หลังจากได้ดูสายโลหิต EP.9-11 ผ่านพ้นไปนั้น รู้สึกประทับใจกับการนำเสนอเรื่องราวและฝีมือการแสดงของนักแสดงทุกคนมาก แต่ที่ประทับใจที่สุดคงจะเป็นพระนางของเรื่อง คือ พอร์ชและนาว จริงๆ ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่มีฝีมืออยู่ในตัวเองอยู่แล้ว แต่พอมาประกบคู่กัน ทั้งคู่ถ่ายทอดความเป็นพี่ไกรและดาวเรืองออกมาได้ดีและชัดเจนมาก ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่พอร์ชกับนาวแต่เป็นพี่ไกรและดาวเรืองจริงๆ ต้องขอบคุณทางอ.ศัลยาด้วยที่ท่านเขียนบทออกมาได้ตรงใจคนดู นำเสนอให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งคำพูด บทสนทนา การกระทำ รวมถึงตัวนักแสดงเอง ถ่ายทอดออกมาได้สมจริง
ตั้งแต่ติดตามมาจากตอนแรก จนกระทั่งตอนนี้มาถึงครึ่งทางของเรื่อง EP.9-11 ที่ผ่านมานั้นทำให้เรารู้สึกหลายอารมณ์นะ มีทั้งฉากรัก ฉากรบ ฉากเศร้า ฉากสูญเสียคนที่เรารัก มันทั้งมีความสุข ทั้งเศร้า และหดหู่ไปพร้อมๆกัน ด้วยความที่ดูเวอร์ชั่นเก่าจนจำได้ขึ้นใจ ก็จะจำได้ว่าฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะลุ้นตามว่าเวอร์ชั่นนี้จะนำเสนอออกมารูปแบบไหน ซึ่งพอได้ดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย โดยเฉพาะฉากที่นำเสนอความรักความผูกพันของพระนาง พัฒนาการของตัวละครมีให้เห็นชัดเจนมาก ไล่มาตั้งแต่ฉากเก็บบัว พาไปเที่ยว ซึ่งแต่ละฉากพี่ไกรก็จะมีการสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวดาวเรืองแต่พองาม มีหอม มีกอด บางคนอาจจะคิดว่าแสดงออกเยอะเกินไป แต่เรามองว่า พี่ไกรไปรบทีก็นานเป็นปี กว่าจะได้กลับมาเจอดาวเรืองแต่ละทีนั้น ก็รอคอยนานมาก การแสดงความรักด้วยวิธีนี้ก็น่าจะเหมาะสมแล้วสำหรับคนรักที่รอคอยกัน จนถึงฉากที่พี่ไกรต้องลาจากดาวเรืองเพื่อไปรบ ฉากแต่งงานขอสไบ ฉากพี่ไกรกลับมาเข้าหอ ทุกๆฉาก มันมีความโหยหา ความผูกพัน ความเป็นห่วงทางใจที่ลึกซึ้งมาก การแสดงความรักของพระนางที่มีต่อกันค่อยๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ไม่เพียงแต่แสดงความรักในฐานะสามีภรรยา แต่ยังมีมุมที่เรารู้สึกว่า ทั้งคู่ต่างเป็นคู่ชีวิต คู่คิด ที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดเวลาจริงๆ สังเกตได้จากฉากที่ดาวเรืองสูญเสียคุณย่า พี่ไกรก็จะคอยปลอบโยน หรือแม้แต่ฉากที่พี่ไกรกลุ้มใจเรื่องศึกสงคราม ดาวเรืองก็จะคอยอยู่ข้างๆเช่นกัน ขอยอมรับเลยว่าพอร์ชกับนาวแสดงได้ดี ชอบการสื่ออารมณ์ผ่านสายตาของทั้งคู่ ไม่ต้องจูบจริงหรือมีเลิฟซีนที่หวือหวา แต่ทั้งพอร์ชกับนาวสามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของตัวละคร หลวงไกรกับดาวเรือง ออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุดในใจเราจริงๆ
ฉากที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นคู่ชีวิต คู่คิด ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันของพี่ไกรกับดาวเรือง
