เราจะแก้ปัญหาสุนัข-แมวจร ได้อย่างไรให้ยอมรับกันได้แทบทุกฝ่ายครับ

จากที่อ่านตามเพจมา บางเพจก็ตั้งธงไว้เหลือเกินว่าต้องจับไปฆ่า ไปทำลาย ซึ่งเหตุผลที่อ้างบางทีคิดไปก็น่าฟัง แม้จะดูโหดร้าย แต่มันก็เป็นปัญหาจริงๆจากการคงอยู่ของสัตว์เหล่านี้

แต่พออ่านความเห็นของคนที่ไม่อยากทำร้ายชีวิต พอคิดไป มันก็จริง ทางออกไม่จำเป็นต้องใช้แต่การทำลาย เพราะจำนวนชีวิตที่ทำลายคงไม่ใช่หลักร้อยหลักพัน แต่อาจจะถึงหลักแสนถึงหลักล้าน

แต่พอมีสองฝ่ายที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าปัญหาเรื่องนี้ยังไงก็ไม่จบ

แต่จากที่ผมฟังและอ่านข่าวจากหลายๆที่ ก็มีไอเดียดังนี้ครับ

1.กำหนดพื้นที่ หรือจะเอาเป็นพื้นที่เกาะก็ได้ ไว้สำหรับปล่อยหมาแมวที่ไม่มีเจ้าของโดยเฉพาะ และโปรโมทให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

2.กำหนดให้มีการลงทะเบียนหมาแมว โดยจำกัดโควต้าว่า ถ้าหากไม่เกินบ้านเลขที่ละ 1 ตัว จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย ส่วนที่เกิน 1 ตัว ก็เก็บให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ โดยอิงกับข้อ 3 และมีการเก็บค่าต่อทะเบียนหมาแมวทุกปี ให้อยู่ในราคาต่ำสุด โดยอิงข้อ 3 เช่นกัน เว้นแต่บ้านไหนยากจนจริงๆแต่เลี้ยงไว้เยอะ และไม่อยากปล่อยให้ไปอยู่บนเกาะ ก็ทำเรื่องเป็นกรณีไป แต่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างดีโดยคำนึงถึงตัวสัตว์เลี้ยงเป็นหลักว่าจะมีความเป็นอยู่ดีหรือไม่ หากอยู่กับเจ้าของคนเดิม

3.นำรายได้จากการเก็บการลงทะเบียนหมาแมว และจากแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะหมาแมว เป็นค่าดูแลรักษา ค่าอาหารหมาแมวที่เราเอาไปปล่อยไว้บนเกาะ รวมถึงค่ารักษาผุ้ประสบเหตุถูกหมาแมวข่วนกัดด้วย คล้ายๆกับ พรบ. รถยนต์ที่บังคับให้ทุกคันต้องทำ เนื่องจากมีผู้ที่ต้องตายเพราะโรคพิษสุนัข(แมว)บ้า เพราะโดนข่วนกัดแล้วไม่ไปฉีดยาทุกปี อาจจะเป็นเพราะคิดว่าไม่เป็นไรและไม่อยากเสียเงินฉีดยา เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ซวยติดเชื้อ

4.ให้รางวัลคนที่จับหมาแมวจรได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนตัวละเท่าไร เพื่อจัดการหมาแมวจรที่หลุดรอดสายตา

5.บังคับให้หมาแมวทั้งที่มีเจ้าของและหมาแมวจรนั้นทำหมันทุกตัวเมื่ออายุถึงเกณฑ์ เพื่อตัดวงจรเผื่อหมาแมวนั้นแอบหนีออกจากบ้านแล้วไปผสมพันธ์กับตัวอื่นแล้วติดลูกกลับมา เว้นแต่เจ้าของจะยื่นเรื่องขอให้หมาแมวตัวเองไปผสมพันธ์เสียก่อนเพื่อต้องการรับลูกของสัตว์เลี้ยงของตนมาดูแลหรือขายหรือส่งต่อให้บุคคลที่ต้องการ จากนั้นก็ให้ทำหมันเสียเพื่อป้องกันการเกิดใหม่

หรือไม่ก็บังคับว่าให้เลี้ยงได้เฉพาะตัวผู้เท่านั้น หากใครจะเลี้ยงตัวเมียก็ต้องบังคับให้ทำหมันเมื่อถึงเวลาที่กำหนด

หากทำได้ดังนี้ หมาแมวมีอายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี ก็ตายหมดแล้ว ก็จะแก้ปัญหาหมาแมวจรชุดแรกไปได้ ส่วนหมาแมวจรที่หลุดรอดมา ไม่ว่าจะจากทางไหนก็จะมีข้อ 4.คอยคุมกำเนิดหมาแมวจรอยู่เรื่อยๆ โดยที่ก่อนจะส่งไปบนเกาะอาจจะให้พักระช่วงเวลานึง เผื่อหมาแมวนั้นเป็นหมาแมวมีเจ้าของ เจ้าของจะได้ตามมาดูก่อนได้ว่าหมาแมวตัวเองหลงมาเปล่า และป้องกันคนทั่วไปแอบลักหมาแมวมีเจ้าของเพื่อเอาเงินรางวัลด้วย โดยหากผ่านพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว คนที่จับหมาแมวจรได้ค่อยมารับเงินภายหลัง

