25 ปี "เพื่อนซื่อพาก๊อง" ผลงานการแสดงหนังเรื่องแรก(และเรื่องสุดท้าย)ของ "ก๊อท"

แม้ว่าอายุจะย่างขึ้นเลขห้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของนักร้องเจ้าของฉายา "เจัาชายลูกทุ่ง" อย่าง "ก๊อท-จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ" ก็ยังดูไม่ตกไม่ขาดแต่อย่างใด

หลายปีแล้วที่ผลงานใหม่ของเขายังไม่ออกมา แต่แฟน ๆ หลายคนยังจดจำผลงานของเขาเมื่อครั้งอดีต ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มเพลงชุด แม่ไม้เพลงไทย ที่น้ำเสียงของเขาในช่วงนั้นยังออกซน ๆ ไปหน่อย จนมาออกอัลบั้มแนวป๊อปก็ได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น

กระทั่งเขาออกอัลบั้ม "หัวแก้วหัวแหวน" ซึ่งเป็นการนำบทเพลงลูกทุ่งหลากหลายสไตล์นับร้อยเพลงมาทำดนตรีใหม่ น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งดูนุ่มนวลสนิทใจจนยิ่งเป็นที่รักใคร่ของแฟนเพลงอย่างมาก

ถึงแม้ว่าประวัติการศึกษาจะไม่สำคัญนัก แต่ด้วยหน้าตาดี ชาติตระกูลดี มีประสบการณ์ด้านเสียงเพลงมาอย่างช่ำชอง เสมือนได้รับปริญญาทางดนตรี ก็ส่งผลให้เขากลายเป็นนักร้องยอดนิยมตลอดกาล

และไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่เขาหันมารับงานแสดงทั้งภาพยนตร์และละคร ก็สามารถตีบทได้โดดเด่นไม่น้อยหน้านักแสดงทั่วไปจนสามารถลบคราบนักร้องอย่างถึงจิตวิญญาณ ผลงานที่น่าประทับใจที่สุดมาจากการแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง "วันนี้ที่รอคอย" ซึ่งเขาได้คว้ารางวัลเมขลา สาขานักแสดงดาวรุ่งฝ่ายชายแห่งปี 2536

และในปีเดียวกันนั้น เขายังได้ลงมารับงานบนจอเงิน ในฐานะนักแสดงนำของเรื่อง "เพื่อนซื่อพาก๊อง" ซึ่งสร้างโดย บริษัท ครีเอชั่นเวิลด์ ของคุณสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ (ประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติคนปัจจุบัน) โดยมีเจ้าของตำนานหนังทหารอย่าง "ประยูร วงษ์ชื่น" รับหน้าที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนซื่อพาก๊อง เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มนักศึกษาที่พลัดหลงเข้าป่า จนได้เจอชาวป่าตนหนึ่งที่มีวิถีชีวิตต่างกันลิบลับ แล้วได้เจอสิ่งอัศจรรย์มากมายจนทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้ใจกัน และพาชาวป่าเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบคนกรุงเทพฯ สักระยะหนึ่ง

นอกจากก๊อทแล้ว ยังได้ "บอย-วรวิทย์ พิกุลทอง" มือคีย์บอร์ดวงอินคา มาแสดงหนังเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว โดยรับบทเป็นชาวป่า แต่เนื่องจากน้ำเสียงดูไม่เหมาะต่อการพากย์หนัง ทางผู้สร้างจึงให้นักร้องเสียงเหน่อรุ่นพี่อย่าง "ทอม ดันดี" ที่มาแรงจากงานเพลงชุดอย่างนี้ต้องตีเข่า มาให้เสียงแทนได้ตรงตามบทจริง ๆ จนทำให้คนดูหนังปลื้มใจไม่น้อย

ร่วมด้วยผู้สวมบทบาทเป็นนางไม้ของเรื่องคือ "แอน-วาสนา พูนผล" กับนักศึกษาสาว "โรส-ทิพยวดี มะลิซ้อน" (ซึ่งเดิมหนังวางตัว ปู-วิชชุดา สวนสุวรรณ แต่พอใกล้หนังจะถ่ายทำปูก็เสียชีวิตลงเสียก่อน) และนักแสดงรับเชิญอีกมากมาย

แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ และไม่ค่อยจะประทับใจคอหนังได้มากนัก แต่อย่างน้อยเราก็ได้บทบันทึกแล้วว่า นี่เป็นผลงานแสดงหนังเพียงช่วงเวลาหนึ่ง...และคงจะเป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของก๊อทในโลกภาพยนตร์

