บทที่ 1 : ขึ้นฮอ ควบม้า และเดินข้ามประเทศไปเล่นน้ำบนยอดน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก
1 เดือน 1 คน 1 แสนนิดๆ บทนี้อาจยาวหน่อย ขอเริ่มด้วยเรื่องเที่ยวก่อน เดี๋ยวตอนท้ายจะย้อนกลับมาเล่าเรื่องก่อนเดินทางอีกที
0. intro to africa :
https://ppantip.com/topic/38139119/
1. zimbabwe & zambia
2. botswana :
https://ppantip.com/topic/38183649
3. namibia :
https://ppantip.com/topic/38217855
4. south africa
เอารูปกล้องที่ใช้ในทริปนี้มาให้ดู รูปทั้งหมดมาจากกล้อง mirrorless olympus omd em10 mark3 ตัวซ้าย 95% และจากกล้องลุยๆ olympus tough tg5 ตัวขวา 4% ส่วนเอาเลนส์อะไรไปบ้าง ดูได้ท้ายรีวิวเช่นกัน ตอนนี้ไปเที่ยวก่อน

horseback safari
หลังจากเดินทางมา 17 ชั่วโมง ลงเครื่องปุ๊บก็ตรงไปขี่ม้าส่องสัตว์เลย เหมือนซาฟารีทุกอย่างแค่เปลี่ยนจากนั่งรถเป็นขี่ม้า เค้าบอกไม่ต้องมีประสบการณ์ก็มาได้ เราขี่เข้าป่ากันเป็นกรุ๊ปเล็กๆ นักท่องเที่ยว 3 สตาฟอีก 3 ม้าใครม้ามัน ไม่มีคนจูง ต้องบังคับเอง ผู้ร่วมทริปของเราเป็น 2 สาว 2 ชาติ คนแรกบอกเราว่ามาจากแคลิฟอร์เนีย มีม้าเป็นของตัวเองที่บ้าน ล่าสุดเพิ่งได้ม้าป่ามาเพิ่ม 'มันคลั่งมากๆแต่ชั้นก็เทรนมันได้สบาย' ส่วนอีกคนบอกว่าเป็นนักขี่ม้าแข่งจากอิตาลี่ 'ชั้นมีไลเซนส์ด้วย' ประสบการณ์ขี่ม้าแคระที่หัวหินสมัยเด็กไม่ควรถูดขุดออกมาใช่มั้ย
ตั้งใจพก omd em10 ไปด้วย คิดว่าตัวเล็กใส่กระเป๋าคาดเอวได้มิดแล้วนะ แต่ลืมเก็บสาย คำว่า olympus เลยเด่นหราเตะตาสตาฟเข้าพอดี เค้าบอกว่าอย่าเอาไป มีคนเจ็บตัวเพราะกล้องมาเยอะแล้ว เสียดายมากเลย เลือกมาขี่ม้าก็เพราะอยากถ่ายรูปสัตว์แบบใกล้ชิด แต่สุดท้ายก็คว้ามือถือปีนขึ้นหลังม้าไปแทน
พระจันทร์ลอยขึ้นฟ้ามานานแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเข้าไปทุกที แดดเป็นสีส้มทอง มองไปทางไหนก็สวย ยิ่งตอนควบเร็วๆแล้วฝุ่นทรายฟุ้งขึ้นมาในแดด เหมือนขี่ม้าเข้าไปในหมอกสีทอง สวยมาก เผลอสูดเข้าไปเต็มๆ ไอแห้งเลย ตลอด 3 ชั่วโมงในป่าลึก ได้เจอ อิมพาล่า กวาง คูดุ แล้วก็ยีราฟ ยีราฟถึงกับหยุดเล็มยอดไม้แล้วหันมามอง คงงงว่าตัวอะไร ครึ่งม้าครึ่งคน