หากทำได้ละก็ น่าจะเป็นผลดีแทบทุกฝ่ายคือ

1.หมาแมวจรทุกตัว จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะมีอาหารกิน มีที่อยู่ และไม่ตายก่อนวัยอันควรจากโรคต่างๆ โดยอาศัยเงินจากที่คนเลี้ยงหมาแมวมีเจ้าของมาต่ออายุทุกปี เงินบริจาคเวลาคนไปเที่ยวเกาะ เงินที่ได้จากแหล่งท่องเที่ยว (เช่น คนที่เช่าพื้นที่ขายของบนเกาะ เป็นต้น)
2.ปัญหาหมาแมวจรจะลดน้อยลงมาก จนแทบจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เนื่องจากพอหมาแมวลงทะเบียนแล้วเจ้าของก็ไม่สามารถปล่อยทิ้งไม่รับผิดชอบได้อีกต่อไป เว้นแต่เจ้าของคนไหนไม่ประสงค์เลี้ยง ก็สามารถส่งสัตว์เลี้ยงของตนไปอยู่บนเกาะที่รวมหมาแมวจรได้ แต่เจ้าของเหล่านี้ต้องถูกห้ามเลี้ยงสัตว์ไปอีกกี่ปีก็ว่ากันไป เพื่อให้พิจารณาให้ดีก่อนจะรับเลี้ยงสัตว์ และยังคงต้องเสียเงินค่าลงทะเบียนทุกปีจนกว่าหมาแมวที่ตนส่งไปบนเกาะจะตาย
3.ปัญหาที่โต้เถียงกันของคนที่อยากกำจัดหมาแมวเนื่องจากสร้างปัญหา และคนที่รักสัตว์ก็จะได้จุดลงตัว เพราะจะไม่มีหมาแมวก่อความเสียหายให้กลุ่มที่อยากกำจัดให้เห็นอีกต่อไป และหมาแมวเหล่านั้นก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นให้กลุ่มคนรักสัตว์สบายใจ รวมถึงยังแก้ปัญหาการทิ้งสัตว์เลี้ยงของหมาแมวที่เคยมีเจ้าของด้วย
4.หมาแมวทุกตัวทั้งแบบมีเจ้าของและไม่มี จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกตัวทุกปี เพราะเห็นว่าต่อให้สัตว์เหล่านี้มีเจ้าของ แต่ใช่ว่าเจ้าของจะพาไปฉีดยากันทุกตัว เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นก็เห็นแต่ให้อาหารกิน แต่ไม่ได้สนใจในเรื่องสุขภาพและป้องกันโรคของหมาแมวเท่าไร
5.ตัดวงจรหมาแมวที่จะเกิดโรคพิษสุนัข(แมว)บ้าไปได้ เพราะถูกบังคับให้ฉีดยาทุกตัวอยู่แล้ว
6.ตลาดสัตว์เลี้ยงน่าจะโตขึ้นเยอะ เนื่องจากเวลาคนจะหาสัตว์เลี้ยงก็จะต้องไปซื้อมาจากผุ้ขายที่ได้รับอนุญาตเพาะพันธ์ขายเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องไปเอาหมาแมวจรที่อยู่บนเกาะมาเลี้ยงแทนหากไม่อยากเสียเงิน ซึ่งน่าจะเป็นผลดีด้วย เพราะคนอยากเลี้ยงสามารถเลือกตัวที่ตัวเองถูกใจได้ง่าย เนื่องจากมีตัวเลือกให้เยอะมากๆ พวกสัตว์บนเกาะก็มีโอกาสที่จะเจอเจ้าของที่ต้องการตัวเองจริงๆ

จุดสำคัญคือ รัฐต้องมีเทคนิคโน้มน้าวจิตใจให้คนเห็นด้วย เพราะจากที่อ่านมาการลงทะเบียนครั้งล่าสุดล่ม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและบางส่วนไม่อยากเสียเงิน ซึ่งถ้าเราชี้แจงผลดีและใช้จิตวิทยาช่วยในการโน้มน้าว (ผ่านดารา องค์กรที่น่าเชื่อถือ คนมีชื่อเสียง) ก็น่าจะสำเร็จได้โดยง่าย

หรือใครมีไอเดียอย่างไรครับ ผมคิดว่าแนวทางดังกล่าวข้างต้นน่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสัตว์ยิ่งควรจะสนับสนุน เพราะสัตว์ที่ตนรักจะได้มีชีวิตที่ดี ไม่ต้องไปเป็นหมาแมวข้างถนนและรอวันตาย ไม่จากโรคก็จากภัยต่างๆบนท้องถนนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่