บอกเลยว่าสามตอนทีผ่านมา มีหลายฉากที่เราประทับใจและตราตรึงจนต้องดูย้อนหลังวันละหลายๆรอบ ชอบการนำเสนอเรื่องราวในเวอร์ชั่นนี้มาก ถึงแม้จะมีบางฉากที่บทสนทนาหรือคำพูดได้มีการปรับเปลี่ยนไปให้เข้ากับยุคสมัยและทำให้การดำเนินเรื่องกระชับมากขึ้นก็ตาม
1. ฉากแต่งงาน..ขอสไบไปทัพ
เป็นฉากที่ทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน สุขที่เห็นเขาได้แต่งงานกัน แต่เศร้าตอนโดนขุนทิพแกล้งให้พี่ไกรออกไปรบไม่ได้เข้าหอนี่สิ พอร์ชกับนาวเล่นได้ดีมาก พอร์ชบทพูดยาวมาก ส่วนนาวนี่น้ำตาสั่งได้ ไหลพรากๆ จนเราอยากจะร้องตามไปด้วยเลย คือมันรู้สึกทั้งเศร้าทั้งหน่วง พี่ไกรก็ทั้งแค้นใจทั้งสงสารเจ้าสาว ส่วนดาวเรืองก็คือเสียใจที่ต้องพลัดพรากกับสามีในวันแต่งงานของตัวเอง ไหนจะห่วงพี่ไกรทีต้องไปรบอีก กังวลด้วยว่าไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมา คือมันหลากหลายอารมณ์มากจริงๆสำหรับฉากนี้ บอกเลยพอร์ชนาวเอาอยู่กับซีนนี้ทั้งคู่ ลองจินตนาการตามถ้าเป็นในชีวิตจริง เราก็คงรู้สึกแย่ไม่แพ้ดาวเรืองอะ มีคนใจดีในทวิตบอกว่านั่งนับจำนวนที่พี่ไกรจูบดาวเรืองฉากนี้ได้ทั้งหมด 12 ครั้ง จูบสไบอีก 1 ครั้ง จูบหน้าผาก จูบแก้ม จูบข้างหู จูบที่ตัว แบบทะนุถนอมและหวงแหน และที่คาดไม่ถึงคือ ฉากตอนปลดสไบออกจากตัวดาวเรืองนี่สิ ดูมีความแปลกใหม่และมีมิติในการนำเสนอมาก คือพี่ไกรค่อยๆเอามือไปปลดสไบออกจากดาวเรืองเอง แล้วกล้องก็ค่อยๆ ฉายไปที่หัวไหล่ของดาวเรือง เป็นการนำเสนอด้วยภาพที่สวยงามและสื่อความหมายค่อนข้างชัดเจน ไม่ดูประเจิดประเจ้อจนเกินไป ทำให้คนดูเขินตามได้ไม่ยาก
2. ฉากเข้าหอของพี่ไกรและดาวเรือง
เป็นมิติใหม่ของฉากเข้าหอที่ไม่เคยเห็นในละครเรื่องไหนมาก่อนเลย เราเรียกฉากนี้ว่า"พายุไกร" (อ้างอิงจากสเต็ปการหมุนตัว) คิดว่าหลายๆคนน่าจะชอบและเขินกับฉากนี้ไม่น้อย ก็พี่ไกรเล่นกลับมาแบบมอมแมม น้ำท่ายังไม่ได้อาบเลย 555 วินาทีแรกที่ดาวเรืองเห็นพี่ไกรคือทั้งดีใจทั้งตกใจ โผเข้ากอดทั้งน้ำตา พี่ไกรก็ไม่เบา สั่งห้ามถามห้ามพูด พี่ไม่ฟัง จากนั้นก็ อย่างที่ทุกคนเห็นเนอะ ดึงน้องเข้ามากอด จ้องตาแล้วก็หมุนตัวดาวเรืองเข้าหอเลย อันนี้แอบเสียดายนิดนึง น่าจะมีฉากต่อเนื่องให้เห็นว่าหมุนตัวไปที่ไหน 555 สงสัยทีมงานอยากให้คนดูมโนกันต่อเอง อิอิ คิดว่าตอนถ่ายทำจริง ทั้งพอร์ชและนาวน่าจะหมุนกันอยู่หลายรอบนะ เห็นรูปเบื้องหลังที่นาวลงใน ig ดูเหมือนจะขำกันทั้งคู่เลย คงจะหมุนหลายรอบเพื่อให้ภาพออกมาสวยงามอย่างที่เราเห็นในละครแน่ๆ ปกติละครเรื่องอื่นถ้าเป็นฉากเลิฟซีนระหว่างพระนางส่วนใหญ่กล้องจะไปจับที่โคมไฟหัวเตียงบ้างล่ะ ที่แจกันดอกไม้บ้างล่ะ อันนี้แหวกแนวมาก พระเอกพานางเอกหมุนตัวติ้วๆ ให้คนดูมโนเองว่าหมุนไปไหน (จะอุ้มไปที่เตียงก็ไม่ทำเนอะ) แล้วตัดเข้าเบรคโฆษณา โอยย มันดีมากค่ะคุณขา
3. ฉากเข้าหอคืนที่ 2