ม้าไม่ได้เดินอย่างเดียว มีวิ่ง มีควบขึ้นลงเนินด้วย แค่ทรงตัวไมให้ไหลตกก็เหนื่อยแล้ว ยังหาเรื่องขี่ม้ามือเดียวเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีก เด้งๆกระแทกๆจนระบม อยากกลับใจจะขาด พยายามหลอกตัวเองว่าต้นไม้ต้นนั้นคุ้นๆ เลี้ยวพ้นไปต้องเป็นฟาร์มแน่ๆ คิดแบบนี้เป็นสิบรอบจนรู้สึกว่าเอาเถอะ ครั้งนี้จะยอมปล่อยให้ชีวิตเด้งไปตามใจม้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพราะไม่มีครั้งหน้าแน่ๆ

ตอนกลับมาถึงฟาร์ม 2 สาวมือโปรกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วสวยงาม แล้วเข้าไปนั่งในศาลา จิบชา กินกล้วย กินส้ม หัวเราะกันคิกๆ ในขณะที่เรายังลงจากหลังม้าไม่ได้เลย ครึ่งล่างชาจนไม่มีแรงตวัดขามาฝั่งเดียวกันเพื่อโดดลง สตาฟที่รอจูงม้าไปเก็บคิดว่าติดใจ ไม่ยอมลง ในที่สุดก็กระโดดด้วยสภาพเหมือนโดนถีบลงมากองมากกว่า จะยืนก็ยืนไม่ขึ้น ได้แต่นั่งอยู่แทบเท้าม้าแบบนั้น มันหันมามองด้วย อาจจะสงสาร เพราะตอนขี่เราก็ผูกมิตรกันอยู่ คือช่วยปัดแมลงหวี่แมลงวันให้มันตลอด มือโปรอาจขอบคุณม้าด้วยการลูบหัวลูบจมูกมัน แต่มือใหม่อย่างเราเล่นใหญ่ลงไปคารวะถึงพื้นเลย
โดนกิจกรรมแรกสูบพลังไปมาก พอกลับถึงที่พักเลยไม่มีแรงหาอาหารเย็นกิน ไม่มีแรงเดินไปอาบน้ำ ห้องน้ำรวมอยู่ไกลและทางไปก็มืด ห้องนอนคืนละเกือบพันบาทมีสภาพทึมๆโทรมๆ ประกอบด้วยโต๊ะเก้าอี้เก่าๆและพัดลมเพดานแบบห้องเรียนย้อนยุค มีมุ้งสั้นๆห้อยลงมาจากเพดานที่คลุมไม่ถึงเตียง คืนนี้สลบไปยาวๆ 13 ชั่วโมง --- เอาสภาพห้องน้ำมาให้ดู ราล้วนๆ
helicopter flight
หลังจากตื่นมาพร้อมความระบมจากการขี่ม้าวันก่อน เช้านี้จะไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูน้ำตกที่เป็นทุกอย่างของเมืองนี้ นี่เป็นช่วงที่น้ำเริ่มน้อยแล้ว แต่ความแรงของน้ำตกก็ทำให้ละอองน้ำลอยไปทั่วฟ้า มองลงมาเหมือนมีหมอกห่มคลุมตลอดเวลา

สวยจนใจสั่นมันมีอยู่จริงนะ อยากถ่ายรูปแต่ก็อยากมองด้วยตาเปล่าให้นานที่สุด เหมือนดูสารคดีที่แผ่นเปลือกโลกกำลังแยกออกจากกัน ข้างล่างเดือดจนส่งควันออกมาไม่หยุด รุ้งกินน้ำก็โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกนั้น
แล้วเฮลิคอปเตอร์ก็พาเราไปส่องสัตว์ต่อทันที ในรูปโบรชัวร์จำได้ว่าเห็นฝูงช้างเล่นน้ำ เลยจินตนาการไว้ว่านั่นจะต้องเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ วันนี้ต้องเห็นอะไรเด็ดกว่านั้นแน่ สรุปเจอสัตว์คล้ายกวางโผล่มายืนงงๆ 2 ตัว จบเร็วเหลือเกิน 14 นาทีบนท้องฟ้า
