 มิติความสัมพันธ์ของไทย-มาเลเซียก็ขยายครอบคลุมหลากหลายด้านมากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ไทยและมาเลเซีย เป็น 2 ใน 5 ประเทศผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพัฒนากลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศในทุกวันนี้ โดยแต่ละประเทศสมาชิกสามารถคงความเป็นตัวของตัวเอง แม้จะมีความแตกต่างกันทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม และระบอบการปกครอง อาเซียนก็ยังอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติสุข และสำหรับการปฏิบัติต่อประเทศนอกกลุ่ม อาเซียนก็ยึดถือจุดยืนความเป็นกลางและไม่แทรกแซงกิจการภายในของใคร เราเชื่อว่าการสลายความแตกต่างและความขัดแย้งนั้น ทำได้ด้วยการพบปะหารือและเจรจากันเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ด้วยการใช้ความรุนแรง
“ และสำหรับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย มาเลเซียก็เห็นว่าเป็น “หน้าที่” ที่มาเลเซียจะต้องช่วยไทยแก้ไขปัญหา”
ในการมองอนาคตของอาเซียนภายภาคหน้าท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคอื่นๆนั้น ดร.มหาธีร์ให้ความเห็นในตอนหนึ่งของช่วงตอบคำถามว่า อาเซียนควรจะต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณให้กับการวิจัยและพัฒนา เพื่อที่อาเซียนจะได้มีองค์ความรู้และนวัตกรรมเทคโนโลยีของตัวเอง
“อาเซียนมีประชากร 600 กว่าล้านคน เป็นตลาดใหญ่ที่เราสามารถทำอะไรได้มาก เราควรจะต้องผลิตสินค้าของเราเองมาขาย ไม่ใช่เอาแต่ซื้อ คิดแต่จะซื้อเขาเอาเพราะมันสะดวกกว่า แบบนี้เราจะไม่พัฒนา อาเซียนต้องผลิต ต้องมีสินค้าของเราเอง แล้วเราจะพัฒนาได้เร็ว”
ดร.มหาธีร์ยังตอบปัญหาที่หลายคนอยากรู้ว่า ในวัย 92ปีแล้ว และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทำงานอย่างแข็งขัน มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพอย่างไร ให้ร่างกายแข็งแรงและความคิดเฉียบขาดเช่นนี้ ดร.มหาธีร์ กล่าวว่า เคยผ่านมีดหมอ โดยได้รับการผ่าตัดใหญ่รักษาโรคหัวใจมาแล้ว ทุกวันนี้ยังแข็งแรง ทำงานได้ดีเพราะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารแต่พอควร ไม่กินมากเกินไป ออกกำลังกายบ้างตามสมควร
"สิ่งหนึ่งที่เห็นว่าสำคัญคือ การบริหารความคิด ด้วยการอ่าน เขียน และพบปะสนทนา “ถ้าคุณไม่อ่าน ไม่เขียน ไม่พูดคุย คุณก็จะอ่อนแอลง เหมือนกับกล้ามเนื้อที่ไม่ได้เคลื่อนไหว ก็จะอ่อนแรง ไม่มีพลัง สมองก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มันก็จะอ่อนแรง ผมถึงไม่อยู่เฉยๆ ยังหาเรื่องทะเลาะกับใครไปเรื่อย” ดร.มหาธีร์กล่าวท่ามกลางเรียกเสียงหัวเราะในหอประชุม
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/816700
สุดประทับใจที่เห็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านพบกัน
อายุมั่นขวัญยืนทั้งสองท่านด้วยนะคะ
ยากนักจะพบเห็นกันในทางการเมือง
ยิ่งทราบว่าท่านเคยดำรงตำแหน่งนายกฯของประเทศพร้อมกันอีกถึง 7 ปี
ก็ยิ่งมหัศจรรย์ค่ะ
มีผู้ใหญ่ของประเทศเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศ เป็นที่ปลาบปลื้มของลูกหลานนะคะ
ยิ่งท่านมหาเธร์กล่าวว่าจะช่วยไทยแก้ปัญหาภาคใต้ ยิ่งดีใจแทนคนภาคใต้
มีเสาหลักของบ้านเมืองดี ย่อมเชิดหน้าชูตาประเทศไทย
💍~มาลาริน~สุดซึ้ง..ป๋าเปรม’ต้อนรับ‘มหาเธร์’ ยินดีพบเพื่อนเก่าในรอบ30ปี..มหาเธร์ เผย 'มาเลย์' ต้องช่วยไทยเเก้ปัญหาภาคใต้
‘ป๋าเปรม’ต้อนรับ‘มหาเธร์’ ดีใจได้พบเพื่อนเก่าในรอบ30ปี (ประมวลภาพ)
ป๋าเปรม”ดีใจพบเพื่อนเก่า“มหาเธร์” ยินดีได้นั่งนายกฯ พร้อมถามสารทุกข์สุกดิบ หลังไม่เจอกันนานเกือบ 30 ปี รำลึกความหลังครองนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน 7 ปี หนุนแก้ปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ -3 จชต.
