แบกเป้ไปเที่ยวหมู่บ้านเทพเจ้าแห่งขุนเขา(หมู่บ้านอีต่อง) ด้วยกันนะ

กระทู้นี้เหมาะกับผู้อ่านที่ไม่ต้องการเดินทางด้วยรถส่วนตัว มีเวลาน้อยและงบกลางๆ ผู้ที่มีรถและข้อมูลครบถ้วนแล้วไม่เหมาะแก่การรับชม ล้อเล่นนะคะ อ่านและแสดงความคิดเห็นได้ทุกท่านคะ เพื่อเป็นข้อมูลกับคนอื่นๆต่อไป โดยในกระทู้จะลงรายเอียดการเดินทางฉบับของทีมเรานะคะ ว่าเดินทางยังไง พักที่ไหน เที่ยวยังไงกันบ้าง และสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ในกระทู้นี้

แต่ก่อนที่เราจะแบกเป้ไปเที่ยวกัน เรามาทำความรู้จักกับสถานที่ ที่จะเรากำลังจะเดินทางไปกันดีกว่า ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้าง หมู่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณริมชายแดนไทย-พม่า ซึ่งยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติมากๆ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ หมู่บ้านอีต่องเดิมชื่อ "หมู่บ้านณัตเอ็งต่อง” แปลว่าหมู่บ้านเทพเจ้าแห่งขุนเขา โดย "ณัต" แปลว่า เทพเจ้าหรือเทวดา "เอ็ง" แปลว่า บ้าน "ต่อง" แปลว่า ภูเขา ต่อมาได้เรียกเพี้ยนเสียงกลายเป็น "หมู่บ้านอีต่อง" มาจนถึงทุกวันนี้  

ส่วน ต. ปิล๊อก ก็ว่ากันว่าในสมัยก่อนมีชาวพม่าเข้ามาลักลอบขุดแร่ในพื้นที่ตำบลปิล๊อกไปขายให้ ทหารอังกฤษ เมื่อข่าวทราบถึงกรมทรัพยากรธรณีสมัยนั้น จึงนำคณะเข้าสำรวจพบว่าพื้นที่แถบนี้ี่มีแร่ดีบุก วุลแฟรม แร่ทังสะเตน และสายแร่ทองคำอยู่จำนวนมาก ต่อมาปี พ.ศ. 2483 มีการเปิด "เหมืองปิล๊อก"ขึ้นเป็นแห่งแรกที่บ้านอีต่อง ซึ่งทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับชาวพม่า เนื่องจากไทยห้ามชาวพม่านำแร่ไปขายให้อังกฤษ แต่ชาวพม่าฝ่าฝืน จึงเกิดการปะทะกันทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก จากนั้นมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่ามีคนเจอผีในเหมืองบ้างอะไรบ้าง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “เหมืองผีหลอก” แล้วเพี้ยนมาเป็น ปิล๊อก เนื่องด้วยคนที่พูดคำนี้เป็นชาวพม่าซึ่งพูดไทยไม่ชัด และกลายเป็นชื่อเหมืองแร่ปิล๊อก ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีต เพราะเคยมีโรงหนังถึง 2 โรงด้วยกันและร้านค้าต่างๆมากมาย มีเหมืองน้อยใหญ่เปิดอยู่ประมาณ 50-60 เหมือง แต่เหมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ “เหมืองสมศักดิ์” ภายหลังประมาณปี 2528 เหมืองต่างๆ ต้องทยอยปิดตัวลงเนื่องด้วยราคาแร่โลกตกต่ำลง ผู้คนต่างทยอยเดินทางแยกย้ายกันไป เหลือไว้เพียงหมู่บ้านเล็กๆอันเงียบสงบ และเครื่องไม่เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆที่ใช้ในการทำเหมือง ที่ยังคงพอหลงเหลือให้เราได้เห็นในปัจจุบัน