vultures feeding
ใกล้บ่ายโมง ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าไร้เมฆเริ่มมีแร้งบินไปมา มันมีหลายสายพันธุ์ ตัวใหญ่ๆที่เราว่าน่าจะสูงพอกับหมาเริ่มร่อนลงมาเกาะตามต้นไม้ ส่วนพันธุ์ที่ตัวเล็กๆรอตามพื้นทราย จนบ่ายโมงตรงตามสัญญา พนักงานโรงแรมก็จะแบกคูลเลอร์ถังใหญ่ที่ภายในมีโครงไก่มากมายออกมา เค้าเอาไปหย่อนกลางวงแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งหนีมาทันที

เข้าใจคำว่า แร้งรุม แร้งทึ้ง แจ่มแจ้งก็คราวนี้ พวกมันแทบเหยียบกันตาย มีขี่หลังกันเพื่อเข้าไปใกล้ซากไก่ให้ได้มากที่สุดด้วย ฝุ่นทรายที่พื้นปลิวว่อนจากการกระพือปีกไม่หยุดของแร้งหลายร้อยตัว เราอยู่ห่างออกมาพอประมาณยังโดนฝุ่นอัดเข้าไปในจมูกและคอ ทุกคนไอค่อกๆแค่กๆ เลนส์กล้องมัวขึ้นมาทันที เรารีบเป่าๆ แล้วดึงฮู๊ดออกมาหวังว่าจะกันได้ส่วนหนึ่ง ไม่นานซากไก่ก็กระจัดกระจายไปทั่ว พี่น้องแร้งไม่ต้องเหยียบกันกินแล้ว
'เราต้องการแร้ง มากกว่าที่แร้งต้องการพวกเรา' พนักงานโรงแรมผู้มีหน้าที่นำส่งอาหารเที่ยงให้แร้งในทุกวันบอกแบบนี้ แร้งช่วยเติมเต็มระบบนิเวศให้สมบูรณ์ ใครๆก็รู้มันกินซาก หลังผู้ล่าจัดการสัตว์ใหญ่เสร็จก็ถึงคิวแร้งที่จะช่วยกำจัดซากเหล่านั้นให้หมดไปก่อนที่ซากจะเน่า แล้วโรคจากสัตว์ที่ตายจะแพร่ระบาดออกมา
sunset downer cruise
ซาฟารีบนหลังม้าและบนฟ้ากันมาแล้ว รอบนี้ลองมาทางน้ำบ้าง แม่น้ำสายนี้ชื่อ zambezi แซมเบซิ เป็นพรมแดนธรรมชาติที่คั่นระหว่างซิมบับเวกับแซมเบีย แล้วจึงไหลไปยังหน้าผาเพื่อตกลงมาเป็นน้ำตกวิคตอเรียต่อไป เครื่องดื่มบนเรือสามารถสั่งมาดื่มได้เรื่อยๆ บาร์เทนเดอร์จัดให้ไม่อั้น บนเรือมีคู่มือแนะนำสัตว์ด้วย เวลาเจอนกอะไรแปลกๆ คุณบาร์เทนเดอร์ก็จะผันตัวเป็นไกด์ เปิดหนังสือชี้นกเป็นนกให้ดูทันที
ระหว่างล่องเรือจะเห็นฮิปโปโผล่ขึ้นมาพ่นน้ำอยู่เรื่อยๆ มันซ่อนอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา นานๆทีถึงจะโผล่หู ตา จมูก ขึ้นมา เราว่าฮิปโปก็ดูขี้เล่นดีแต่คนขับเรือบอกมันติด 1 ใน 5 ของสัตว์น่าเกลียดแห่งทวีป แถมเป็นสัตว์กินพืชที่ค่อนข้างดุร้าย เขี้ยวยาวเกินหน้าเกินตาสัตว์กินพืชทั่วไป ถ้ามันกัดคน เขี้ยวโค้งยาวนี้สามารถแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจได้เลย ฟังดูเล่นๆเป็นเพลง แต่นี่จริงจังเลยนะ ตัวที่ถ่ายมาเป็นฮิปโปเด็ก เขี้ยวเลยเล็กๆ