ฉากนี้เป็นอีกฉากนึงที่ดูแล้วก็เขิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดกัน หอมหน้าผาก และพูดคุยกันเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่เห็นพอร์ชถอดเสื้อโชว์หุ่นแบบนี้ ส่วนนาวก็ดูสวยแบบน่ารักน่าทะนุถนอม แต่เป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงความรักความโหยหาของคนสองคนที่รักและผูกพันกันมานาน ทั้งพอร์ชและนาวทำให้เราเชื่อว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่เพิ่งใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เลิฟซีนไม่หวือหวามาก แค่กอด สัมผัส ไล้หน้า แล้วก็จูบหน้าผาก แต่ทำไมรู้สึกว่ามันละมุนไปหมด ไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีการเขินกันรึป่าวนะ แต่ในละครนี่คือทั้งคู่แสดงได้สมจริง ไม่มีอาการเคอะเขินกันเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าทั้งคู่มีตัวจริงนอกจอแล้ว เราจะขออนุญาตขึ้นเรือบาป จิ้นนอกจอซะเลย 5555
4. ฉากอ้อนขอลูก
ฉากนี้เหมือนพี่ไกรพาดาวเรืองมารำลึกความหลังที่เรือนชายน้ำ มีการอ้อนเมียด้วยการบอกว่าอยากมีลูก จะได้สานกระบุง กระจาดให้ลูกเล่น ต่อเนื่องด้วยฉากที่ดาวเรืองกังวลที่พี่ไกรจะกลับไปบางระจันอีกครั้ง อันนี้ก็ดูแล้วมีความเขินที่เขานอนกอดกัน แหม พี่ไกรคะ เพิ่งอ้อนขอลูกกับเมียไป แต่นอนกอดเมียเฉยๆ จะมีลูกมั้ยคะเนี่ย 5555
5. ฉากดาวเรืองอัพเลเวลเป็น แม่ดาวเรือง 4G
ขอบอกว่าฉากนี้ เป็นอะไรที่ตราตรึงในใจเรามาก เวอร์ชั่นที่แล้วไม่มีแบบนี้ แต่เวอร์ชั่นนี้เหมือนอ.ศัลยาจะรู้ใจแฟนๆละครยุคสมัยใหม่จริงๆ ด้วยการจัดบทเข้าพระนางที่ให้ทั้งคู่แสดงความรักต่อกันจนคนดูรู้สึกอินตามไปด้วย เริ่มที่ตื่นเช้ามาแม่หญิงดาวเรืองของเรากำลังช่วยผูกผ้าคาดเอวให้คุณพี่ไกร พี่ไกรของเราก็คงจะหมั่นเขี้ยวเมียเนอะ ดึงมาจับแก้ม หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา หอมหน้าผาก มองตาเหมือนจะกลืนแม่ดาวเรืองลงไปทั้งตัวแล้วอะ โอยย บอกเลยนะฉากนี้คือตายค่ะ แทบจะหมดสติลงไปหน้าจอทีวีเลย พอร์ชกับนาวเล่นดีมาก พอร์ชนี่เวลาจูบดูนุ่มนวลอ่อนโยนสุดๆ ค่อยๆจูบ เอาจมูกไล้แก้มนาว คือมีความละมุนสุดๆ ดูแล้วคิดว่าเป็นสามีภรรยาแสดงความรักกันจริงๆเลยนะ สายตายิ่งไม่ต้องอธิบายเลย เรากรี๊ดตอนที่จูบเสร็จแล้วเอาหัวไปชนหน้าผากนาว แล้วพูดว่า "หัวใจพี่รักเจ้าเป็นที่สุด บ้านเมืองเป็นอีกที่สุด สองอย่างนี้พี่จะปกป้องดูแลด้วยชีวิตของพี่" ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรนะคิดว่าดาวเรืองก็คงจะเอียงอายตามประสาแม่หญิง สักพักนึง มือจ้า มือดาวเรืองค่อยๆ โอบรอบคอพี่ไกรจ้า ตอนนั้นใจเราเริ่มคิดละ เฮ้ยย ดาวเรืองจะทำอะไรอะ ปรากฎว่าเขย่งตัวไปหอมแก้มสามีค่า ทั้งซ้ายทั้งขวา ชอบจังหวะการหอมแก้มของนาวมาก ดูมีความซนๆ แก่นๆ อยู่นะตอนหอมแก้ม ส่วนพี่ไกรพอร์ชก็เล่นเนียนมาก ทำหน้าเหวอ ตาโตแบบตกใจนิดๆที่ถูกนาวเรืองหอมแก้มกลับ โดยส่วนตัวเราชอบนะที่ปรับบทให้ดาวเรืองแสดงความรักต่อพี่ไกรกลับแบบนี้ แต่อีกใจก็กลัวบางคนจะคิดว่า ทำไมให้ดาวเรืองทำแบบนี้ล่ะ เป็นผู้หญิงสมัยก่อนควรเก็บอาการนะ ซึ่งอ.