คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ครูโรงเรียนสาธิต (ที่ไม่นับข้าราชการรุ่นเก่าๆ) ก็มีทั้งที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย (ที่เรียกว่าบรรจุแล้ว) กับแบบลูกจ้างชั่วคราว ที่ก็เหมือนครูอัตราจ้างโรงเรียนรัฐนั่นล่ะ
แม้แต่พนักงานมหาวิทยาลัย ก็ยังมีแยกประเภทอีก คือพนักงานมหาวิทยาลัยงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมันเป็นอัตราของการเป็นข้าราชการเดิมมาก่อน เงินเดือนที่ได้ก็จะมาจากเงินงบประมาณที่หลวงส่งมาให้มหาวิทยาลัยใช้จ้างพนักงานโดยตรง (ซึ่งมันคงกว่า) แถมยังมีสิทธิ์ได้รับเครื่องราชด้วยเพราะเป็นตำแหน่งทดแทนข้าราชการ
และพนักงานมหาวิทยาลัยประเภทงบรายได้มหาวิทยาลัย ประเภทนี้อาจจะดูรองๆ นิดนึง คือเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็จริง แต่จ้างด้วยเงินรายได้ที่มหาวิทยาลัยจัดเก็บมาได้เอง (เช่นค่าเทอม) เมื่อมหาวิทยาลัยขาดสภาพคล่องทางการเงิน พนักงานกลุ่มนี้ก็จะเสี่ยงถูกเลิกจ้าง คือมั่นคงน้อยกว่าพวกหมวดงบประมาณแผ่นดิน แถมพนักงานกลุ่มนี้จะไม่ได้รับเครื่องราชด้วย เพราะเขาเคยไปร้องศาลปกครองจนตัดสินออกมาแล้ว ว่าเครื่องราชมีให้เฉพาะข้าราชการ และพนักงานมหาวิทยาลัยที่เป็นตำแหน่งทดแทนข้าราชการเท่านั้น (ซึ่งก็คือกลุ่มงบฯ แผ่นดินนั่นเอง)
แต่พนักงานมหาวิทยาลัยทั้งสองกลุ่ม สวัสดิการก็จะไม่แตกต่างกัน ครูสาธิตก็ได้เหมือนพนักงานมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป เท่าที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะจัดสรรให้ ที่ต้องมีแน่ๆ คือประกันสังคม และอาจจะมีประกันสุขภาพกลุ่มแถมให้ มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เมื่อเกษียณ และสวัสดิการอื่นๆ ตามที่แต่ละที่จะมีให้ เช่นหอพัก สหกรณ์ สปอร์ตคลับ อะไรก็ว่ากันไป
ิ
เงินเดือน ก็จะแล้วแต่ที่ โดยหลักการแล้วพนักงานมหาวิทยาลัยจะใช้ฐานเงินเดือนจากข้าราชการ แล้วคูณ 1.5 - 1.7 เข้าไปตามมติคณะรัฐมนตรีในสมัยที่กำหนดให้มีพนักงานมหาวิทยาลัยใหม่ๆ
ซึ่งฐานเงินเดือนข้าราชการ คือ ป.ตรี 15XXX ป.โท 17XXX และ ป.เอก 21XXX
ตามหลักการ พนักงานมหาวิทยาลัยก็คูณไปตามนั้น ถ้าเป็นสายวิชาการ (สายอาจารย์) ให้คูณ 1.7 ถ้าสายสนับสนุนให้คูณ 1.5 ซึ่งครูสาธิต บางที่ก็ให้เป็นสายสนับสนุน บางที่ก็ให้ตำแหน่งเป็นอาจารย์ไปเลย (ขอ ผศ รศ ได้ด้วย) ซึ่งคุณก็ต้องไปดูรายละเอียดจากประกาศรับสมัตรของแต่ละตำแหน่งเอา
แต่.... หลายๆ ที่เงินเดือนไม่ได้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่ได้คูณ 1.5 - 1.7 บางที่คูณ 1.2 - 1.3 ก็มี (ซึ่งก็ไม่รู้มันไปไหน เค้าก็เรียกร้องกันมาตลอด) เอาว่าต้องดูเป็นที่ๆ ไปที่จะระบุในประกาศรับสมัคร คร่าวๆ โดยทั่วไป ครูสาธิต วุฒิ ป.โท จะสตาร์ทที่ราวๆ 23XXX ครับ
