กาลครั้งหนึ่ง.........นานมาแล้ว

กระทู้สนทนา
.

                 เด็กๆ ที่น่ารัก อยากฟังนิทานไหม...บอกไว้ก่อนนะว่า มันไม่ใช่นิยาย แสนสวย จบมีความสุข อย่างนิทานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน ไม่น่ากลัวน่าคิดแบบนิทานเวตาล ไม่สั่งสอนแบบนิทานชาดกหรือนิทานอีสป    และจบไม่สนุกด้วย แต่ว่าเชื่อเถอะ..  โตขึ้นมาพวกหนู จะรู้ว่า ชีวิตจริงไม่ได้จบสวยงามอย่างนิทาน   ช่างเถอะ... ถ้าเด็ก ๆ ทำใจยอมรับ ก็ล้อมวงเข้ามา นักเล่านิทานคนนี้จะมีเรื่องสู่กันฟัง  ไม่มีขนมแจก   ถ้าพวกเธออยากกินขนม ก็ไป ซิ้อหากันมาก่อน แล้วค่อยมาฟังนิทาน แล้วอย่าลืมแปรงฟันก่อนนอนด้วย

                กาลครั้งหนึ่ง  นานมาแล้ว  นิทานต้องเริ่มแบบนี้สินะ  เอาละ... ไม่ต้องยิ้ม ทำใจฟังต่อไปนะ

               หอคอย สูงตระหง่านท้าลมฝนมานานแสนนาน นานเท่าได้ไม่มีผู้ใดบอกได้  เพียงผู้คนทราบว่าเมื่อเริ่มก่อร่างสร้างเมือง หอคอยนี้ก็ปรากฏรออยู่แล้ว มันไม่สำคัญ หรอกว่าจะอยู่มานานเท่าไร สำคัญว่าอยู่ไปทำไม มากกว่า ช่างถอะ...ไม่ว่าจะอยู่นานเท่าไร หรืออยู่ไปทำไม ก็ไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่านี้

              เวลาเปลี่ยนแปลง..หัวใจคนเปลี่ยนแปลง  ....จากเมืองเล็ก ๆ จนกลายเป็นเมืองใหญ่  วันเวลาผันผ่าน และสุดท้ายเมืองรุ่งเรือง กลับกลายเป็นเมืองรกร้างว่างเปล่า

              หอคอยยังคงอยู่   หอคอยจำเป็นต้องรอคอยอะไร ตามชื่อ 'หอคอย'  หรือไม่   หรือเป็นเพียงชื่อขับขาน..

             ไม่...หอคอยสูงใหญ่ เพียงรู้ว่า มันต้องอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่า อยู่เพื่ออะไร แต่ในเมื่อเกิดเป็นหอคอย ก็ต้องอยู่ต่อไป ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนจะอยู่เพื่ออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าต้องอยู่ต่อไป

              เช้าที่สดใสวันนั้น  ผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่ง สีสันและปีกสวยงาม บินสูงขึ้นมา จนถึงชั้นเกือบบนสุดของหอคอย ปีกแสนสวยพลิ้วไหวสะบัด ราวจะขาดเพราะลมบน ยังดีที่มีหอคอยให้พำนักพักพิง ผีเสื้อจึงสามารถโผมาเกาะพักเอาแรง  แม้จะสั่นสะท้านด้วยแรงลม

             “เธอจะไปไหน”   หอคอยถามอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นผีเสื้อตัวไหนบินขึ้นมาสูงอย่างนี้  ผีเสื้อยังคงขยับปีกไปมาอย่างอ่อนล้า  ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความฝันและเชื่อมั่น

             “ฉันกำลังจะเดินทางไปสุดสายปลายรุ้งไกลแสนไกลโน่นจ้ะ”

             “สุดสายปลายรุ้ง…?”  หอคอยทวนคำอย่างสงสัย ท้องฟ้าสดใสยามเช้าวันนี้ ไหนเลยมีสายรุ้งตัวสวย ขึ้นมาประดับฟากฟ้า

             “สุดสายปลายรุ้งอยู่ที่ปลายฝัน…” ผีเสื้อแสนสวยบอก “ มันอาจมองไม่เห็น  แต่รับรู้ด้วยใจ ฉันเชื่อแน่ว่า มีอยู่แน่นอน”

             “แล้วเธอจะไปทำไม”

             “เพราะฉันเก็บความฝันไว้ที่สุดสายปลายรุ้งนะสิ ฉันจึงต้องตามความฝันของฉันไป” ผีเสื้อพูดด้วยรอยยิ้ม

             “จำเป็นด้วยหรือที่ต้องทำเช่นนั้น เธอจะไปจริง ๆ เหรอ ข้างบนอันตรายนะ”

             “เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องตัดสินด้วยเหตุผลหรอกจ้ะ….ความรู้สึกความฝันบางอย่างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ก็เหมือนเธอที่ยืนตระหง่านนานแสนนาน เธอกำลังรออะไรอยู่ล่ะ  ทุกคนก็ต้องมีความฝันของตัวเองไม่ใช่หรือ ฉันไม่รู้นะว่าความฝันของเธอคืออะไร แต่ฉันมีความฝันของฉัน และต้องไล่ตามความฝันของฉัน”

            หอคอยนิ่งอึ้งทันที  มันเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้  อยู่มานานแต่กลับไม่รู้ว่าอยู่เพื่ออะไรและทำไม…เพียงรู้ว่าต้องอยู่เท่านั้น แล้วจะอยู่ไปทำไมกัน

             “อย่าคิดมากน่า เอาล่ะ...วันนี้ฉันจะกลับลงไปก่อน  ไม่มีแรงบินต่อไปแล้ว”  ผีเสื้อแสนสวยบอกลาแล้วโผเผบินลงไป หายไปท่ามกลางดงไม้เขียวขจีด้านล่าง


             วันต่อมาผีเสื้อแสนสวยบินขึ้นมาและแวะมาเกาะพักที่ชั้นเกือบบนสุดอีก  หอคอยมองดูปีกน้อย ๆ ยับ ๆ  อย่างเป็นห่วง มันไม่มีทางทานแรงลมบนรุนแรงได้แน่นอน

             “เลิกคิดจะไปยังสุดสายปลายรุ้งเสียเถอะ” หอคอยกล่าวเตือน “ปีกของเธอไม่มีทางต้านแรงลมบนได้หรอก อย่าว่าแต่ เธอไม่รู้ว่าสุดสายปลายรุ้งมันอยู่แห่งใด บางทีอาจเป็นเพียงภาพฝันเท่านั้น”

            “ฉันรู้ว่ามันมี”   ผีเสื้อกล่าวอย่างเชื่อมั่น “และฉันต้องไปให้ถึง วันนี้ฉันบินขึ้นมาได้แค่นี้ วันต่อ ๆ ไปฉันจะต้องสามารถบินไปเกาะอยู่ที่ชั้นบนสุดให้ได้ และวันต่อ ๆ ไปฉันจะบินสูงกว่าเธอ….. บินไป....สู่สุดสายปลายรุ้ง”

             “เธอนี่ดื้อจริงๆ”

             “ก็เพราะฉันเป็นผีเสื้อไงจ้ะ…ทั้งยังเป็นผีเสื้อแสนสวยด้วย”

             “นั่นละ....เธอจึงดื้อกว่าผีเสื้อธรรมดา”  
      
               ผีเสื้อแสนสวยหัวเราะชอบใจกับคำพูดของหอคอย ขยับปีกที่สวยงามไปมา ท่ามกลางแสงตะวันเริ่มร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ  หลังจากนั้น ทุกวันผีเสื้อแสนสวยจะต้องบินขึ้นมาเกาะพักอยู่ชั้นต่าง ๆ ของหอคอยที่สูงเสียดฟ้า เธอค่อย ๆ เลื่อนลำดับชั้นในการเกาะสูงขึ้นไปเป็นลำดับ จนสุดท้ายเธอสามารถ เกาะอยู่บนชั้นบนสุดได้แล้ว

           “พรุ่งนี้...ฉันจะบินสูงกว่านี้ ไปยังสุดสายปลายรุ้งให้ได้”  ผีเสื้อแสนสวยบอกอย่างมั่นใจ

             “อย่าไปเลยมันอันตราย”  หอคอยอ้อนวอน มันไม่อยากเสียเพื่อนตัวหนึ่งไป

             “ไม่มีทางเสียล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปให้ได้ ไม่เชื่อเธอคอยดู”   สีหน้าและน้ำเสียงของผีเสื้อแสนสวยบอกถึงความมุ่งมั่นชัดเจน จนหอคอยเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยเลยว่าจะทำเช่นนั้นจริง ๆ


             เช้าวันรุ่งขึ้น

             ลมบนพัดแรง   ทั้งยังคล้ายรุนแรงกว่าวันก่อน ๆ ด้วย   ผีเสื้อแสนสวยกำลังค่อยบินขึ้นมามองเห็นแต่ไกล ว่าปีกบางเบา กำลังทำงานเต็มที่ รอเวลาจะบินไปเกาะยอดหอคอย ก่อนส่งตัวเอง ไปสู่ปลายฝัน

             หอคอยเอนไหวคล้ายจะเซล้ม มันมองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นต่อไปชัดเจน ผีเสื้อตัวน้อย เมื่อโผขึ้นสูงปีกน้อย ๆ บาง ๆ นั่นจะแหลกยับไปกับสายลมบน  ร่างแสนสวยจะไม่ต่างจากเศษขนนก  พลิ้วไหวตามสายลม  ไม่รู้ว่าจะลอยไปหล่นลงตรงไหน ไม่มีทางไปยังสุดสายปลายรุ้งได้  และมันก็ไม่มีทางยับยั้งผีเสื้อแสนสวยได้แน่นอน จากการที่คบกันมาช่วงหนึ่ง ทำให้รู้นิสัยของผีเสื้อแสนสวยดี

             บางทีอาจเป็นเพราะว่า...ผีเสื้อตัวน้อย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ  ถ้าไม่มีหอคอย ผีเสื้อน้อยคงไม่ต้องโบยบินสู่ปลายฝัน ดังนั้นหอคอย เลือกจะทำลายตัวเอง

             เช้าวันนั้น ผู้คนที่บังเอิญผ่านมาแถวนั้นได้ยินเสียงหอคอยสั่นไหวลั่นเปรี้ยะ ฟังดูเหมือนหอคอยกำลังคร่ำครวญ ปานหัวใจแหลกสลาย ก่อนหอคอยที่เคยสูงท้าทายลมฝนและกาลเวลา จะค่อยพังครืนลงมาดังสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นเศษอิฐเศษดินกองโต

             หอคอยเป็นสิ่งก่อสร้าง  ทำไมจะมีหัวใจที่แหลกสลายได้ ?

             ผีเสื้อแสนสวยตะลึงงัน

             ฝุ่นควันกระจายรายรอบราวมายาภาพ หอคอยที่เคยสูงเสียดฟ้า เป็นที่พักพิงยามอ่อนล้า พังลงแล้วต่อหน้าต่อตา  กลายเป็นความทรงจำอีกหนึ่งส่วนที่ต้องเก็บไว้ที่สุดสายปลายฝัน ไม่สามารถบินไปเกาะได้อีกต่อไป

             หรือเพราะความดื้อดึงของเธอกันนะ

             เพราะเป็นผีเสื้อจึงไม่มีน้ำตา แต่สายใยมิตรภาพก่ดเกิด ทำให้หัวใจของผีเสื้อหล่นวูบลง ตามการพังทลายของคอคอย พริบตาเธอก็รู้สึกว่าเธอกำลังบินอยู่อย่างไร้จุดหมายกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่า  บางสิ่งที่เคยมีพอหายไป อย่างไรต้องเกิดความรู้สึกอ้างอ้างอย่างบอกไม่ถูก  หอคอยที่รัก... ทำไมทำแบบนี้  สุดท้ายผีเสื้อแสนสวยบินไปเกาะกองอิฐดิน แต่นั่นไม่ใช่หอคอยอีกต่อไปแล้ว เป็นเพียงซากอนุสรณ์แห่งความทรงจำของมิตรภาพเท่านั้นเอง

           หอคอยเอาตัวเอาเข้าแลกกับชีวิตของผีเสื้อสมควรหรือไม่   ชีวิตหนึ่งดับไปเพื่อสานต่อชีวิตหนึ่ง  บางทีคำตอบอาจถูกเก็บไว้ที่ปลายฝัน ณ สุดสายปลายรุ้งไกลแสนไกล

            เนิ่นนานผ่านพ้น   สายลมแรงพัดผ่าน  ฝุ่นควันจางลง

           ข้างหลังหอคอยที่เคยถูกความสูงตระหง่านบดบัง พลันปรากฏภาพสวยงามต่อสายตา กลางแสงแดดยามเช้าอบอุ่นทิวทัศน์กระจ่างสดใส ยังมีแมกไม้และทะเลบุปผานานาพันธ์สวยงามจนเพริดแพร้วที่เคยซ่อนอยุ่หลังหอคอย  มวลหมู่ผีเสื้อมากมาย บินเวียนว่อนอยู่บนคลื่นแห่งทะเลบุปผาสบัดไกวไหวเอนเริงร่า

          ผีเสื้อแสนสวยตะลึงลาน

           ผีเสื้อแสนหล่อรูปร่างท่าทางดีตัวหนึ่งโฉบมาใกล้ พลางส่งยิ้มให้ก่อนเอ่ยปากชวน

          “อ้าว….ทำหน้าเศร้าอยู่ทำไมล่ะครับ ทางโน้นกำลังมีงานสังสรรค์ ไปร่วมงานกันดีกว่านะครับ มีเกสรมวลไม้หอมกรุ่น มีน้ำหวานมากมายหลายชนิด..ไปกันดีกว่าอย่ามามัวทำหน้าเศร้าเลย”


             ผีเสื้อก็คือผีเสื้อ ...หอคอยก็คือหอคอย   เช้าวันนั้นพลันปรากฏสายรุ้งงดงามเส้นหนึ่งขึ้นบนฟากฟ้าราวอยู่แค่เอื้อม

             ผีเสื้อแสนสวยไม่สนใจสุดสายปลายรุ้งอีกแล้ว  ความฝันสวยงามไม่จำเป็นอีกต่อไป  ผ่านไปเหมือนความทรงจำไร้ค่า  บินคลอผีเสื้อแสนหล่อไป ท่ามกลางมวลพฤกษานานาพันธุ์ เจิดจรุงหอมอบอวล…สู่โลกใหม่และชีวิตใหม่อันสดใส นั่นคือความจริง

            หรือ...สุดสายปลายรุ้งเป็นเพียงมายาภาพ สิ่งที่ซุกซ่อนเก็บไว้ ก็เป็นเพียงภาพมายาที่ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึงได้

           หรือ...เช่นนี้เองจึงมี ความรักเก็บไว้ที่ปลายฝัน ณ สุดสายปลายรุ้ง

          หรือ...เพราะที่นั่นจึงเป็นที่สามารถเก็บความรัก และความฝันที่เก็บเกี่ยวมาจากโลกแห่งความฝันอันห่างไกลจากความเป็นจริง
ตลอดมา  และ  ตลอดไป….

           เสียงสายลมพัดผ่านซากปรักหักพังของหอคอย ฟังดูแสนเศร้าเหลือเกิน


         เอาละ เด็ก ๆ  นิทานจบ เข้านอนได้แล้ว  อย่าดื้อ อย่าซน





................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่