ศัลยาก็เก็บรายละเอียดบทตรงจุดนี้ดีมาก ด้วยการให้ดาวเรืองถามพี่ไกรว่า "ดาวเรืองทำในสิ่งที่แม่หญิงไม่ควรทำ พี่ไกรไม่ชอบใช่มั้ยคะ" เหมือนเป็นการตอบคำถามคนดูด้วยว่า สิ่งที่ดาวเรืองทำเนี่ยจริงๆแล้วดาวเรืองก็รู้นะว่ามันอาจจะไม่ควรทำ แต่มองอีกมุมคือดาวเรืองแค่อยากจะแสดงความรักที่มีต่อสามี แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเห็น ซึ่งพี่ไกรก็บอกว่าพี่ชอบ พร้อมกับกระซิบข้างหูว่า "ทำบ่อยๆนะ" อันนี้คือการนำเสนอที่แปลกใหม่ดี แน่นอนว่าหลายๆคนก็บอกว่าดาวเรืองอัพเดทเป็น แม่หญิง 4G ตามพี่ไกรไปติดๆ แล้ว
แถมตอนที่พี่ไกรบอกว่า "ไม่อยากไปแล้วอะ " ทำหน้าอ้อนๆนี่เราว่าพอร์ชเล่นนอกบทนะ หน้าตาท่าทางนี่ใส่ความเป็นพอร์ชชัดๆเลย 555 แต่ผู้กำกับคงเห็นว่าเป็นมุมน่ารักๆ ที่ผู้ชายคนนึงอยากจะอ้อนเมียรึป่าว อันนี้เดาว่าเพิ่มเข้ามาให้ดูกุ๊กกิ๊กขึ้น
6. ฉากพี่ไกรเกรี้ยวกราด
เพิ่งหวานกับเมียไปได้ไม่ทันไร พอรู้ว่าถูกสั่งไม่ให้ไปช่วยรบที่บางระจัน พี่ไกรก็โกรธมาก จะไปเอาเรื่องขุนทิพให้ได้ ฉากนี้เราอึ้งกับการแสดงของพอร์ชมาก เล่นได้เชื่อว่ากำลังโกรธมากจริงๆ พี่ไกรจริงจังกับเรื่องบ้านเมืองมาก ดาวเรืองถึงขั้นลงไปนั่งกอดขาไว้เพื่อไม่ให้ไปเอาเรื่องขุนทิพ แต่ ณ จุดนั้นพี่ไกรคงไม่ไหวแล้วจริงๆ อารมณ์โกรธเลยลืมตัว สะบัดขาเพื่อให้ดาวเรืองปล่อย จนดาวเรืองกระเด็นไปเลย ฉากนี้แอบสงสารดาวเรืองเบาๆ ทั้งที่ตอนแรกยังหวานยังอ้อนกันอยู่ พอมาเจอเรื่องนี้พี่ไกรยอมไม่ไหวจริงๆ (นึกถึงตอนที่ดาวเรืองเป็นเด็กแล้วโดนพี่ไกรตวาดเสียงดังใส่เพราะลืมตัวเลยอะ) แต่พอร์ชกับนาวเล่นดีมาก คนนึงร้อนวู่วาม อีกคนพยายามจะปรามให้เย็นลงเพราะห่วง เราว่ามันเรียลมากอ่ะ จนสุดท้ายดาวเรืองก็เลิกยื้อยุด สั่งให้พันสิงห์พาพี่ไกรไป แต่ยื่นคำขาดว่าฉันจะไปด้วย 555 อันนี้เหมือนเป็นกลยุทธ์หยุดสามียังไงไม่รู้นะ ยิ่งห้ามยิ่งไม่ฟัง เลยปล่อยให้ทำ สุดท้ายคือฉากตอนนั่งในเรือ พี่ไกรหน้าตาแบบโกรธจัดหัวร้อนสุดๆ พอดาวเรืองเอามือมาแตะเท่านั้นแหละ เหมือนก็เริ่มเย็นลง "พี่ไกรเจ้าขา" คำนี้เหมือนช่วยเรียกสติพี่ไกรได้ดีเลยทีเดียว เราชอบฉากนี้มากนะ เหมือนเป็นการสื่อให้เห็นอ่ะว่าชีวิตคู่บางทีก็ต้องมีอีกคนคอยอยู่ข้างๆ ถ้าคนนึงร้อน อีกคนต้องเย็น ซึ่งพอร์ชกับนาวถ่ายทอดความรู้สึกในฉากนี้ได้เยี่ยมมาก คนดูอย่างเราแทบจะเป็นไบโพล่าร์ไปเลย ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริงๆ (มีความสงสารดาวเรืองสุดหัวใจ ถูกสะบัดจนกระเด็น)
