วันนี้ได้ไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์มา ผมได้ทำการซื้อกล่องใส่พัสดุ ขนาด ค. มา 1 กล่อง เจ้าหน้าที่ก็ยื่นกล่องมา แต่ไม่มีเชือกผูกพร้อมแถบสติกเกอร์ใสที่เอาไว้ปิดข้างกล่อง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล่อง
ผมสอบถามก็ได้ความว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีเชือกให้แล้ว (ยืนยันว่า จนท พูดแบบนี้ และน่าจะหมายความว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว)
ผมทำสอบถามต่อไปว่าแล้วผมจะมัดกล่องได้อย่างไร จนทแจ้งว่าเดี๋ยวจะดำเนินการรัดเชือกด้วยฟางพลาสติกให้ ผมก็รู้สึกดีและมั่นใจในความแข็งแรงของพัสดุมากขึ้น
พอถึงคิวส่งผม ก็แจ้งความประสงค์ว่าจะส่งพัสดุแบบไหน ลงทะเบียนอะไร ตามระเบียบทั่วไป จนท. บริการ ก็แจ้งราคามา ผมก็จ่ายเงิน
ผมมาสะดุดข้อความในบิล มีรายการ ค่าห่อหุ้มกล่อง 6 บาท ......
ผมทราบดีว่า ถ้าหากผมขอให้ทางไปรษณีย์ดำเนินห่อหุ้มพัสดุ ย่อมจะต้องมีค่าบริการเกิดขึ้น แต่นี่ผมไม่ได้ขอ แต่มันเป็นเพราะว่า กล่องพัสดุมันไม่มีเชือกพร้อมแถบสติกเกอร์มาให้ ซึ่งจนท ก็แจ้งว่าเดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้ว
ไปรษณีย์ไทย ครับ แล้วมันคืออะไร เป็นการบังคับลูกค้าทางอ้อม หรือไง กลายเป็นว่าลูกค้าที่ใช้บริการส่งพัสดุทุกรายจะต้องเสียเงินค่าห่อหุ้มกล่องเพิ่มเหรอ
จริงอยู่มันมีอัตราค่าห่อหุ้มกล่องพัสดุอยู่ แต่มันเป็นการบริการที่ลูกค้าขอดำเนินการให้ ห่อหุ้ม
สำหรับลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งไม่ต้องการ เขาแค่ต้องการเชือกที่มีมาพร้อมกล่องก็เพียงพอแก่การมัดกล่องแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรัดด้วยเชือกฟางพลาสติกอะไรมากมาย เขาจะต้องมาเสียเงินเพิ่มตรงนี้เพื่ออะไร
กล่องพัสดุไม่มีเชือกพร้อมแถบสติเกอร์ให้ลูกค้า ราคาค่ากล่องก็ยังคงเดิม ไม่ได้ลดลง แล้วยังต้องจ่ายค่าห่อหุ้มกล่องเพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการปรับราคาค่ากล่องเพิ่มขึ้น ราคากล่อง ค. 16 บาท จ่ายค่าห่อหุ้ม 6 บาท เท่ากับ ราคาปรับขึ้น ไปประมาณ38 % น่าเกลียดไปหรือเปล่า
จะอ้างว่า เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ก็ไม่น่าใช่ เพราะ จนท แจ้งเองว่าเดี๋ยนี้ไม่มีเชือกให้แล้ว ถ้าจะบอกว่า จนท. ไม่แม่นข้อมูล ก็เป็นเรื่องของไปรษณียืไทย ที่จะต้องไปคัดกรองเอง ไม่ใช่เรื่องของลูกค้าที่จะต้องมาระภาระตรงนี้
ถ้าอยากจะปรับราคาขึ้นก็ระบุอัตราค่ากล่องใหม่เลยเป็นอัตราค่ากล่องรวมค่าห่อไว้แล้ว ไม่ต้องมาแยก 2ขยักแบบนี้
ขอให้ทางไปรษณีย์ไทยออกมาให้รายละเอียดถึงนโยบายแบบนี้ด้วย แล้วไม่ต้องการให้ไปรษณีย์ออกมาขออภัยต่อความไม่สะดวก ที่เกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องความสะดวกหรือไม่สะดวกแต่มันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ทำอะไรที่มันไม่เข้าท่าแบบนี้แหละ บริษัทรับส่งพัสดุเอกชนถึงได้โตวันโตคืน มีสาขาย่อยรับส่งพัสดุ เกือบจะทุกถนนของเมืองแล้ว
ไปรษณีย์ไทยเก็บเงินค่าหุ้มกล่อง
ผมสอบถามก็ได้ความว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีเชือกให้แล้ว (ยืนยันว่า จนท พูดแบบนี้ และน่าจะหมายความว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่น่าจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว)
ผมทำสอบถามต่อไปว่าแล้วผมจะมัดกล่องได้อย่างไร จนทแจ้งว่าเดี๋ยวจะดำเนินการรัดเชือกด้วยฟางพลาสติกให้ ผมก็รู้สึกดีและมั่นใจในความแข็งแรงของพัสดุมากขึ้น
พอถึงคิวส่งผม ก็แจ้งความประสงค์ว่าจะส่งพัสดุแบบไหน ลงทะเบียนอะไร ตามระเบียบทั่วไป จนท. บริการ ก็แจ้งราคามา ผมก็จ่ายเงิน
ผมมาสะดุดข้อความในบิล มีรายการ ค่าห่อหุ้มกล่อง 6 บาท ......
ผมทราบดีว่า ถ้าหากผมขอให้ทางไปรษณีย์ดำเนินห่อหุ้มพัสดุ ย่อมจะต้องมีค่าบริการเกิดขึ้น แต่นี่ผมไม่ได้ขอ แต่มันเป็นเพราะว่า กล่องพัสดุมันไม่มีเชือกพร้อมแถบสติกเกอร์มาให้ ซึ่งจนท ก็แจ้งว่าเดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้ว
ไปรษณีย์ไทย ครับ แล้วมันคืออะไร เป็นการบังคับลูกค้าทางอ้อม หรือไง กลายเป็นว่าลูกค้าที่ใช้บริการส่งพัสดุทุกรายจะต้องเสียเงินค่าห่อหุ้มกล่องเพิ่มเหรอ
จริงอยู่มันมีอัตราค่าห่อหุ้มกล่องพัสดุอยู่ แต่มันเป็นการบริการที่ลูกค้าขอดำเนินการให้ ห่อหุ้ม
สำหรับลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งไม่ต้องการ เขาแค่ต้องการเชือกที่มีมาพร้อมกล่องก็เพียงพอแก่การมัดกล่องแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรัดด้วยเชือกฟางพลาสติกอะไรมากมาย เขาจะต้องมาเสียเงินเพิ่มตรงนี้เพื่ออะไร
กล่องพัสดุไม่มีเชือกพร้อมแถบสติเกอร์ให้ลูกค้า ราคาค่ากล่องก็ยังคงเดิม ไม่ได้ลดลง แล้วยังต้องจ่ายค่าห่อหุ้มกล่องเพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการปรับราคาค่ากล่องเพิ่มขึ้น ราคากล่อง ค. 16 บาท จ่ายค่าห่อหุ้ม 6 บาท เท่ากับ ราคาปรับขึ้น ไปประมาณ38 % น่าเกลียดไปหรือเปล่า
จะอ้างว่า เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ก็ไม่น่าใช่ เพราะ จนท แจ้งเองว่าเดี๋ยนี้ไม่มีเชือกให้แล้ว ถ้าจะบอกว่า จนท. ไม่แม่นข้อมูล ก็เป็นเรื่องของไปรษณียืไทย ที่จะต้องไปคัดกรองเอง ไม่ใช่เรื่องของลูกค้าที่จะต้องมาระภาระตรงนี้
ถ้าอยากจะปรับราคาขึ้นก็ระบุอัตราค่ากล่องใหม่เลยเป็นอัตราค่ากล่องรวมค่าห่อไว้แล้ว ไม่ต้องมาแยก 2ขยักแบบนี้
ขอให้ทางไปรษณีย์ไทยออกมาให้รายละเอียดถึงนโยบายแบบนี้ด้วย แล้วไม่ต้องการให้ไปรษณีย์ออกมาขออภัยต่อความไม่สะดวก ที่เกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องความสะดวกหรือไม่สะดวกแต่มันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
ทำอะไรที่มันไม่เข้าท่าแบบนี้แหละ บริษัทรับส่งพัสดุเอกชนถึงได้โตวันโตคืน มีสาขาย่อยรับส่งพัสดุ เกือบจะทุกถนนของเมืองแล้ว