ซึ่งหลังจากนั้นเขาไปเน้นหนักทางการร้องเพลง มีงานแสดงทางจอแก้วเป็นประปราย แต่ไม่มีหนังให้เขาแสดงอีกเลย แม้จะมีผู้สร้างรายใดทาบทามเขากลับมาเสนอตัวขอเล่นหนังอีกครั้ง

เขาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการกลับมารับงานแสดงในอนาคตว่า เขามีความอยากจะกลับมาเล่นเหมือนกัน แต่อยากจะรับบทที่ต่างจากอาชีพถนัดของเขาบ้าง เพื่อไม่ให้คนดูเบื่อหน่าย

...ก็หวังว่าในอีกไม่ช้าไม่นาน เหล่าแม่ยกทั้งหลายจะได้เห็นการกลับมาของเจ้าชายลูกทุ่งคนนี้ในฐานะนักแสดง กับบทบาทที่ไม่ธรรมดา จะเป็นจอแก้วที่ห่างถึง 12 ปี หรือจอเงินที่ห่างถึง 25 ปี...ก็ต้องลุ้นกัน

เอาเป็นว่าดูภาพพร้อมรายละเอียดพอสังเขป จากหนังไทยเรื่องเดียวของพี่ก๊อทต่อไปนี้แล้วกันนะ สวัสดี.



- - - - - - - - - - - - - - -

เรื่องย่อ เพื่อนซื่อพาก๊อง



    เรื่องของเพื่อนรัก ต้นสัก-ลูกหิน
    การเริ่มต้นของมิตรภาพที่ยั่งยืนนานบ่อยครั้งก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แต่ที่ถึงกับไม่มีคำอธิบายอันจับต้องได้ด้วยนั้น คุณอาจจะมองว่าเป็นเพียงจินตนาการเพ้อฝัน กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความอบอุ่นงดงาม เหนืออื่นใด...ในความเป็นมิตร ไม่จำเป็นต้องมีคำถาม
    ต้นสักเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นชาวเมืองแท้ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับป่าตรงที่เรียนคณะวนศาสตร์เท่านั้น เขารู้จักป่าน้อยเต็มที แต่ก็อาจจะมากกว่าที่ลูกหินรู้จักเมืองนิดหนึ่ง
    คุณอาจจะเรียกลูกหินว่าบริวารเจ้าป่า วิญญาณบริสุทธิ์ของป่า หรือ วนารักษ์น้อยก็คงจะพออนุโลมกันได้ ที่แน่ ๆ คือเขาอยู่ห่างจากต้นสักไม่แค่ระหว่างเขตป่ากับเขตเมือง แต่อยู่กับคนละโลกเลยทีเดียว
    ถึงตรงนี้หากคุณจะไม่ถาม เราก็อยากให้คุณรู้เรื่องของต้นสักและลูกหิน เพื่อนรักคู่นี้เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย

    เรื่องมันเริ่มมาจากการเดินป่าแบบมะงุมมะงาหราของต้นสัก เขาพลัดหลงกับเพื่อน ๆ ระหว่างลุยป่าทึบเทือกเขาตะนาวศรี เพื่อวิจัยไม้ป่าประกอบวิชาที่เรียน พลัดกันแล้วแผนที่ยังสูญหาย แถมเข็มทิศยังขัดข้องเข้าอีก ต้องโซซัดโซเซหาทางออกจากป่าจนอาหารและน้ำที่ติดตัวหมดลง เมื่อสิ้นหวัง ต้นสักก็นึกถึงคำกล่าวของคนเฒ่าคนแก่ที่ว่าในป่าเขาลำเนาไพร จะมีเจ้าป่าเทพารักษ์คอยปกปักรักษาอยู่ เขาตัดสินใจพนมมืออธิษฐานของความช่วยเหลือด้วยความหวังที่เลือนรางเต็มที
    เหมือนจะตอบแทนคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ยังมีใจเชื่อ เจ้าป่าปรากฏร่างต่อต้นสักโอภาปราศรัยด้วยเมตตา แต่งานพาคนหลงออกจากป่านั้นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าป่า แค่บริวารก็พอแล้ว บริวารคนนี้บอกต้นสักว่า จำชื่อตัวเองสมัยเป็นคนไม่ได้แล้วล่ะ เรียกเขาว่าลูกหินก็แล้วกัน
    ต้นสักเล่าให้ลูกหินฟังถึงบ้านที่เขาจะต้องกลับไปหลังจากพ้นเขตป่า มันอยู่ในเมืองที่มีทั้งสวรรค์และนรกบนดินให้เห็นอย่างชัดเจน ลูกหินเกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว ไปเที่ยวเมืองสวรรค์ผสมนรกของต้นสักสักครั้งดีกว่า
    ต้นสักรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีนักหากจะนำหนุ่มน้อยท่าทางประหลาด แต่งตัวประหลาด เข้าเมืองไปทำให้ผู้คนแตกตื่น ลูกหินบอกว่าตัวเองเป็นทายาทแห่งเทพจะให้ใครมองเห็นหรือไม่เห็นก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ในที่สุดต้นสักก็ตกลงยอมความ
    เรื่องยุ่ง ๆ ระหว่างทางอาจทำให้ต้นสักอดถามตัวเองบางครั้งไม่ได้ว่าคิดผิดไปหรือเปล่าหนอ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