แต่เงินเดือนจะขึ้นเรื่อยๆ ปีละประมาณ 3% ขึ้นอยู่กับการประเมินด้วย ซึ่งพนักงานมหาวิทยาลัยไม่มั่นคงอยู่อย่าง คือมีประเมินเพื่อเอาออก (ไม่ต่อสัญญา) ด้วย ถ้าเป็นสายอาจารย์นี่ยิ่งน่ากลัว เพราะต่อสัญญากันทีละ 3 ปี 5 ปี แต่อย่างครูสาธิต ต่อให้ได้สัญญาถึง 60 ปี แต่ก็ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น เพราะในสัญญาจ้างมักระบุว่าหากมีผลการประเมินต่ำกันติดต่อกันสองครั้งก็มีสิทธิ์เลิกจ้างได้ ซึ่งถ้ากรองคนแย่ๆ ออกไปมันก็ดี แต่ถ้าโดนกลั่นแกล้ง อันนี้มันก็น่ากลัว ซึ่งไอ่เรื่องโดนกลั่นแกล้งนี่มีข่าวอยู่เรื่อยๆ ด้วยสิ
ส่วนกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว ยิ่งแย่กว่า เพราะในทางราชการแล้ว ลูกจ้างชั่วคราว ก็จ้างเพื่อชั่วคราวจริงๆ ศักดิ์ด้อยกว่าพนักงานกลุ่มที่บรรจุ เวลาได้อะไรมาเขาก็ต้องให้พนักงานก่อน แถมเงินเดือนเท่าเดิมไม่มีขึ้นด้วย ต่อสัญญากันปีต่อปี ไม่ต่อสัญญาก็จบ เงินเดือนก็แล้วแต่ว่าเขาจะมีงบจ้างเท่าไหร่
กลับมาที่กลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัย จะบอกว่า ทุกวันนี้มีครูสาธิตหลายคน ที่แม้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว เงินเดือนก็หลายหมื่น แต่ก็พยายามมาสอบบรรจุครูผู้ช่วยกัน ถ้าสอบได้ก็ลาออกจากสาธิตไปเป็นข้าราชการครู เพราะอย่างนั้นตอนนี้ครูสาธิต turnover rate ก็สูงอยู่ (เอาจริงๆ เป็นกันทั้งระบบมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะสายสนับสนุน มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานานละ ระบบพนักงานมหาวิทยาลัยมันขาดการจูงใจให้อยู่ยาวแบบข้าราชการ แถมเงินเดือนก็ดันสู้เอกชนไม่ได้ ) ก็ลองพิจารณาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เห็นมา คือเงินเดือนเยอะก็จริง แต่เค้าใช้คุณคุ้มค่าแน่นอน แถมอาจจะแถมโรคเครียดให้ด้วย และอย่าลืมว่าพนักงานมหาวิทยาลัยนั้นเหมือนพนักงานบริษัท ถ้าจะย้ายที่ก็ต้องลาออก สมัครใหม่ ไปเรื่มต้นเงินเดือนใหม่ ตรงนี้อย่าลืมคิดด้วย มันจะไม่เหมือนข้าราชการครูที่จะย้ายไปไหนก็ได้ในประเทศ แถมหอบเงินเดือนและตำแหน่งตามไปด้วยตลอดอายุราชการ
สรุปสั้นๆ ครูสาธิตไม่ว่าจะบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือไม่ ทำชั่วคราวช่วงจบมาใหม่ๆ นะพอได้ แต่ถ้าแนะนำก็ควรไปสอบข้าราชการครูเพื่อชีวิตในระยะยาวจะดีกว่า ข้าราชการยังไงก็มั่นคงและมีระบบที่ตรงไปตรงมา แถมเลือกโตไปในสายบริหารได้ด้วย (สาธิต มักจะเอา อ. ในคณะมานั่งเป็น ผอ.)