เวลาที่ทั้งเรือเงียบ เราจะได้ยินเสียงน้ำตกวิคตอเรียที่อยู่ห่างไปเกือบโล และจะมองเห็นว่าท้องฟ้าแถวนั้นมีหมอกจางๆและรุ้งกินน้ำ บรรยากาศการล่องเรือช่วงก่อนอาทิตย์ตกนี่ดีมากเลย ลมแม่น้ำพัดมาเย็นๆ แก๊งฝรั่งวัยเกษียณที่นั่งอยู่ใกล้ๆชวนเราคุยตลอดเวลา เรื่องที่เที่ยวบ้าง เรื่องกล้องบ้าง ทุกคนแต่งตัวสบายๆ เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น ทั้งลำมีอยู่คนเดียวที่แต่งตัวปิดมิดชิดเพราะรักตัวกลัวยุง เราเอง

อยู่ๆต้นไม้ทางซ้ายก็ส่ายไปมา ช้างแอฟริกานั่นเอง มันออกมายืนโชว์ตัวริมฝั่งอยู่แป๊บเดียวก็เดินลุยน้ำสะบัดงวงไปมา คงกะจะเดินตัดช่องทางธรรมชาติไปโผล่แซมเบีย แต่ตลกมาก มันยกหางชี้ฟ้าตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าปลายหางที่มีขนอยู่หร็อมแหร็มนั้นจะเปียก พยายามชูหางจนถึงที่สุดจริงๆ จนกระทั่งน้ำลึกจนมิดตัว สงสารหาง
พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งทำให้เห็นว่าดวงอาทิตย์ที่นี่กลมโตสวยแค่ไหน มันไม่ส้ม ไม่แดง แต่สุกก่ำจนชมพู กลับถึงที่พักวันนี้ได้ไปอาบน้ำซะที ในห้องน้ำรวมมียุงตัวใหญ่เกาะเต็มเลย ถึงยุงที่นี่จะบินช้าและไม่ค่อยสุงสิงกับคนเท่ายุงไทย แต่เวลาอาบน้ำแปรงฟันเราก็จะเต้นตลอด คิดเองว่ายุงคงกัดไม่ทัน
[CR] ☁︎ ZIMBABWE-ZAMBIA : น้ำตกร้อยรุ้ง
1 เดือน 1 คน 1 แสนนิดๆ บทนี้อาจยาวหน่อย ขอเริ่มด้วยเรื่องเที่ยวก่อน เดี๋ยวตอนท้ายจะย้อนกลับมาเล่าเรื่องก่อนเดินทางอีกที
0. intro to africa : https://ppantip.com/topic/38139119/
1. zimbabwe & zambia
2. botswana : https://ppantip.com/topic/38183649
3. namibia : https://ppantip.com/topic/38217855
4. south africa
เอารูปกล้องที่ใช้ในทริปนี้มาให้ดู รูปทั้งหมดมาจากกล้อง mirrorless olympus omd em10 mark3 ตัวซ้าย 95% และจากกล้องลุยๆ olympus tough tg5 ตัวขวา 4% ส่วนเอาเลนส์อะไรไปบ้าง ดูได้ท้ายรีวิวเช่นกัน ตอนนี้ไปเที่ยวก่อน

horseback safari