    อะไร ๆ ที่ได้พบเห็นในกรุงเทพฯ มันน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียหมดสำหรับลูกหิน เขาพบว่าเพื่อนใหม่ของเขาออกจะปรักปรำถิ่นฐานตัวเองมากเกินไปหน่อย นรกบนดินอะไรจะเต็มไปด้วยเรื่องสนุกสนาน ถึงจะผสมสวรรค์เข้าไปแล้วก็เถอะ และที่ทำให้ลูกหินแทบจะลืม “บ้าน” ของตัวเองก็คือ นางไม้แสนสวยนามอินทนิน เธอสถิตอยู่ในต้นไม้ใหญ่ ที่คงรอดพ้นการถูกโค่นล้มมาได้ก็เพราะชาวบ้านเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ต้นสักมีความสุขกับสนฉัตร เพื่อนสาวคนพิเศษของเขา ลูกหินก็มีความสุขกับนางไม้ที่แสนวิเศษด้วยเหมือนกัน
    จนกระทั่งวันหนึ่งที่ลูกหินต้องเป็นคนหลงทางกับเขาบ้าง
    ภาพที่แท้จริงของกรุงเทพฯ เริ่มปรากฏชัดต่อลูกหิน ขณะที่ต้นสักเฝ้ารอด้วยความเป็นห่วง เขาคิดว่าลูกหินหลงกรุงก็คงไม่ต่างอะไรกับที่เขาหลงป่า แต่จริง ๆ แล้วย่อมมีความแตกต่าง
    ป่าตะนาวศรี ไม่ใช่ที่มีทั้งสวรรค์และนรกอยู่ด้วยกันบนดินเช่นกรุงเทพฯ แม้จะน่ากลัวสำหรับคนไม่คุ้นเคยก็ตามที
    ลูกหินคือธรรมชาติ แต่ในกรุงเทพฯ แทบจะไม่เหลือธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไร้สิ่งเคลือบแคลงเสียแล้ว

    เพื่อนรักต่างมิติกลับมาพบกันอีกจนได้ โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือของ “เจ้าเมือง” อย่างที่ “เจ้าป่า” เคยช่วยต้นสัก เวลาที่ลูกหินจะต้องกลับบ้านของตัวเองบ้างใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็มีเรื่องต้องผจญภัยอีก 2 ยกใหญ่ ๆ ช่วยเพื่อนและคนรักของเพื่อน
    ไม่กี่วันในกรุงเทพฯ ในความสนุกสนานผาดโผนของลูกหิน เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง และทำให้เพื่อนรักของเขาได้เรียนรู้ด้วยเช่นกัน บางอย่างของการเรียนรู้เช่น การแข่งโมโตครอส ก็เป็นสิ่งที่เอาไปบอกเล่าให้ท่านเจ้าป่าเข้าใจไม่ได้เป็นแน่
    ถึงเวลากลับของลูกหิน สนฉัตร อินทนิน และ ต้นสัก ออกมาส่งลูกหินด้วยความอาลัยยิ่ง แต่ความเป็นเพื่อนต่างมิติของต้นสักกับลูกหินไม่จบลงแค่นั้น
    ลูกหินเข้าเมืองแล้วจะไม่รู้จักวิถีของคนเมืองเสียเลยมันก็กระไรอยู่!


สกู๊ปข่าวจากไทยรัฐ, 21 ก.พ. 36

มาทายผลกันว่าเรื่องนี้จะได้เงินเกิน 10 ล้านหรือไม่?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่