เขียนมาซะยืดยาว ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโค้งสุดท้ายของสายโลหิตแล้ว ยังเชื่อว่ามีอีกหลายๆฉากที่เราคงจะประทับใจไม่น้อยไปกว่าที่เราเล่ามา ขอบคุณพอร์ชกับนาวที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งคู่พระนางในใจเราไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีโอกาสอยากเห็นคู่นี้เล่นละครด้วยกันอีกซักเรื่องนะคะ
หลังจาก EP. 9-11 ผ่านไปขอยกให้ "พอร์ช-นาว" คือพี่ไกรและดาวเรือง 2561 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใจเราเลยจริงๆ
ตั้งแต่ติดตามมาจากตอนแรก จนกระทั่งตอนนี้มาถึงครึ่งทางของเรื่อง EP.9-11 ที่ผ่านมานั้นทำให้เรารู้สึกหลายอารมณ์นะ มีทั้งฉากรัก ฉากรบ ฉากเศร้า ฉากสูญเสียคนที่เรารัก มันทั้งมีความสุข ทั้งเศร้า และหดหู่ไปพร้อมๆกัน ด้วยความที่ดูเวอร์ชั่นเก่าจนจำได้ขึ้นใจ ก็จะจำได้ว่าฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะลุ้นตามว่าเวอร์ชั่นนี้จะนำเสนอออกมารูปแบบไหน ซึ่งพอได้ดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย โดยเฉพาะฉากที่นำเสนอความรักความผูกพันของพระนาง พัฒนาการของตัวละครมีให้เห็นชัดเจนมาก ไล่มาตั้งแต่ฉากเก็บบัว พาไปเที่ยว ซึ่งแต่ละฉากพี่ไกรก็จะมีการสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวดาวเรืองแต่พองาม มีหอม มีกอด บางคนอาจจะคิดว่าแสดงออกเยอะเกินไป แต่เรามองว่า พี่ไกรไปรบทีก็นานเป็นปี กว่าจะได้กลับมาเจอดาวเรืองแต่ละทีนั้น ก็รอคอยนานมาก การแสดงความรักด้วยวิธีนี้ก็น่าจะเหมาะสมแล้วสำหรับคนรักที่รอคอยกัน จนถึงฉากที่พี่ไกรต้องลาจากดาวเรืองเพื่อไปรบ ฉากแต่งงานขอสไบ ฉากพี่ไกรกลับมาเข้าหอ ทุกๆฉาก มันมีความโหยหา ความผูกพัน ความเป็นห่วงทางใจที่ลึกซึ้งมาก การแสดงความรักของพระนางที่มีต่อกันค่อยๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ไม่เพียงแต่แสดงความรักในฐานะสามีภรรยา แต่ยังมีมุมที่เรารู้สึกว่า ทั้งคู่ต่างเป็นคู่ชีวิต คู่คิด ที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดเวลาจริงๆ สังเกตได้จากฉากที่ดาวเรืองสูญเสียคุณย่า พี่ไกรก็จะคอยปลอบโยน หรือแม้แต่ฉากที่พี่ไกรกลุ้มใจเรื่องศึกสงคราม ดาวเรืองก็จะคอยอยู่ข้างๆเช่นกัน ขอยอมรับเลยว่าพอร์ชกับนาวแสดงได้ดี ชอบการสื่ออารมณ์ผ่านสายตาของทั้งคู่ ไม่ต้องจูบจริงหรือมีเลิฟซีนที่หวือหวา แต่ทั้งพอร์ชกับนาวสามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆของตัวละคร หลวงไกรกับดาวเรือง ออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุดในใจเราจริงๆ
ฉากที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นคู่ชีวิต คู่คิด ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันของพี่ไกรกับดาวเรือง
บอกเลยว่าสามตอนทีผ่านมา มีหลายฉากที่เราประทับใจและตราตรึงจนต้องดูย้อนหลังวันละหลายๆรอบ ชอบการนำเสนอเรื่องราวในเวอร์ชั่นนี้มาก ถึงแม้จะมีบางฉากที่บทสนทนาหรือคำพูดได้มีการปรับเปลี่ยนไปให้เข้ากับยุคสมัยและทำให้การดำเนินเรื่องกระชับมากขึ้นก็ตาม