หลังจากเดินทางมา 17 ชั่วโมง ลงเครื่องปุ๊บก็ตรงไปขี่ม้าส่องสัตว์เลย เหมือนซาฟารีทุกอย่างแค่เปลี่ยนจากนั่งรถเป็นขี่ม้า เค้าบอกไม่ต้องมีประสบการณ์ก็มาได้ เราขี่เข้าป่ากันเป็นกรุ๊ปเล็กๆ นักท่องเที่ยว 3 สตาฟอีก 3 ม้าใครม้ามัน ไม่มีคนจูง ต้องบังคับเอง ผู้ร่วมทริปของเราเป็น 2 สาว 2 ชาติ คนแรกบอกเราว่ามาจากแคลิฟอร์เนีย มีม้าเป็นของตัวเองที่บ้าน ล่าสุดเพิ่งได้ม้าป่ามาเพิ่ม 'มันคลั่งมากๆแต่ชั้นก็เทรนมันได้สบาย' ส่วนอีกคนบอกว่าเป็นนักขี่ม้าแข่งจากอิตาลี่ 'ชั้นมีไลเซนส์ด้วย' ประสบการณ์ขี่ม้าแคระที่หัวหินสมัยเด็กไม่ควรถูดขุดออกมาใช่มั้ย
ตั้งใจพก omd em10 ไปด้วย คิดว่าตัวเล็กใส่กระเป๋าคาดเอวได้มิดแล้วนะ แต่ลืมเก็บสาย คำว่า olympus เลยเด่นหราเตะตาสตาฟเข้าพอดี เค้าบอกว่าอย่าเอาไป มีคนเจ็บตัวเพราะกล้องมาเยอะแล้ว เสียดายมากเลย เลือกมาขี่ม้าก็เพราะอยากถ่ายรูปสัตว์แบบใกล้ชิด แต่สุดท้ายก็คว้ามือถือปีนขึ้นหลังม้าไปแทน
พระจันทร์ลอยขึ้นฟ้ามานานแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเข้าไปทุกที แดดเป็นสีส้มทอง มองไปทางไหนก็สวย ยิ่งตอนควบเร็วๆแล้วฝุ่นทรายฟุ้งขึ้นมาในแดด เหมือนขี่ม้าเข้าไปในหมอกสีทอง สวยมาก เผลอสูดเข้าไปเต็มๆ ไอแห้งเลย ตลอด 3 ชั่วโมงในป่าลึก ได้เจอ อิมพาล่า กวาง คูดุ แล้วก็ยีราฟ ยีราฟถึงกับหยุดเล็มยอดไม้แล้วหันมามอง คงงงว่าตัวอะไร ครึ่งม้าครึ่งคน
ม้าไม่ได้เดินอย่างเดียว มีวิ่ง มีควบขึ้นลงเนินด้วย แค่ทรงตัวไมให้ไหลตกก็เหนื่อยแล้ว ยังหาเรื่องขี่ม้ามือเดียวเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีก เด้งๆกระแทกๆจนระบม อยากกลับใจจะขาด พยายามหลอกตัวเองว่าต้นไม้ต้นนั้นคุ้นๆ เลี้ยวพ้นไปต้องเป็นฟาร์มแน่ๆ คิดแบบนี้เป็นสิบรอบจนรู้สึกว่าเอาเถอะ ครั้งนี้จะยอมปล่อยให้ชีวิตเด้งไปตามใจม้า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ตอนกลับมาถึงฟาร์ม 2 สาวมือโปรกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วสวยงาม แล้วเข้าไปนั่งในศาลา จิบชา กินกล้วย กินส้ม หัวเราะกันคิกๆ ในขณะที่เรายังลงจากหลังม้าไม่ได้เลย ครึ่งล่างชาจนไม่มีแรงตวัดขามาฝั่งเดียวกันเพื่อโดดลง สตาฟที่รอจูงม้าไปเก็บคิดว่าติดใจ ไม่ยอมลง ในที่สุดก็กระโดดด้วยสภาพเหมือนโดนถีบลงมากองมากกว่า จะยืนก็ยืนไม่ขึ้น ได้แต่นั่งอยู่แทบเท้าม้าแบบนั้น มันหันมามองด้วย อาจจะสงสาร เพราะตอนขี่เราก็ผูกมิตรกันอยู่ คือช่วยปัดแมลงหวี่แมลงวันให้มันตลอด มือโปรอาจขอบคุณม้าด้วยการลูบหัวลูบจมูกมัน แต่มือใหม่อย่างเราเล่นใหญ่ลงไปคารวะถึงพื้นเลย
