สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวตาสองชั้นค่ะ ก่อนอื่นขอเเนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อเล่น เก๋ ค่ะ อายุ 25 ปี วันนี้จะมาเเชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมครั้งเเรกในชีวิต ไม่นับจัดฟันนะคะ 5555 ตัวเองเนี่ยคิดจะทำตาสองชั้นมานานหลายปี คิดจะทำตาทุกครั้งที่เริ่มเเต่งหน้าเเต่ก็ล้มเลิกไป จนปีนี้ก็ได้ฤกษ์ค่ะ เพราะเป็นคนว่างงานเเละเพิ่งตัดสินใจเป็นคนโสด 2018 555555555 เลยอยากมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตจึงตัดสินใจไปทำตาสองชั้น ตอนแรกก็คิดหนักเพราะเป็นคนที่ตาโตอยู่เเล้วเเต่มีปัญหาชั้นตาหลบในเเละตาสองชั้นไม่เท่ากัน ถามญาติพี่น้องเพื่อนฝูงลุงป้าน้าอาว่าจะทำดีมั้ย บางคนก็บอกอย่าทำเลยเห็นคนทำมาเเล้วตาเหมือนต่างดาวบ้าง ตาเหมือนคนง่วงนอนบ้าง บอกเราอย่าทำเลยของเดิมสวยอยู่แล้ว นี่เลยคิดหนักเลยจ้า เท้าก่ายหน้าผาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจไว้แล้วว่าปีนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเลยตัดสินใจเอาว่ะ ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง
ปล. เก๋เป็นคนที่น้ำเหลืองไม่ดีตั้งเเต่เด็กจำได้ว่าตอนเด็กเป็นเเผลขาลายเต็มไปหมด มาดูกันค่ะ ว่าทำตาครั้งนี้แผลจะเป็นยังไง
เก๋จะสรุปเป็นข้อ ๆ เนอะจะได้อ่านง่าย
อันนี้รูปก่อนทำตานะคะ
1. ทำไมตัดสินใจทำตากับหมอยุ้ย Jarem Clinic
คือด้วยว่าเป็นการศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตเราก็เลยอยากหาความมั่นใจให้กับตัวเองก็ดูรีวิวของคลินิกอื่นเหมือนกันค่ะ แต่ไปสะดุดตากับว่าคำว่า "จักษุแพทย์เฉพาะทาง" ตอนแรกก็งงเอ้าแล้วหมอศัลยกรรมเค้าไม่ได้เป็นจักษุแพทย์หรอเลยลองศึกษาดูปรากฏว่าหมอศัลยกรรมตาทุกคนไม่ได้จบจักษุแพทย์เฉพาะทาง หมอยุ้ยเลยสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นว่าถ้าทำกับเค้าแล้วตาสองข้างของเราจะปลอดภัย จากนั้นเก๋ก็เริ่มดูรีวิวจากเพจใน face book ของคลินิก อ่ะๆ ชั้นตาไม่ใหญ่ไม่หอยแครง ไม่ต่างดาว ใดๆ ทั้งสิ้น ชั้นธรรมชาติแบบที่ต้องการ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เก็ต ความหมายของจักษุแพทย์เฉพาะทางเดี๋ยวเก๋แนบไว้เท่าที่หามาได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จักษุแพทย์เฉพาะทาง ที่เชี่ยวชาญปัญหาโรคของเปลือกตา ท่อน้ำตา และโรคของเบ้าตา เป็นพิเศษ ที่เราเรียกกันเป็นภาษาสากลว่า Oculoplastic Specialist หรือ Ophthalmic Plastic and Reconstructive Specialist Oculoplastic Specialist นั้น เป็นสาขาหนึ่งของแพทยศาสตร์ที่ศึกษากายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา และโรคของตาโดยเฉพาะ หมอที่จบมาทางด้านนี้โดยตรงจะมีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นพิเศษค่ะ ในปัจจุบัน จักษุแพทย์ ศัลยกรรมตา กันเยอะ วันนี้เราเลยมีบทความเกี่ยวกับความสำคัญของ จักษุแพทย์ที่หันมาเป็นหมอศัลยกรรมมาฝากค่ะ
ซึ่งในบางคนจะเรียกกลุ่มจักษุแพทย์เฉพาะทางเหล่านี้เป็นภาษาง่ายๆ บ้านๆ ว่า หมอเปลือกตา หมอท่อน้ำตา หรือหมอเบ้าตา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งหมอเปลือกตา หรือ Oculoplastic Specialist จะมีความชำนาญในด้านการดูแลรักษาปัญหาทุกชนิดของเปลือกตาเป็นพิเศษ
จักษุแพทย์ เฉพาะทาง สามารถดูแลเรื่องอะไรได้บ้าง?
คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ จะช่วยดูแลในกรณีที่เปลือกตาตกหย่อน เปลือกตาม้วนเข้าใน เปลือกตาม้วนออกนอก ทั้งผู้ป่วยตั้งแต่อายุน้อยๆ จนถึงอายุมากเลยก็มีค่ะ ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมเปลือกตา หรือการทำตาสองชั้น ก็เป็นศาสตร์อีกหนึ่งแขนงที่เป็นความชำนาญเฉพาะทางของจักษุแพทย์เฉพาะทางเปลือกตา ซึ่งในบ้านเราตอนนี้ก็ยังถือว่ามีไม่มากนัก
อกจากนี้ ภาวะน้ำตาไหลในลักษณะไหลเล็กน้อย ที่อาจจะเกิดจากภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะตาเเห้งมากๆ (Severe dry eye) โรคต่อมน้ำตาอักเสบ (Meibomitis or posterior blepharitis) อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาระเหยเร็วเกินไปจนเกิดตาแห้งมากๆ และทำให้น้ำตาไหลได้ ภาวะเยื่อบุตาหย่อนและเกิดการเสียดสีระหว่างเปลือกตาและดวงตา (Conjunctivochalasis) และทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เกิดน้ำตาไหลได้
ภาวะต่างๆ ที่พูดถึงมาทั้งหมดนี้ อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาไหลเป็นบางครั้งบางคราว (pseudo-epiphora) และมักจะเป็นมากขึ้นเมื่อมีสิ่งเร้าภายนอกมากระตุ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ มากและนานเกินไป การขับรถนาน การที่ดวงตาประทะแสงและลมนานเกินไป ซึ่งภาวะต่างเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินและวินิจฉัยอย่างละเอียดและถูกต้อง เพื่อให้หาสาเหตูที่ถูกต้องเพื่อที่จะทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ที่มา https://dodeden.com/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B2/
2. วันที่เดินทางไปทำตา
และแล้วเก๋ก็เริ่มนัดคิวเข้าไปปรึกษาและทำการผ่าตัดค่ะ คลินิกจะอยู่ใน RCA เราก็ไปตาม GPS เลยจ้า ยอมรับว่าคลินิกหายากนิดนึงเพราะอยู่ด้านในตึกอีกที ถ้าใครจะไปแนะนำสอบถามทางกับทางคลินิกให้ละเอียดนะคะ พอถึงคลินิก พี่ๆ ที่มาตอนรับน่ารักใจดีมากชวนคุยสอบถามเป็นกันเองสุด ถึงคิวพบหมอแล้ว เราก็แบบนี่หมอที่ทำตามานานแล้วจริงรึยังหน้าเด็กมากกก หมอถามมีแบบตาที่อยากจะทำรึยัง ไอเราก็บอกเอาแบบธรรมชาติค่ะ ไม่เอาหอยแครง ขอแบบที่เข้ากับหน้าเลยค่ะ หมอก็ลองวัดชั้นตาให้ว่าแค่นี้ ๆ พอใจมั้ย เราก็อ่ะโอเคที่ชั้นเล็กค่ะ คุณหมอก็ลงมือวาดเลยจ้า ปรึกษาคุณหมออยู่พักใหญ่เลยนะคะ หลังจากนั้นก็เตรียมเข้าห้องผ่าตัด มีการสวมเสื้อคลุมผ่าตัดและล้างหน้าทำความสะอาดหน้าให้สะอาด