1. ฉากแต่งงาน..ขอสไบไปทัพ
เป็นฉากที่ทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน สุขที่เห็นเขาได้แต่งงานกัน แต่เศร้าตอนโดนขุนทิพแกล้งให้พี่ไกรออกไปรบไม่ได้เข้าหอนี่สิ พอร์ชกับนาวเล่นได้ดีมาก พอร์ชบทพูดยาวมาก ส่วนนาวนี่น้ำตาสั่งได้ ไหลพรากๆ จนเราอยากจะร้องตามไปด้วยเลย คือมันรู้สึกทั้งเศร้าทั้งหน่วง พี่ไกรก็ทั้งแค้นใจทั้งสงสารเจ้าสาว ส่วนดาวเรืองก็คือเสียใจที่ต้องพลัดพรากกับสามีในวันแต่งงานของตัวเอง ไหนจะห่วงพี่ไกรทีต้องไปรบอีก กังวลด้วยว่าไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมา คือมันหลากหลายอารมณ์มากจริงๆสำหรับฉากนี้ บอกเลยพอร์ชนาวเอาอยู่กับซีนนี้ทั้งคู่ ลองจินตนาการตามถ้าเป็นในชีวิตจริง เราก็คงรู้สึกแย่ไม่แพ้ดาวเรืองอะ มีคนใจดีในทวิตบอกว่านั่งนับจำนวนที่พี่ไกรจูบดาวเรืองฉากนี้ได้ทั้งหมด 12 ครั้ง จูบสไบอีก 1 ครั้ง จูบหน้าผาก จูบแก้ม จูบข้างหู จูบที่ตัว แบบทะนุถนอมและหวงแหน และที่คาดไม่ถึงคือ ฉากตอนปลดสไบออกจากตัวดาวเรืองนี่สิ ดูมีความแปลกใหม่และมีมิติในการนำเสนอมาก คือพี่ไกรค่อยๆเอามือไปปลดสไบออกจากดาวเรืองเอง แล้วกล้องก็ค่อยๆ ฉายไปที่หัวไหล่ของดาวเรือง เป็นการนำเสนอด้วยภาพที่สวยงามและสื่อความหมายค่อนข้างชัดเจน ไม่ดูประเจิดประเจ้อจนเกินไป ทำให้คนดูเขินตามได้ไม่ยาก
2. ฉากเข้าหอของพี่ไกรและดาวเรือง
เป็นมิติใหม่ของฉากเข้าหอที่ไม่เคยเห็นในละครเรื่องไหนมาก่อนเลย เราเรียกฉากนี้ว่า"พายุไกร" (อ้างอิงจากสเต็ปการหมุนตัว) คิดว่าหลายๆคนน่าจะชอบและเขินกับฉากนี้ไม่น้อย ก็พี่ไกรเล่นกลับมาแบบมอมแมม น้ำท่ายังไม่ได้อาบเลย 555 วินาทีแรกที่ดาวเรืองเห็นพี่ไกรคือทั้งดีใจทั้งตกใจ โผเข้ากอดทั้งน้ำตา พี่ไกรก็ไม่เบา สั่งห้ามถามห้ามพูด พี่ไม่ฟัง จากนั้นก็ อย่างที่ทุกคนเห็นเนอะ ดึงน้องเข้ามากอด จ้องตาแล้วก็หมุนตัวดาวเรืองเข้าหอเลย อันนี้แอบเสียดายนิดนึง น่าจะมีฉากต่อเนื่องให้เห็นว่าหมุนตัวไปที่ไหน 555 สงสัยทีมงานอยากให้คนดูมโนกันต่อเอง อิอิ คิดว่าตอนถ่ายทำจริง ทั้งพอร์ชและนาวน่าจะหมุนกันอยู่หลายรอบนะ เห็นรูปเบื้องหลังที่นาวลงใน ig ดูเหมือนจะขำกันทั้งคู่เลย คงจะหมุนหลายรอบเพื่อให้ภาพออกมาสวยงามอย่างที่เราเห็นในละครแน่ๆ ปกติละครเรื่องอื่นถ้าเป็นฉากเลิฟซีนระหว่างพระนางส่วนใหญ่กล้องจะไปจับที่โคมไฟหัวเตียงบ้างล่ะ ที่แจกันดอกไม้บ้างล่ะ อันนี้แหวกแนวมาก พระเอกพานางเอกหมุนตัวติ้วๆ ให้คนดูมโนเองว่าหมุนไปไหน (จะอุ้มไปที่เตียงก็ไม่ทำเนอะ) แล้วตัดเข้าเบรคโฆษณา โอยย มันดีมากค่ะคุณขา
3. ฉากเข้าหอคืนที่ 2
