เริ่มต้นเลยเราเริ่มสนใจที่จะต่อผมเพราะว่าเราไปไถผมข้างหลังมาค่ะ ทีนี้รุ้สึกว่าผมตัวเองค่อนข้างบางพอสมควรเลยเริ่มหาดูรีวิวต่อผมค่ะ ดูหลายร้านพอสมควร จนกระทั่งตัดสินใจ ไปทำผมที่ร้านนึงฝั่งธนค่ะ คือเราเห็นว่ารีวิวดี ดูน่าเชื่อถือ ดาราก็ไปทำค่อนข้างบ่อยค่ะ
เราก้ได้นัดคิวต่อผมแบบเคราตินค่ะ ใช้เวลาค่อยข้างนานในการทำถ้าจำไม่ผิด 2-3 ชม.เลยค่ะ พอต่อเสร็จผมหนาสวยมากค่ะ ค่อนข้างพอใจกับผมที่ทำมา
หลังจากเราทำวันแรกก็รู้สึกตึงหน่อยๆค่ะนอนยากนิดนึง แต่พอผ่านไป 2-3 วันก็ดีขึนค่ะใช้ชีวิตได้ปกติ เนียนใช้ได้เลยค่ะ
เราก็ใช้ชีวิตกับผมใหม่ของเราได้ประมาณ 2 ก้าวย่างเข้าเดือนที่ 3 ผมก็เริ่มพันกันค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่ค่อยมีเวลา เลยไม่ได้ไปทำผมใหม่สั้กที ผมก็เริ่มพันขึ้นเรื่อยๆเราปล่อยมาประมาณ 1 อาทิตย์จนวันนี้ได้มีเวลาช่วงเย็น จึงตัดสินใจโทรไปนัดคิวที่ร้านเดิมแต่ด้วยความที่ว่าร้านคิวค่อนข้างแน่นเลยนัดไม่มีคิวนัด
เราเลยหาร้านอื่นที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หาจากในเฟส / กูเกิล คุยไปคุยมาจนได้ร้านนึงที่ตะวันนาค่ะ เจ้าของร้านเฟรนลี่ดีค่ะ เราก็เลยรีดนัดคิวต่อผมค่ะ
พอมาถึงตะวันนา เจ้าของร้านก็ช่วยดูให้ เเล้วเราจึงได้รู้ค่ะว่าที่เลือกต่อผมแบบเคราตินมาเป็นอะไรที่หายนะสุดๆเลยค่ะ เราได้รู้ว่า การต่อแบบเคราตินก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับการต่อกาวค่ะ หนำซ้ำยังเป็นอะไรที่ยิ่งกว่ากาวด้วยซ้ำ การเอาผมออกไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคราบกาวนี่สิคะ จะบ้าตายเลยค่ะ เจ็บทั้งหัว เจ็บทั้งใจอะไรก็ไม่รู้ค่ะ กาวเอาออกยากมาก เจ็บจนจะร้องไห้ เสียดายผมตัวเองมากๆค่ะ รู้สึกเสียดายเงิน และเสียเวลามากๆค่ะที่ไปต่อแบบนี้มา
ช่วงเวลาที่ช่างทำผมพยายามแกะผมออกให้นี่แบบว่าทรมานค่ะ ผมเราหลุดร่วงไม่รู้ไปตั้งเท่าไหร่ ผมขาด หลุดกระจุยกระจายค่ะ รุ้สึกแย่มากๆ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ เสียเงินไปตั้งหลักหมื่น แต่ผมลัพท์ตอนจบแย่มากค่ะ
อยากจะฝากเตือนทุกๆคนเลยว่าถ้าจะต่อผมอย่าเด็ดขาดเลยค่ะที่จะต่อเเบบกาวหรือแบบเคราติน หวังว่าจะเป็นคติให้ให้ทุกๆคนค่ะ
#เรารู้สึกแย่มากๆผมของเราหลุดจนเราไม่รุ้จะทำยังไงแล้วค่ะ อารมณ์เหมือนเป็นมะเร็งอ่ะค่ะ แย่มากๆ
ผมเราบางช่วงหายไปเลยค่ะ... แย่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดกับการต่อผมแบบเคราติน
เราก้ได้นัดคิวต่อผมแบบเคราตินค่ะ ใช้เวลาค่อยข้างนานในการทำถ้าจำไม่ผิด 2-3 ชม.เลยค่ะ พอต่อเสร็จผมหนาสวยมากค่ะ ค่อนข้างพอใจกับผมที่ทำมา
หลังจากเราทำวันแรกก็รู้สึกตึงหน่อยๆค่ะนอนยากนิดนึง แต่พอผ่านไป 2-3 วันก็ดีขึนค่ะใช้ชีวิตได้ปกติ เนียนใช้ได้เลยค่ะ
เราก็ใช้ชีวิตกับผมใหม่ของเราได้ประมาณ 2 ก้าวย่างเข้าเดือนที่ 3 ผมก็เริ่มพันกันค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่ค่อยมีเวลา เลยไม่ได้ไปทำผมใหม่สั้กที ผมก็เริ่มพันขึ้นเรื่อยๆเราปล่อยมาประมาณ 1 อาทิตย์จนวันนี้ได้มีเวลาช่วงเย็น จึงตัดสินใจโทรไปนัดคิวที่ร้านเดิมแต่ด้วยความที่ว่าร้านคิวค่อนข้างแน่นเลยนัดไม่มีคิวนัด
เราเลยหาร้านอื่นที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก หาจากในเฟส / กูเกิล คุยไปคุยมาจนได้ร้านนึงที่ตะวันนาค่ะ เจ้าของร้านเฟรนลี่ดีค่ะ เราก็เลยรีดนัดคิวต่อผมค่ะ
พอมาถึงตะวันนา เจ้าของร้านก็ช่วยดูให้ เเล้วเราจึงได้รู้ค่ะว่าที่เลือกต่อผมแบบเคราตินมาเป็นอะไรที่หายนะสุดๆเลยค่ะ เราได้รู้ว่า การต่อแบบเคราตินก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับการต่อกาวค่ะ หนำซ้ำยังเป็นอะไรที่ยิ่งกว่ากาวด้วยซ้ำ การเอาผมออกไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคราบกาวนี่สิคะ จะบ้าตายเลยค่ะ เจ็บทั้งหัว เจ็บทั้งใจอะไรก็ไม่รู้ค่ะ กาวเอาออกยากมาก เจ็บจนจะร้องไห้ เสียดายผมตัวเองมากๆค่ะ รู้สึกเสียดายเงิน และเสียเวลามากๆค่ะที่ไปต่อแบบนี้มา
ช่วงเวลาที่ช่างทำผมพยายามแกะผมออกให้นี่แบบว่าทรมานค่ะ ผมเราหลุดร่วงไม่รู้ไปตั้งเท่าไหร่ ผมขาด หลุดกระจุยกระจายค่ะ รุ้สึกแย่มากๆ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ เสียเงินไปตั้งหลักหมื่น แต่ผมลัพท์ตอนจบแย่มากค่ะ
อยากจะฝากเตือนทุกๆคนเลยว่าถ้าจะต่อผมอย่าเด็ดขาดเลยค่ะที่จะต่อเเบบกาวหรือแบบเคราติน หวังว่าจะเป็นคติให้ให้ทุกๆคนค่ะ
#เรารู้สึกแย่มากๆผมของเราหลุดจนเราไม่รุ้จะทำยังไงแล้วค่ะ อารมณ์เหมือนเป็นมะเร็งอ่ะค่ะ แย่มากๆ
ผมเราบางช่วงหายไปเลยค่ะ... แย่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว