ขอชื่นชมน้องนาว ดาวเรือง สายโลหิต และนักแสดงทุกๆคน ในฉากการจากไปของคุณย่า

ตลอดการแสดงที่ผ่านมา และได้ดูสายโลหิตเวอชั่นนี้มา เราชื่นชมในส่วนพระเอกไปส่วนใหญ่
แต่ในสัปดาห์ที่ได้ดูมานี้ ศ ส อา ได้เห็นตัวละครดาวเรืองเยอะมากๆ
โดยเฉพาะวันนี้ฉากการเสียคุณย่า

จริงๆตัวละครดาวเรือง ถ้าเล่นไม่ถึง มันจะเรียบได้
เหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย มันมีพัฒนาการ และมีการหักเหอยู่สูงมากๆ
จากเด็กที่เล่นซน มีความสุข ความอบอุ่น
โตมาเป็นสาว มีความรัก ไม่นาน ก็ต้องพบกับการพลัดพราก และเจ็บปวดเสียใจ

เป็นตัวละครที่เราจะผูกพันมากที่สุดในเรื่อง เพราะเหมือนเราโตมากับเค้า
จนกระทั่งแก่ จนตายจากไป จนมาเกิดใหม่ และตายจากไปอีก
ดังนั้นการเป็นดาวเรือง จึงเหมือนเป็นตัวแทนของคนดู
ต้องทำให้คนดูรัก สงสาร เป็นตัวแทนของคนไทยที่อยู่ในสมัยนั้น ที่ต้องสูญเสีย ผ่านเหตุการณ์ทั้งดีร้าย
ต้องร้องไห้เสียใจอยู่ตลอด แต่คนดูต้องไม่เบื่อที่จะเอาใจช่วย

จริงๆ ตั้งแต่ฉาก คุณย่าเริ่มล้มหมอนนอนเสื่อ
แต่งงานแล้วพี่ไกรต้องไปรบ
เหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน บางคนถ้าดูละครผ่านๆ จะมองว่า ดาวเรืองร้องไห้บ่อยมาก
แต่ความจริง คือมันถูกแล้ววว ถ้าเราเอาใจเอาไปใส่ จะรู้ว่า สิ่งที่ดาวเรืองเจอ กับการเป็นหญิงสาว ในวัย17-18
มันหนักหนาเอาการจริงๆ แถมยังต้องอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่มันไม่ปกติเลย

จุดนี้ นาวสื่ออารมณ์มาได้ดีมาก ไม่ใช่แค่ร้อง เอาแต่ร้อง แต่มันมีความหวาดหวั่น อ่อนไหว เจ็บปวด
แต่ต้องข่มอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้
เรารู้สึกจุกๆกับดาวเรืองมาตลอด และด้วยความที่รักละครเรื่องนี้มาก เคยรีรันเวอชั่นเก่า ยาวติดต่อกันทั้งสายโลหิต
และญาติกามาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
จึงทำให้เรารู้จักและคิดว่าเข้าใจตัวละครนี้พอสมควร
และเป็นตัวละครที่มีชีวิตที่น่าสงสารไม่น้อย
ตลอดชีวิตของดาวเรือง มีแต่การพลัดพราก โดดเดี่ยว และอดทน
แม้กระทั่งไปเกิดเป็นสร้อยทอง แล้วก็ตาม

ดังนั้นการแสดงเป็นดาวเรือว มันจึงไม่ใช่แค่ต้อง เป็นตัวละครที่สวย เก่ง ซน เป็นที่รักของคุณย่า พี่ไกร เท่านั้น
แต่ต้องแสดงให้เห็นว่า ในชีวิต ที่ต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา มันเป็นเช่นนั้นได้
มันประกอบไปด้วยอะไร เวลาที่คนได้ไปอ่านหรือดู ญาติกา
คนจะต้องไม่แปลกใจว่าทำไมตัวละสร้อยทอง ที่เป็นดาวเรืองมาเกิด
ถึงไม่เคยรักผู้ชายคนไหน ทำไมถึงร้องไห้อยู่ตลอดเวลาได้ยินเรื่องกรุงศรีอยุธยา