ฉากนี้เป็นอีกฉากนึงที่ดูแล้วก็เขิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดกัน หอมหน้าผาก และพูดคุยกันเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่เห็นพอร์ชถอดเสื้อโชว์หุ่นแบบนี้ ส่วนนาวก็ดูสวยแบบน่ารักน่าทะนุถนอม แต่เป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงความรักความโหยหาของคนสองคนที่รักและผูกพันกันมานาน ทั้งพอร์ชและนาวทำให้เราเชื่อว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่เพิ่งใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เลิฟซีนไม่หวือหวามาก แค่กอด สัมผัส ไล้หน้า แล้วก็จูบหน้าผาก แต่ทำไมรู้สึกว่ามันละมุนไปหมด ไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีการเขินกันรึป่าวนะ แต่ในละครนี่คือทั้งคู่แสดงได้สมจริง ไม่มีอาการเคอะเขินกันเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าทั้งคู่มีตัวจริงนอกจอแล้ว เราจะขออนุญาตขึ้นเรือบาป จิ้นนอกจอซะเลย 5555
4. ฉากอ้อนขอลูก
ฉากนี้เหมือนพี่ไกรพาดาวเรืองมารำลึกความหลังที่เรือนชายน้ำ มีการอ้อนเมียด้วยการบอกว่าอยากมีลูก จะได้สานกระบุง กระจาดให้ลูกเล่น ต่อเนื่องด้วยฉากที่ดาวเรืองกังวลที่พี่ไกรจะกลับไปบางระจันอีกครั้ง อันนี้ก็ดูแล้วมีความเขินที่เขานอนกอดกัน แหม พี่ไกรคะ เพิ่งอ้อนขอลูกกับเมียไป แต่นอนกอดเมียเฉยๆ จะมีลูกมั้ยคะเนี่ย 5555
5. ฉากดาวเรืองอัพเลเวลเป็น แม่ดาวเรือง 4G
ขอบอกว่าฉากนี้ เป็นอะไรที่ตราตรึงในใจเรามาก เวอร์ชั่นที่แล้วไม่มีแบบนี้ แต่เวอร์ชั่นนี้เหมือนอ.ศัลยาจะรู้ใจแฟนๆละครยุคสมัยใหม่จริงๆ ด้วยการจัดบทเข้าพระนางที่ให้ทั้งคู่แสดงความรักต่อกันจนคนดูรู้สึกอินตามไปด้วย เริ่มที่ตื่นเช้ามาแม่หญิงดาวเรืองของเรากำลังช่วยผูกผ้าคาดเอวให้คุณพี่ไกร พี่ไกรของเราก็คงจะหมั่นเขี้ยวเมียเนอะ ดึงมาจับแก้ม หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา หอมหน้าผาก มองตาเหมือนจะกลืนแม่ดาวเรืองลงไปทั้งตัวแล้วอะ โอยย บอกเลยนะฉากนี้คือตายค่ะ แทบจะหมดสติลงไปหน้าจอทีวีเลย พอร์ชกับนาวเล่นดีมาก พอร์ชนี่เวลาจูบดูนุ่มนวลอ่อนโยนสุดๆ ค่อยๆจูบ เอาจมูกไล้แก้มนาว คือมีความละมุนสุดๆ ดูแล้วคิดว่าเป็นสามีภรรยาแสดงความรักกันจริงๆเลยนะ สายตายิ่งไม่ต้องอธิบายเลย เรากรี๊ดตอนที่จูบเสร็จแล้วเอาหัวไปชนหน้าผากนาว แล้วพูดว่า "หัวใจพี่รักเจ้าเป็นที่สุด บ้านเมืองเป็นอีกที่สุด สองอย่างนี้พี่จะปกป้องดูแลด้วยชีวิตของพี่" ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรนะคิดว่าดาวเรืองก็คงจะเอียงอายตามประสาแม่หญิง สักพักนึง มือจ้า มือดาวเรืองค่อยๆ โอบรอบคอพี่ไกรจ้า ตอนนั้นใจเราเริ่มคิดละ เฮ้ยย ดาวเรืองจะทำอะไรอะ ปรากฎว่าเขย่งตัวไปหอมแก้มสามีค่า ทั้งซ้ายทั้งขวา ชอบจังหวะการหอมแก้มของนาวมาก ดูมีความซนๆ แก่นๆ อยู่นะตอนหอมแก้ม ส่วนพี่ไกรพอร์ชก็เล่นเนียนมาก ทำหน้าเหวอ ตาโตแบบตกใจนิดๆที่ถูกนาวเรืองหอมแก้มกลับ โดยส่วนตัวเราชอบนะที่ปรับบทให้ดาวเรืองแสดงความรักต่อพี่ไกรกลับแบบนี้ แต่อีกใจก็กลัวบางคนจะคิดว่า ทำไมให้ดาวเรืองทำแบบนี้ล่ะ เป็นผู้หญิงสมัยก่อนควรเก็บอาการนะ ซึ่งอ.