โดนกิจกรรมแรกสูบพลังไปมาก พอกลับถึงที่พักเลยไม่มีแรงหาอาหารเย็นกิน ไม่มีแรงเดินไปอาบน้ำ ห้องน้ำรวมอยู่ไกลและทางไปก็มืด ห้องนอนคืนละเกือบพันบาทมีสภาพทึมๆโทรมๆ ประกอบด้วยโต๊ะเก้าอี้เก่าๆและพัดลมเพดานแบบห้องเรียนย้อนยุค มีมุ้งสั้นๆห้อยลงมาจากเพดานที่คลุมไม่ถึงเตียง คืนนี้สลบไปยาวๆ 13 ชั่วโมง --- เอาสภาพห้องน้ำมาให้ดู ราล้วนๆ
helicopter flight
หลังจากตื่นมาพร้อมความระบมจากการขี่ม้าวันก่อน เช้านี้จะไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูน้ำตกที่เป็นทุกอย่างของเมืองนี้ นี่เป็นช่วงที่น้ำเริ่มน้อยแล้ว แต่ความแรงของน้ำตกก็ทำให้ละอองน้ำลอยไปทั่วฟ้า มองลงมาเหมือนมีหมอกห่มคลุมตลอดเวลา
 สวยจนใจสั่นมันมีอยู่จริงนะ อยากถ่ายรูปแต่ก็อยากมองด้วยตาเปล่าให้นานที่สุด เหมือนดูสารคดีที่แผ่นเปลือกโลกกำลังแยกออกจากกัน ข้างล่างเดือดจนส่งควันออกมาไม่หยุด รุ้งกินน้ำก็โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกนั้น
แล้วเฮลิคอปเตอร์ก็พาเราไปส่องสัตว์ต่อทันที ในรูปโบรชัวร์จำได้ว่าเห็นฝูงช้างเล่นน้ำ เลยจินตนาการไว้ว่านั่นจะต้องเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ วันนี้ต้องเห็นอะไรเด็ดกว่านั้นแน่ สรุปเจอสัตว์คล้ายกวางโผล่มายืนงงๆ 2 ตัว จบเร็วเหลือเกิน 14 นาทีบนท้องฟ้า
vultures feeding
ใกล้บ่ายโมง ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าไร้เมฆเริ่มมีแร้งบินไปมา มันมีหลายสายพันธุ์ ตัวใหญ่ๆที่เราว่าน่าจะสูงพอกับหมาเริ่มร่อนลงมาเกาะตามต้นไม้ ส่วนพันธุ์ที่ตัวเล็กๆรอตามพื้นทราย จนบ่ายโมงตรงตามสัญญา พนักงานโรงแรมก็จะแบกคูลเลอร์ถังใหญ่ที่ภายในมีโครงไก่มากมายออกมา เค้าเอาไปหย่อนกลางวงแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งหนีมาทันที
 เข้าใจคำว่า แร้งรุม แร้งทึ้ง แจ่มแจ้งก็คราวนี้ พวกมันแทบเหยียบกันตาย มีขี่หลังกันเพื่อเข้าไปใกล้ซากไก่ให้ได้มากที่สุดด้วย ฝุ่นทรายที่พื้นปลิวว่อนจากการกระพือปีกไม่หยุดของแร้งหลายร้อยตัว เราอยู่ห่างออกมาพอประมาณยังโดนฝุ่นอัดเข้าไปในจมูกและคอ ทุกคนไอค่อกๆแค่กๆ เลนส์กล้องมัวขึ้นมาทันที เรารีบเป่าๆ แล้วดึงฮู๊ดออกมาหวังว่าจะกันได้ส่วนหนึ่ง ไม่นานซากไก่ก็กระจัดกระจายไปทั่ว พี่น้องแร้งไม่ต้องเหยียบกันกินแล้ว