ตอนแรกที่มาบอกเลยว่ามั่นใจสุดๆ แต่พอจะได้เข้าห้องผ่าตัดใจนี่เต้นตุบ ตุบ ตุบ ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ และกังวลหลายอย่างว่าจะออกมาสวยแบบที่เราตั้งใจไว้มั้ย จะต้องเจอคนที่บอก ไม่น่าทำเลยบอกแล้วไม่ต้องทำ รึเปล่า พอหมอให้ไปนอนรอบนเตียงยิ่งเครียดมากกว่าตอนนั่งรอยู่หน้าห้อง จินตนาการไปไกลว่าหมอจะเอามีดกรีดมั้ยจะเจ็บแค่ไหน 55555 เค้าเรียกเริ่มจะประสาทกิน พอคุณหมอมาบอกว่า จะฉีดยาชาแล้วนะคะ โอโห้เกร็งมากจ้า หมอเริ่มจิ้มเข็มลงไปที่ตาข้างขวาก่อนจึก ความรู้สึกตอนนั้นมันจะจี๊ดๆ เหมือนโดนมดต่อย อารมณ์เจ็บกว่ามดกัดนิดนึง แต่ไม่เจ็บมากนะคะ ย้ายมาฉีดข้างซ้าย ก็เริ่มโอเคทำใจได้ พอทิ้งไว้สักพักเริ่มชา คุณหมอก็เริ่มลงมือทำ เก๋ทำไป 4 ชม. ค่ะ คุณหมอทำละเอียดมากจริง ๆ บอกว่าไม่สวยไม่ให้ออกจากห้องค่ะ เก๋ขอข้ามช่วง 4 ชม. ไปนะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะเบื่อเอาเป็นตอนทำเสร็จเลยแล้วกันค่ะ พออกมาจากห้องผ่าตัด จะรู้สึกชา ๆ ที่หนังตา อาการบวมก็จะเป็นแบบในรูปค่ะ ยังไม่รู้สึกเจ็บจะรู้สึกตึงๆ ค่ะ อาการบวมก็จะตามรูปเลยค่ะ
3. อัพเดทอาการบวม
อัพเดทแผลและอาการบวมหลังจากผ่าตัดเสร็จ อันนี้ถ่ายตอนกลับถึงบ้านแล้วนะคะ
อัพเดทก่อนตัดไหม วันที่ 1 -6 เรียงจากซ้ายไปขวา
อันนี้รูป close up ตาในแต่ละวันนะคะ วันที่หนึงจะค่อนข้างบวมและแดงมากแต่พอเข้าวันที่ 3 เริ่มจะหายบวมแล้วค่ะ ส่วนตัวคิดว่าอาการบวมลดลงค่อนข้างเร็วอยู่นะคะ
วันตัดไหม ชั้นตาเริ่มสวยแล้วค่ะ
แผลหลังตัดไหมผ่านไป 7 วัน
แผลดูจะหายช้ากว่าคนอื่นอาจจะเพราะเก๋เป็นคนที่น้ำเหลืองไม่ดีตั้งแต่เด็ก ที่พลาดที่สุดคือเก๋ดันไปกินตำปูปลาร้า ปลาร้าทอด หลังจากวันตัดไหม เลยทำให้แผลยังดูไม่ปกติ อยากตีปากตัวเองมากค่ะ แผลอาจจะไม่สวยเพราะเราดูแลตัวเองไม่ดีได้เลยนะคะ เก๋ก็ปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ เพราะแผลยังดูไม่ดีหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อมาทานและฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นให้ หมอบอกว่าจะได้หายไว ๆ แผลหายช้าหายเร็วขึ้นอยู่กับการทานยาดูแลของแต่ละบุคคลจริงๆ ค่ะ บางคนเห็นว่าพอตัดไหมเสร็จแผลก็หายดีเลย
อัพเดทชั้นตาหลัง 1 เดือน