ศัลยาก็เก็บรายละเอียดบทตรงจุดนี้ดีมาก ด้วยการให้ดาวเรืองถามพี่ไกรว่า "ดาวเรืองทำในสิ่งที่แม่หญิงไม่ควรทำ พี่ไกรไม่ชอบใช่มั้ยคะ" เหมือนเป็นการตอบคำถามคนดูด้วยว่า สิ่งที่ดาวเรืองทำเนี่ยจริงๆแล้วดาวเรืองก็รู้นะว่ามันอาจจะไม่ควรทำ แต่มองอีกมุมคือดาวเรืองแค่อยากจะแสดงความรักที่มีต่อสามี แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเห็น ซึ่งพี่ไกรก็บอกว่าพี่ชอบ พร้อมกับกระซิบข้างหูว่า "ทำบ่อยๆนะ" อันนี้คือการนำเสนอที่แปลกใหม่ดี แน่นอนว่าหลายๆคนก็บอกว่าดาวเรืองอัพเดทเป็น แม่หญิง 4G ตามพี่ไกรไปติดๆ แล้ว
แถมตอนที่พี่ไกรบอกว่า "ไม่อยากไปแล้วอะ " ทำหน้าอ้อนๆนี่เราว่าพอร์ชเล่นนอกบทนะ หน้าตาท่าทางนี่ใส่ความเป็นพอร์ชชัดๆเลย 555 แต่ผู้กำกับคงเห็นว่าเป็นมุมน่ารักๆ ที่ผู้ชายคนนึงอยากจะอ้อนเมียรึป่าว อันนี้เดาว่าเพิ่มเข้ามาให้ดูกุ๊กกิ๊กขึ้น
6. ฉากพี่ไกรเกรี้ยวกราด
เพิ่งหวานกับเมียไปได้ไม่ทันไร พอรู้ว่าถูกสั่งไม่ให้ไปช่วยรบที่บางระจัน พี่ไกรก็โกรธมาก จะไปเอาเรื่องขุนทิพให้ได้ ฉากนี้เราอึ้งกับการแสดงของพอร์ชมาก เล่นได้เชื่อว่ากำลังโกรธมากจริงๆ พี่ไกรจริงจังกับเรื่องบ้านเมืองมาก ดาวเรืองถึงขั้นลงไปนั่งกอดขาไว้เพื่อไม่ให้ไปเอาเรื่องขุนทิพ แต่ ณ จุดนั้นพี่ไกรคงไม่ไหวแล้วจริงๆ อารมณ์โกรธเลยลืมตัว สะบัดขาเพื่อให้ดาวเรืองปล่อย จนดาวเรืองกระเด็นไปเลย ฉากนี้แอบสงสารดาวเรืองเบาๆ ทั้งที่ตอนแรกยังหวานยังอ้อนกันอยู่ พอมาเจอเรื่องนี้พี่ไกรยอมไม่ไหวจริงๆ (นึกถึงตอนที่ดาวเรืองเป็นเด็กแล้วโดนพี่ไกรตวาดเสียงดังใส่เพราะลืมตัวเลยอะ) แต่พอร์ชกับนาวเล่นดีมาก คนนึงร้อนวู่วาม อีกคนพยายามจะปรามให้เย็นลงเพราะห่วง เราว่ามันเรียลมากอ่ะ จนสุดท้ายดาวเรืองก็เลิกยื้อยุด สั่งให้พันสิงห์พาพี่ไกรไป แต่ยื่นคำขาดว่าฉันจะไปด้วย 555 อันนี้เหมือนเป็นกลยุทธ์หยุดสามียังไงไม่รู้นะ ยิ่งห้ามยิ่งไม่ฟัง เลยปล่อยให้ทำ สุดท้ายคือฉากตอนนั่งในเรือ พี่ไกรหน้าตาแบบโกรธจัดหัวร้อนสุดๆ พอดาวเรืองเอามือมาแตะเท่านั้นแหละ เหมือนก็เริ่มเย็นลง "พี่ไกรเจ้าขา" คำนี้เหมือนช่วยเรียกสติพี่ไกรได้ดีเลยทีเดียว เราชอบฉากนี้มากนะ เหมือนเป็นการสื่อให้เห็นอ่ะว่าชีวิตคู่บางทีก็ต้องมีอีกคนคอยอยู่ข้างๆ ถ้าคนนึงร้อน อีกคนต้องเย็น ซึ่งพอร์ชกับนาวถ่ายทอดความรู้สึกในฉากนี้ได้เยี่ยมมาก คนดูอย่างเราแทบจะเป็นไบโพล่าร์ไปเลย ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริงๆ (มีความสงสารดาวเรืองสุดหัวใจ ถูกสะบัดจนกระเด็น)
เขียนมาซะยืดยาว ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโค้งสุดท้ายของสายโลหิตแล้ว ยังเชื่อว่ามีอีกหลายๆฉากที่เราคงจะประทับใจไม่น้อยไปกว่าที่เราเล่ามา ขอบคุณพอร์ชกับนาวที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งคู่พระนางในใจเราไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีโอกาสอยากเห็นคู่นี้เล่นละครด้วยกันอีกซักเรื่องนะคะ