เมื่อเวลา 10.55 น.วันที่ 25 ต.ค.61 ที่บ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้การต้อนรับ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
โดย พล.อ.เปรม ได้เดินมารอคณะของนายมหาเธร์ บริเวณด้านหน้าอาคารบ้านพักฯ จากนั้นได้พูดคุยทักทายกันก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารบ้านพักพร้อมกัน โดยพล.อ.เปรมสวมเสื้อผ้าไทยทรงพระราชทานสีม่วง และมีสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล สน.สามเสน และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าบ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์
ทั้งนี้ พล.อ.เปรมได้ใช้เวลาพูดคุยกับนายมหาเธร์ เป็นเวลาประมาณ 15 นาที จากนั้น พล.อ.เปรม ได้มอบของที่ระลึกเป็นรูปภาพลายไทยพระนารายณ์ทรงสุบรรณลงรักปิดทอง ในส่วนของนายมหาเธร์ ได้มอบรูปทำเนียบของมาเลเซียเป็นของที่ระลึกให้ พล.อ.เปรม ด้วยเช่นกัน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นเพราะทั้ง 2 บุคคลไม่ได้เจอกันนาน ก่อนที่คณะของนายมหาเธร์ จะเดินทางกลับ โดย พล.อ.เปรม ได้เดินออกมาส่งขึ้นรถ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะเดินทางมาถึง ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้าไปยังบ้านพักรับรองสี่เสาเทเวศร์ เพื่อดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะเป็นเจ้าภาพคอยกำกับดูแล
ทั้งนี้ พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวว่า พล.อ.เปรม พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ รวมถึงสุขภาพของกันและกัน หลังจากที่ไม่เจอกันนาน และแสดงความยินดีที่นายมหาเธร์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามความต้องการของประชาชนมาเลเซีย
“พล.อ.เปรม ดีใจที่นายมหาเธร์ มาพบ และดีใจที่นายมหาเธร์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้ง 2 ท่านได้รำลึกความหลังกัน โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.เปรม ได้ส่งจดหมายส่วนตัว ผ่านช่องทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศ ไปแสดงความยินดี ในช่วงที่นายมหาเธร์รับตำแหน่งใหม่ๆ” พล.ท.พิศณุ กล่าว
พล.ท.พิศณุ ยังเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่าง พล.อ.เปรม กับ นายกมหาเธร์ ว่า ทั้ง 2 ท่านมีความใกล้ชิดกันมาก เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกันประมาณ 7 ปี ซึ่งในช่วงนั้นนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ในประเทศมาเลเซีย ในขณะที่ พล.อ.เปรม ขอให้ทางมาเลเซียสนับสนุนแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงความร่วมมือในด้านอื่นๆอีกมาก คาดว่าทั้ง 2 ท่านไม่ได้เจอกันนานเกือบ 30 ปี
พล.ท.พิษณุ เปิดเผยต่อว่า พล.อ.เปรม สุขภาพแข็งแรงดี แต่จำเป็นต้องลดภารกิจลง เช่น งานสานใจไทยสู่ใจใต้ จะให้ พล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์ องคมนตรี ไปเป็นประธานเปิดและปิด เนื่องจากท่านเป็นประธานโครงการอยู่แล้ว แต่ พล.อ.เปรม ยังเข้าประชุมทำเนียบองคมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนปล่อยข่าวว่า พล.อ.เปรม จะย้ายออกจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ยืนยันไม่เป็นความจริง ไม่ได้ย้ายไปไหน
https://www.naewna.com/politic/372563
มหาธีร์' เผย 'มาเลย์' ต้องช่วยไทยเเก้ปัญหาภาคใต้
"นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย" เผย "มาเลย์" ต้องช่วยไทยเเก้ปัญหาภาคใต้
การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-25 ต.ค. 2561 นับเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของผู้นำมาเลเซียหลังจากชนะการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