จากที่เคยไม่กินของแสลงมาผ่านไป 1 เดือนแผลก็เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ยังไม่สวยสนิทต้องทายาช่วยลดรอยแผลเป็นต่อค่ะ เดี๋ยวนัดคราวหน้าต้องคุณหมอจะดูเรื่องรอยแผลเป็นค่ะว่านูนเยอะถึงขั้นต้องฉีดยามั้ยมาลุ้นต่อค่ะ แต่ถ้าเป็นชั้นตาตอนนี้สวยธรรมชาติแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านะคะ ถ้าผิดพลาดยังไงให้อภัยกันด้วยนะคะ เป็นการตั้งกระทู้ครั้งเเรกขออภัยจริงๆ
[CR] รีวิว ตาสองชั้นธรรมชาติ by หมอยุ้ย Jarem clinic ฉบับคนน้ำเหลืองไม่ดี เจ็บครั้งนี้ฉันต้องรอด
ปล. เก๋เป็นคนที่น้ำเหลืองไม่ดีตั้งเเต่เด็กจำได้ว่าตอนเด็กเป็นเเผลขาลายเต็มไปหมด มาดูกันค่ะ ว่าทำตาครั้งนี้แผลจะเป็นยังไง
เก๋จะสรุปเป็นข้อ ๆ เนอะจะได้อ่านง่าย
อันนี้รูปก่อนทำตานะคะ
1. ทำไมตัดสินใจทำตากับหมอยุ้ย Jarem Clinic
คือด้วยว่าเป็นการศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตเราก็เลยอยากหาความมั่นใจให้กับตัวเองก็ดูรีวิวของคลินิกอื่นเหมือนกันค่ะ แต่ไปสะดุดตากับว่าคำว่า "จักษุแพทย์เฉพาะทาง" ตอนแรกก็งงเอ้าแล้วหมอศัลยกรรมเค้าไม่ได้เป็นจักษุแพทย์หรอเลยลองศึกษาดูปรากฏว่าหมอศัลยกรรมตาทุกคนไม่ได้จบจักษุแพทย์เฉพาะทาง หมอยุ้ยเลยสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นว่าถ้าทำกับเค้าแล้วตาสองข้างของเราจะปลอดภัย จากนั้นเก๋ก็เริ่มดูรีวิวจากเพจใน face book ของคลินิก อ่ะๆ ชั้นตาไม่ใหญ่ไม่หอยแครง ไม่ต่างดาว ใดๆ ทั้งสิ้น ชั้นธรรมชาติแบบที่ต้องการ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เก็ต ความหมายของจักษุแพทย์เฉพาะทางเดี๋ยวเก๋แนบไว้เท่าที่หามาได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. วันที่เดินทางไปทำตา
และแล้วเก๋ก็เริ่มนัดคิวเข้าไปปรึกษาและทำการผ่าตัดค่ะ คลินิกจะอยู่ใน RCA เราก็ไปตาม GPS เลยจ้า ยอมรับว่าคลินิกหายากนิดนึงเพราะอยู่ด้านในตึกอีกที ถ้าใครจะไปแนะนำสอบถามทางกับทางคลินิกให้ละเอียดนะคะ พอถึงคลินิก พี่ๆ ที่มาตอนรับน่ารักใจดีมากชวนคุยสอบถามเป็นกันเองสุด ถึงคิวพบหมอแล้ว เราก็แบบนี่หมอที่ทำตามานานแล้วจริงรึยังหน้าเด็กมากกก หมอถามมีแบบตาที่อยากจะทำรึยัง ไอเราก็บอกเอาแบบธรรมชาติค่ะ ไม่เอาหอยแครง ขอแบบที่เข้ากับหน้าเลยค่ะ หมอก็ลองวัดชั้นตาให้ว่าแค่นี้ ๆ พอใจมั้ย เราก็อ่ะโอเคที่ชั้นเล็กค่ะ คุณหมอก็ลงมือวาดเลยจ้า ปรึกษาคุณหมออยู่พักใหญ่เลยนะคะ หลังจากนั้นก็เตรียมเข้าห้องผ่าตัด มีการสวมเสื้อคลุมผ่าตัดและล้างหน้าทำความสะอาดหน้าให้สะอาด ตอนแรกที่มาบอกเลยว่ามั่นใจสุดๆ แต่พอจะได้เข้าห้องผ่าตัดใจนี่เต้นตุบ ตุบ ตุบ ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ และกังวลหลายอย่างว่าจะออกมาสวยแบบที่เราตั้งใจไว้มั้ย จะต้องเจอคนที่บอก ไม่น่าทำเลยบอกแล้วไม่ต้องทำ รึเปล่า พอหมอให้ไปนอนรอบนเตียงยิ่งเครียดมากกว่าตอนนั่งรอยู่หน้าห้อง จินตนาการไปไกลว่าหมอจะเอามีดกรีดมั้ยจะเจ็บแค่ไหน 55555 เค้าเรียกเริ่มจะประสาทกิน พอคุณหมอมาบอกว่า จะฉีดยาชาแล้วนะคะ โอโห้เกร็งมากจ้า หมอเริ่มจิ้มเข็มลงไปที่ตาข้างขวาก่อนจึก ความรู้สึกตอนนั้นมันจะจี๊ดๆ เหมือนโดนมดต่อย อารมณ์เจ็บกว่ามดกัดนิดนึง แต่ไม่เจ็บมากนะคะ ย้ายมาฉีดข้างซ้าย ก็เริ่มโอเคทำใจได้ พอทิ้งไว้สักพักเริ่มชา คุณหมอก็เริ่มลงมือทำ เก๋ทำไป 4 ชม. ค่ะ คุณหมอทำละเอียดมากจริง ๆ บอกว่าไม่สวยไม่ให้ออกจากห้องค่ะ เก๋ขอข้ามช่วง 4 ชม. ไปนะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะเบื่อเอาเป็นตอนทำเสร็จเลยแล้วกันค่ะ พออกมาจากห้องผ่าตัด จะรู้สึกชา ๆ ที่หนังตา อาการบวมก็จะเป็นแบบในรูปค่ะ ยังไม่รู้สึกเจ็บจะรู้สึกตึงๆ ค่ะ อาการบวมก็จะตามรูปเลยค่ะ
3. อัพเดทอาการบวม
อันนี้รูป close up ตาในแต่ละวันนะคะ วันที่หนึงจะค่อนข้างบวมและแดงมากแต่พอเข้าวันที่ 3 เริ่มจะหายบวมแล้วค่ะ ส่วนตัวคิดว่าอาการบวมลดลงค่อนข้างเร็วอยู่นะคะ
แผลดูจะหายช้ากว่าคนอื่นอาจจะเพราะเก๋เป็นคนที่น้ำเหลืองไม่ดีตั้งแต่เด็ก ที่พลาดที่สุดคือเก๋ดันไปกินตำปูปลาร้า ปลาร้าทอด หลังจากวันตัดไหม เลยทำให้แผลยังดูไม่ปกติ อยากตีปากตัวเองมากค่ะ แผลอาจจะไม่สวยเพราะเราดูแลตัวเองไม่ดีได้เลยนะคะ เก๋ก็ปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ เพราะแผลยังดูไม่ดีหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อมาทานและฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นให้ หมอบอกว่าจะได้หายไว ๆ แผลหายช้าหายเร็วขึ้นอยู่กับการทานยาดูแลของแต่ละบุคคลจริงๆ ค่ะ บางคนเห็นว่าพอตัดไหมเสร็จแผลก็หายดีเลย
อัพเดทชั้นตาหลัง 1 เดือน
จากที่เคยไม่กินของแสลงมาผ่านไป 1 เดือนแผลก็เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ยังไม่สวยสนิทต้องทายาช่วยลดรอยแผลเป็นต่อค่ะ เดี๋ยวนัดคราวหน้าต้องคุณหมอจะดูเรื่องรอยแผลเป็นค่ะว่านูนเยอะถึงขั้นต้องฉีดยามั้ยมาลุ้นต่อค่ะ แต่ถ้าเป็นชั้นตาตอนนี้สวยธรรมชาติแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านะคะ ถ้าผิดพลาดยังไงให้อภัยกันด้วยนะคะ เป็นการตั้งกระทู้ครั้งเเรกขออภัยจริงๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น