แต่ถ้าจะเลือกทางสาธิต ข้อดีก็มี คือเงินเดือนสูงกว่า (แต่อย่าลืมว่าข้าราชการครู เงินเดือนตอนมีวิทยฐานะแล้ว ก็ไม่น้อยเลยนะ) และได้เจอสภาพแวดล้อมดีๆ ได้เจอเด็กที่ดีๆ กว่ามากกกก และข้อเสียที่ต้องคิดคือ เครียดกว่า กดดันกว่า แถมไม่มั่นคง อันนี้ก็ลองตัดสินใจเลือกดูครับ
ปล.สถานการณ์ครูสาธิตหลายๆ ที่ตอนนี้ คือมีแต่ครูรุ่นลุงๆ ป้าๆ สมัยยังเป็นข้าราชการ กับอีกเจนคือครูรุ่นใหม่ๆ ไปเลย ที่พร้อมจะโบกมือลาเด็กๆ ถ้าได้โิอกาสที่ดีกว่าหรือสอบบรรจุข้าราชการได้ อันนี้เป็นปัญหาเรื่องทรัพยากรบุคคลที่โรงเรียนสาธิตหลายแห่งเจอเลยตั้งแต่ออกนอกระบบมา
แม้แต่พนักงานมหาวิทยาลัย ก็ยังมีแยกประเภทอีก คือพนักงานมหาวิทยาลัยงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมันเป็นอัตราของการเป็นข้าราชการเดิมมาก่อน เงินเดือนที่ได้ก็จะมาจากเงินงบประมาณที่หลวงส่งมาให้มหาวิทยาลัยใช้จ้างพนักงานโดยตรง (ซึ่งมันคงกว่า) แถมยังมีสิทธิ์ได้รับเครื่องราชด้วยเพราะเป็นตำแหน่งทดแทนข้าราชการ
และพนักงานมหาวิทยาลัยประเภทงบรายได้มหาวิทยาลัย ประเภทนี้อาจจะดูรองๆ นิดนึง คือเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็จริง แต่จ้างด้วยเงินรายได้ที่มหาวิทยาลัยจัดเก็บมาได้เอง (เช่นค่าเทอม) เมื่อมหาวิทยาลัยขาดสภาพคล่องทางการเงิน พนักงานกลุ่มนี้ก็จะเสี่ยงถูกเลิกจ้าง คือมั่นคงน้อยกว่าพวกหมวดงบประมาณแผ่นดิน แถมพนักงานกลุ่มนี้จะไม่ได้รับเครื่องราชด้วย เพราะเขาเคยไปร้องศาลปกครองจนตัดสินออกมาแล้ว ว่าเครื่องราชมีให้เฉพาะข้าราชการ และพนักงานมหาวิทยาลัยที่เป็นตำแหน่งทดแทนข้าราชการเท่านั้น (ซึ่งก็คือกลุ่มงบฯ แผ่นดินนั่นเอง)
แต่พนักงานมหาวิทยาลัยทั้งสองกลุ่ม สวัสดิการก็จะไม่แตกต่างกัน ครูสาธิตก็ได้เหมือนพนักงานมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป เท่าที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะจัดสรรให้ ที่ต้องมีแน่ๆ คือประกันสังคม และอาจจะมีประกันสุขภาพกลุ่มแถมให้ มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เมื่อเกษียณ และสวัสดิการอื่นๆ ตามที่แต่ละที่จะมีให้ เช่นหอพัก สหกรณ์ สปอร์ตคลับ อะไรก็ว่ากันไป
ิ
เงินเดือน ก็จะแล้วแต่ที่ โดยหลักการแล้วพนักงานมหาวิทยาลัยจะใช้ฐานเงินเดือนจากข้าราชการ แล้วคูณ 1.5 - 1.7 เข้าไปตามมติคณะรัฐมนตรีในสมัยที่กำหนดให้มีพนักงานมหาวิทยาลัยใหม่ๆ
ซึ่งฐานเงินเดือนข้าราชการ คือ ป.ตรี 15XXX ป.โท 17XXX และ ป.เอก 21XXX
ตามหลักการ พนักงานมหาวิทยาลัยก็คูณไปตามนั้น ถ้าเป็นสายวิชาการ (สายอาจารย์) ให้คูณ 1.7 ถ้าสายสนับสนุนให้คูณ 1.5 ซึ่งครูสาธิต บางที่ก็ให้เป็นสายสนับสนุน บางที่ก็ให้ตำแหน่งเป็นอาจารย์ไปเลย (ขอ ผศ รศ ได้ด้วย) ซึ่งคุณก็ต้องไปดูรายละเอียดจากประกาศรับสมัตรของแต่ละตำแหน่งเอา
แต่.... หลายๆ ที่เงินเดือนไม่ได้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่ได้คูณ 1.5 - 1.7 บางที่คูณ 1.2 - 1.3 ก็มี (ซึ่งก็ไม่รู้มันไปไหน เค้าก็เรียกร้องกันมาตลอด) เอาว่าต้องดูเป็นที่ๆ ไปที่จะระบุในประกาศรับสมัคร คร่าวๆ โดยทั่วไป ครูสาธิต วุฒิ ป.โท จะสตาร์ทที่ราวๆ 23XXX ครับ
