สายลมหนาวเคยแว่วมาเพลาหนึ่ง
ความคำนึงถึงบ้านเกิดถิ่นเมืองเหนือ
แดนล้านนาเขตผู้คนแสนจุนเจือ
ดุจดั่งเรือลำไม่ใหญ่ในน้ำปิง
.......
วัฒนธรรมงามยามกาลก่อน
อุทาหรณ์สอนใจเพลินเกินทอดทิ้ง
ล่องแม่ปิงพบเรื่องราวคราวสงบ
ผู้คนพบพรากจากลาน้ำตาริน
.......
เสียงสะล้อซอซึงแว่วลอยมา
ยามนิทราใจของข้าใฝ่ถวิล
ลุงต๋าคำเคยขับซึงพึงหากิน
ล่องทั่วถิ่นเชียงใหม่ใจอาวรณ์
.......
โอกุหลาบเมืองเชียงใหม่งดงามนัก
ซึงที่รักแม่บรรเลงกล่อมลูกนอน
เป็นบทกลอนพาใจสุขทุกข์ย่อมหาย
กลับมลายหายตามยุคขลุกป่าปูน
.......
ความเจริญเข้ามากัดกินชีวิต
ความวิจิตรน้ำใจเริ่มสิ้นสูญ
ความงอกงามในวิชาน่าอาดูร
ถูกป่าปูนกลบสิ้นแล้วถิ่นล้านนา
.......
ใช่ว่าผิดศิลป์ฝรั่งเข้ามาแทรก
ใช่เรื่องแปลกเหลือเพียงชื่อให้ศึกษา
แต่ยามก่อนแว่วเสียงซึงอยู่ทุกครา
มุ้ยเจียงตากล่อมใจข้าให้รื่นรมณ์
......
ข้าเคยฟังเพลงล้านนายามข้าเด็ก
หนุ่มตัวเล็กรักดนตรีแสนสุขสม
ซึงสุดท้ายหายสิ้นแล้วแสนระทม
สุดทุกข์ตรมดังคนรักหักอุรา
......
เมืองเหนือเศร้าสุดเหงาเบาจริต
ทางชีวิตลาบล้วงโดยคนบาปหนา
เอื้องงามเอ๋ยเจ้าถูกขายดั่งผักปลา
ถูกตรีตราหน้าไม่อายในเมืองกรุง
......
น้ำปิงเปลี่ยนเวียนหมุนไปดังตั้งซอ
ไม่รีรอผลาญใจคนที่มั่นมุ่ง
วัฒนธรรมอันดีไม่แต่งปรุง
แม้นมั่นมุ่งกลับมลายหายตามคน
.......
คงไม่เหลือสิ้นแล้วมนตร์เมืองเหนือ
คงไม่เหลือสิ้นแล้วทุกแห่งหน
คงแทบหมดสิ้นแล้วยอดแห่งคน
หากได้ยลซึงอีกครั้งคงสุขใจ
.......
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตัวผมเป็นคนภาคกลาง แต่ประทับใจวัฒนธรรมไทยเดิมยิ่งนัก เมื่อได้ยินได้ฟังเพลง "ซึงสุดท้าย" ของคุณ จรัล มโนเพชร จึงรู้สึกเศร้าใจ
ผมเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนึง
นอกจากในลานวัฒนธรรมแล้ว ผมไม่ได้ยิน เพลงไทยเดิม ของล้านนา เลย ขนาดร้านอาหาร ก็ยังเปิดเพลงสากล
ขนาดเพลงของคุณจรัลเอง ก็แทบไม่ได้ยิน
ไม่ได้บอกว่าวัฒนธรรมอื่นที่เข้ามาไม่ดีนะครับ
สิ่งต่างๆต้องเปลี่ยนตามเวลา
แต่สิ่งที่ เรียกว่า "มนตร์เมืองเหนือ" หรือ "สเน่ห์เมืองเหนือ" นั้น นอกจากอาหาร (ที่ยังหากินง่าย) แล้ว ศิลปะดั้งเดิม วงดนตรีภาคเหนือ ล้านนา การแสดงต่างๆ หายากขึ้นทุกวันแล้วครับ
กระทั่ง วิถีชีวิต หรือ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่(อันนี้ไม่ได้เจตนาว่าคนเหนือนะครับ) ก็เห็นได้ยาก ในสังคมที่เจริญขึ้นทุกๆวัน ครับ
ผิดพลาดประการใด ไม่สละสลวยอย่างไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ซึงสุดท้าย -》Inspired by เพลง ซึงสุดท้าย (จรัล มโนเพชร)
ความคำนึงถึงบ้านเกิดถิ่นเมืองเหนือ
แดนล้านนาเขตผู้คนแสนจุนเจือ
ดุจดั่งเรือลำไม่ใหญ่ในน้ำปิง
.......
วัฒนธรรมงามยามกาลก่อน
อุทาหรณ์สอนใจเพลินเกินทอดทิ้ง
ล่องแม่ปิงพบเรื่องราวคราวสงบ
ผู้คนพบพรากจากลาน้ำตาริน
.......
เสียงสะล้อซอซึงแว่วลอยมา
ยามนิทราใจของข้าใฝ่ถวิล
ลุงต๋าคำเคยขับซึงพึงหากิน
ล่องทั่วถิ่นเชียงใหม่ใจอาวรณ์
.......
โอกุหลาบเมืองเชียงใหม่งดงามนัก
ซึงที่รักแม่บรรเลงกล่อมลูกนอน
เป็นบทกลอนพาใจสุขทุกข์ย่อมหาย
กลับมลายหายตามยุคขลุกป่าปูน
.......
ความเจริญเข้ามากัดกินชีวิต
ความวิจิตรน้ำใจเริ่มสิ้นสูญ
ความงอกงามในวิชาน่าอาดูร
ถูกป่าปูนกลบสิ้นแล้วถิ่นล้านนา
.......
ใช่ว่าผิดศิลป์ฝรั่งเข้ามาแทรก
ใช่เรื่องแปลกเหลือเพียงชื่อให้ศึกษา
แต่ยามก่อนแว่วเสียงซึงอยู่ทุกครา
มุ้ยเจียงตากล่อมใจข้าให้รื่นรมณ์
......
ข้าเคยฟังเพลงล้านนายามข้าเด็ก
หนุ่มตัวเล็กรักดนตรีแสนสุขสม
ซึงสุดท้ายหายสิ้นแล้วแสนระทม
สุดทุกข์ตรมดังคนรักหักอุรา
......
เมืองเหนือเศร้าสุดเหงาเบาจริต
ทางชีวิตลาบล้วงโดยคนบาปหนา
เอื้องงามเอ๋ยเจ้าถูกขายดั่งผักปลา
ถูกตรีตราหน้าไม่อายในเมืองกรุง
......
น้ำปิงเปลี่ยนเวียนหมุนไปดังตั้งซอ
ไม่รีรอผลาญใจคนที่มั่นมุ่ง
วัฒนธรรมอันดีไม่แต่งปรุง
แม้นมั่นมุ่งกลับมลายหายตามคน
.......
คงไม่เหลือสิ้นแล้วมนตร์เมืองเหนือ
คงไม่เหลือสิ้นแล้วทุกแห่งหน
คงแทบหมดสิ้นแล้วยอดแห่งคน
หากได้ยลซึงอีกครั้งคงสุขใจ
.......
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผิดพลาดประการใด ไม่สละสลวยอย่างไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