ถ้าการเล่นเป็นดาวเรืองไม่หนักแน่นพอ มันจะไปไม่ถึงจุดนั้น


ในตอนแรกๆ สัปดาห์ที่แล้ว ดาวเรืองเพิ่งโต เราจึงยังไม่ได้วิจารณ์ น้องนาวกับการแสดงบทนี้มากนัก
เพราะยังไม่ได้เห็นถึงฉากที่มีการแสดงออกทุกมิติของดาวเรือง
พอสัปดาห์นี้ มีฉากของดาวเรืองเยอะ และได้เห็นการแสดงของน้อง
เราจึงกล้าพูดได้เต็มปากว่านาว สอบผ่านกับบทนี้

ฉากตั้งแต่แต่งงาน พี่ไกรจากไป ถึงกลับมาก็ไม่ค่อยได้อยู่กับเหย้ากับเรือน
คุณย่าป่วย บ้านเมืองอ่อนแอ หวั่นเกรงไม่มีที่จะอยู่
จนกระทั่งวันนี้ คุณย่าจากไป ในซีนสุดท้ายนั้น น้องทำได้ดีมาก ไม่รู้ไปเอาน้ำตามาจากไหน
ไม่ได้สักแต่ร้องนะ การร้องไห้ของน้อง ถ้าตั้งใจดู จะรู้ว่า น้องร้องตามสถาณการณ์

ตั้งแต่ใจคอไม่ดี ตอนคุณย่าพูดเป็นลางเรืองกับข้าว
จนคุณย่านอน หายใจโรยริน จนลมหายใจสุดท้าย
ดาวเรืองเอื้อมมือมาจับชีพจร ที่ละจุด มือสั่น ตัวสั่น ใจหายแล้วตอนนั้น
น้ำตาค่อยๆไหล ไม่ได้ไหลแบบร้องไห้ทะเลาะกับแฟน
ไหลแบบคนเคว้งคว้าง
จนจับลมหายใจ น้ำตาน้องไหลมาพอดีทั้งสองข้าง ก่อนไปกอดคุณย่าแบบสุดแรงจะรั้ง
ใจเราสั่น น้ำตาไหลกับน้อง
คือฉากนี้ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ไม่รู้อธิบายมากไปมั้ย แต่ถ้าคนได้ดูจะรู้ว่าน้องทำได้ดีจริงๆ
ร้องไห้แบบไม่ได้พยายาม แต่ร้องเหมือนรู้สึกจริงๆ เป็นเรื่องจริง
ขอชื่นชมจากใจจริง
บวกกับบ่าวไพร่ ในเรือน ทุกคน ร้องโหยหวน ระงม วิ่งกันมา ดนตรีบรรเลง จนกระทั่งพระสุวรรณมา ทุกคนทำได้ดีมากกกกกก
ทุกอย่างประกอบกันแบบ มันเรียลมากๆ ขอชื่นชมฉากนี้จริงๆ
มันสมบูรณ์แบบและถ่ายทอดอารมณ์ของบ้านที่ขาดเสาหลักจริงๆ



สุดท้ายนี้ขอชื่นชมดาวเรือง
ดาวเรืองช่างเป็นคนที่เข้มแข็งจริงๆ คุณย่าต้องภูมิใจในตัวดาวเรืองแน่ๆ

น้องนาว ทิสานาฏ รู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่น้องมาเป็นดาวเรือง ตัวละครนึงที่เราทั้งรักและผูกพัน ทุกอย่างที่ดาวเรืองต้องเจอ
ต้องอดทน ตลอดชีวิตที่ยาวนานของดาวเรือง มันอยู่ในสายตาน้องหมดแล้ว น้องเป็นดาวเรืองแล้วจริงๆ

ดีใจที่เป็นพอร์ชนาว ในบทนี้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่