แต่เงินเดือนจะขึ้นเรื่อยๆ ปีละประมาณ 3% ขึ้นอยู่กับการประเมินด้วย ซึ่งพนักงานมหาวิทยาลัยไม่มั่นคงอยู่อย่าง คือมีประเมินเพื่อเอาออก (ไม่ต่อสัญญา) ด้วย ถ้าเป็นสายอาจารย์นี่ยิ่งน่ากลัว เพราะต่อสัญญากันทีละ 3 ปี 5 ปี แต่อย่างครูสาธิต ต่อให้ได้สัญญาถึง 60 ปี แต่ก็ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น เพราะในสัญญาจ้างมักระบุว่าหากมีผลการประเมินต่ำกันติดต่อกันสองครั้งก็มีสิทธิ์เลิกจ้างได้ ซึ่งถ้ากรองคนแย่ๆ ออกไปมันก็ดี แต่ถ้าโดนกลั่นแกล้ง อันนี้มันก็น่ากลัว ซึ่งไอ่เรื่องโดนกลั่นแกล้งนี่มีข่าวอยู่เรื่อยๆ ด้วยสิ
ส่วนกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว ยิ่งแย่กว่า เพราะในทางราชการแล้ว ลูกจ้างชั่วคราว ก็จ้างเพื่อชั่วคราวจริงๆ ศักดิ์ด้อยกว่าพนักงานกลุ่มที่บรรจุ เวลาได้อะไรมาเขาก็ต้องให้พนักงานก่อน แถมเงินเดือนเท่าเดิมไม่มีขึ้นด้วย ต่อสัญญากันปีต่อปี ไม่ต่อสัญญาก็จบ เงินเดือนก็แล้วแต่ว่าเขาจะมีงบจ้างเท่าไหร่
กลับมาที่กลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัย จะบอกว่า ทุกวันนี้มีครูสาธิตหลายคน ที่แม้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว เงินเดือนก็หลายหมื่น แต่ก็พยายามมาสอบบรรจุครูผู้ช่วยกัน ถ้าสอบได้ก็ลาออกจากสาธิตไปเป็นข้าราชการครู เพราะอย่างนั้นตอนนี้ครูสาธิต turnover rate ก็สูงอยู่ (เอาจริงๆ เป็นกันทั้งระบบมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะสายสนับสนุน มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานานละ ระบบพนักงานมหาวิทยาลัยมันขาดการจูงใจให้อยู่ยาวแบบข้าราชการ แถมเงินเดือนก็ดันสู้เอกชนไม่ได้ ) ก็ลองพิจารณาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เห็นมา คือเงินเดือนเยอะก็จริง แต่เค้าใช้คุณคุ้มค่าแน่นอน แถมอาจจะแถมโรคเครียดให้ด้วย และอย่าลืมว่าพนักงานมหาวิทยาลัยนั้นเหมือนพนักงานบริษัท ถ้าจะย้ายที่ก็ต้องลาออก สมัครใหม่ ไปเรื่มต้นเงินเดือนใหม่ ตรงนี้อย่าลืมคิดด้วย มันจะไม่เหมือนข้าราชการครูที่จะย้ายไปไหนก็ได้ในประเทศ แถมหอบเงินเดือนและตำแหน่งตามไปด้วยตลอดอายุราชการ
สรุปสั้นๆ ครูสาธิตไม่ว่าจะบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือไม่ ทำชั่วคราวช่วงจบมาใหม่ๆ นะพอได้ แต่ถ้าแนะนำก็ควรไปสอบข้าราชการครูเพื่อชีวิตในระยะยาวจะดีกว่า ข้าราชการยังไงก็มั่นคงและมีระบบที่ตรงไปตรงมา แถมเลือกโตไปในสายบริหารได้ด้วย (สาธิต มักจะเอา อ. ในคณะมานั่งเป็น ผอ.)
แต่ถ้าจะเลือกทางสาธิต ข้อดีก็มี คือเงินเดือนสูงกว่า (แต่อย่าลืมว่าข้าราชการครู เงินเดือนตอนมีวิทยฐานะแล้ว ก็ไม่น้อยเลยนะ) และได้เจอสภาพแวดล้อมดีๆ ได้เจอเด็กที่ดีๆ กว่ามากกกก และข้อเสียที่ต้องคิดคือ เครียดกว่า กดดันกว่า แถมไม่มั่นคง อันนี้ก็ลองตัดสินใจเลือกดูครับ
ปล.สถานการณ์ครูสาธิตหลายๆ ที่ตอนนี้ คือมีแต่ครูรุ่นลุงๆ ป้าๆ สมัยยังเป็นข้าราชการ กับอีกเจนคือครูรุ่นใหม่ๆ ไปเลย ที่พร้อมจะโบกมือลาเด็กๆ ถ้าได้โิอกาสที่ดีกว่าหรือสอบบรรจุข้าราชการได้ อันนี้เป็นปัญหาเรื่องทรัพยากรบุคคลที่โรงเรียนสาธิตหลายแห่งเจอเลยตั้งแต่ออกนอกระบบมา
แสดงความคิดเห็น
ครูโรงเรียนสาธิต ได้เงินเดือน/สวัสดิการ ต่างจากข้าราชการครูยังไงครับ
แล้ว Start ที่เท่าไรครับ