บ่าย วันนี้ดร.มหาธีร์ ได้รับเชิญมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ Malaysia - Thailand Bilateral Relations in the Context of ASEAN ในวันนี้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า สายสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียนั้นมีมายาวนานตั้งแต่ไทยยังเป็นสยาม และมาเลเซียในเวลานั้นก็ยังอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ตั้งแต่ยุคโบราณกาลมานั้น บุคคลในแวดวงชั้นสูงของมาเลเซียนิยมส่งบุตรหลานมาเข้ารับการศึกษาที่ประเทศไทย
“ในรัฐเคดาห์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย แม้แต่นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย(ตนกู อับดุล ราห์มัน)ก็เป็นผู้หนึ่งที่มาเข้ารับการศึกษาที่เมืองไทย”ผู้นำมาเลเซียกล่าว
ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า ภายหลังจากที่มาเลเซียได้รับเอกราชในปี 1957 มิติความสัมพันธ์ของไทย-มาเลเซียก็ขยายครอบคลุมหลากหลายด้านมากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ไทยและมาเลเซีย เป็น 2 ใน 5 ประเทศผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพัฒนากลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศในทุกวันนี้ โดยแต่ละประเทศสมาชิกสามารถคงความเป็นตัวของตัวเอง แม้จะมีความแตกต่างกันทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม และระบอบการปกครอง อาเซียนก็ยังอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติสุข และสำหรับการปฏิบัติต่อประเทศนอกกลุ่ม อาเซียนก็ยึดถือจุดยืนความเป็นกลางและไม่แทรกแซงกิจการภายในของใคร เราเชื่อว่าการสลายความแตกต่างและความขัดแย้งนั้น ทำได้ด้วยการพบปะหารือและเจรจากันเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ด้วยการใช้ความรุนแรง
“ และสำหรับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย มาเลเซียก็เห็นว่าเป็น “หน้าที่” ที่มาเลเซียจะต้องช่วยไทยแก้ไขปัญหา”
ในการมองอนาคตของอาเซียนภายภาคหน้าท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคอื่นๆนั้น ดร.มหาธีร์ให้ความเห็นในตอนหนึ่งของช่วงตอบคำถามว่า อาเซียนควรจะต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณให้กับการวิจัยและพัฒนา เพื่อที่อาเซียนจะได้มีองค์ความรู้และนวัตกรรมเทคโนโลยีของตัวเอง
“อาเซียนมีประชากร 600 กว่าล้านคน เป็นตลาดใหญ่ที่เราสามารถทำอะไรได้มาก เราควรจะต้องผลิตสินค้าของเราเองมาขาย ไม่ใช่เอาแต่ซื้อ คิดแต่จะซื้อเขาเอาเพราะมันสะดวกกว่า แบบนี้เราจะไม่พัฒนา อาเซียนต้องผลิต ต้องมีสินค้าของเราเอง แล้วเราจะพัฒนาได้เร็ว”
ดร.มหาธีร์ยังตอบปัญหาที่หลายคนอยากรู้ว่า ในวัย 92ปีแล้ว และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทำงานอย่างแข็งขัน มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพอย่างไร ให้ร่างกายแข็งแรงและความคิดเฉียบขาดเช่นนี้ ดร.มหาธีร์ กล่าวว่า เคยผ่านมีดหมอ โดยได้รับการผ่าตัดใหญ่รักษาโรคหัวใจมาแล้ว ทุกวันนี้ยังแข็งแรง ทำงานได้ดีเพราะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารแต่พอควร ไม่กินมากเกินไป ออกกำลังกายบ้างตามสมควร
"สิ่งหนึ่งที่เห็นว่าสำคัญคือ การบริหารความคิด ด้วยการอ่าน เขียน และพบปะสนทนา “ถ้าคุณไม่อ่าน ไม่เขียน ไม่พูดคุย คุณก็จะอ่อนแอลง เหมือนกับกล้ามเนื้อที่ไม่ได้เคลื่อนไหว ก็จะอ่อนแรง ไม่มีพลัง สมองก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มันก็จะอ่อนแรง ผมถึงไม่อยู่เฉยๆ ยังหาเรื่องทะเลาะกับใครไปเรื่อย” ดร.มหาธีร์กล่าวท่ามกลางเรียกเสียงหัวเราะในหอประชุม
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/816700
สุดประทับใจที่เห็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านพบกัน
อายุมั่นขวัญยืนทั้งสองท่านด้วยนะคะ
ยากนักจะพบเห็นกันในทางการเมือง
ยิ่งทราบว่าท่านเคยดำรงตำแหน่งนายกฯของประเทศพร้อมกันอีกถึง 7 ปี
ก็ยิ่งมหัศจรรย์ค่ะ
มีผู้ใหญ่ของประเทศเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศ เป็นที่ปลาบปลื้มของลูกหลานนะคะ
ยิ่งท่านมหาเธร์กล่าวว่าจะช่วยไทยแก้ปัญหาภาคใต้ ยิ่งดีใจแทนคนภาคใต้
มีเสาหลักของบ้านเมืองดี ย่อมเชิดหน้าชูตาประเทศไทย