'เราต้องการแร้ง มากกว่าที่แร้งต้องการพวกเรา' พนักงานโรงแรมผู้มีหน้าที่นำส่งอาหารเที่ยงให้แร้งในทุกวันบอกแบบนี้ แร้งช่วยเติมเต็มระบบนิเวศให้สมบูรณ์ ใครๆก็รู้มันกินซาก หลังผู้ล่าจัดการสัตว์ใหญ่เสร็จก็ถึงคิวแร้งที่จะช่วยกำจัดซากเหล่านั้นให้หมดไปก่อนที่ซากจะเน่า แล้วโรคจากสัตว์ที่ตายจะแพร่ระบาดออกมา
sunset downer cruise
ซาฟารีบนหลังม้าและบนฟ้ากันมาแล้ว รอบนี้ลองมาทางน้ำบ้าง แม่น้ำสายนี้ชื่อ zambezi แซมเบซิ เป็นพรมแดนธรรมชาติที่คั่นระหว่างซิมบับเวกับแซมเบีย แล้วจึงไหลไปยังหน้าผาเพื่อตกลงมาเป็นน้ำตกวิคตอเรียต่อไป เครื่องดื่มบนเรือสามารถสั่งมาดื่มได้เรื่อยๆ บาร์เทนเดอร์จัดให้ไม่อั้น บนเรือมีคู่มือแนะนำสัตว์ด้วย เวลาเจอนกอะไรแปลกๆ คุณบาร์เทนเดอร์ก็จะผันตัวเป็นไกด์ เปิดหนังสือชี้นกเป็นนกให้ดูทันที
ระหว่างล่องเรือจะเห็นฮิปโปโผล่ขึ้นมาพ่นน้ำอยู่เรื่อยๆ มันซ่อนอยู่ใต้น้ำตลอดเวลา นานๆทีถึงจะโผล่หู ตา จมูก ขึ้นมา เราว่าฮิปโปก็ดูขี้เล่นดีแต่คนขับเรือบอกมันติด 1 ใน 5 ของสัตว์น่าเกลียดแห่งทวีป แถมเป็นสัตว์กินพืชที่ค่อนข้างดุร้าย เขี้ยวยาวเกินหน้าเกินตาสัตว์กินพืชทั่วไป ถ้ามันกัดคน เขี้ยวโค้งยาวนี้สามารถแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจได้เลย ฟังดูเล่นๆเป็นเพลง แต่นี่จริงจังเลยนะ ตัวที่ถ่ายมาเป็นฮิปโปเด็ก เขี้ยวเลยเล็กๆ

เวลาที่ทั้งเรือเงียบ เราจะได้ยินเสียงน้ำตกวิคตอเรียที่อยู่ห่างไปเกือบโล และจะมองเห็นว่าท้องฟ้าแถวนั้นมีหมอกจางๆและรุ้งกินน้ำ บรรยากาศการล่องเรือช่วงก่อนอาทิตย์ตกนี่ดีมากเลย ลมแม่น้ำพัดมาเย็นๆ แก๊งฝรั่งวัยเกษียณที่นั่งอยู่ใกล้ๆชวนเราคุยตลอดเวลา เรื่องที่เที่ยวบ้าง เรื่องกล้องบ้าง ทุกคนแต่งตัวสบายๆ เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น ทั้งลำมีอยู่คนเดียวที่แต่งตัวปิดมิดชิดเพราะรักตัวกลัวยุง เราเอง
 อยู่ๆต้นไม้ทางซ้ายก็ส่ายไปมา ช้างแอฟริกานั่นเอง มันออกมายืนโชว์ตัวริมฝั่งอยู่แป๊บเดียวก็เดินลุยน้ำสะบัดงวงไปมา คงกะจะเดินตัดช่องทางธรรมชาติไปโผล่แซมเบีย แต่ตลกมาก มันยกหางชี้ฟ้าตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าปลายหางที่มีขนอยู่หร็อมแหร็มนั้นจะเปียก พยายามชูหางจนถึงที่สุดจริงๆ จนกระทั่งน้ำลึกจนมิดตัว สงสารหาง
พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งทำให้เห็นว่าดวงอาทิตย์ที่นี่กลมโตสวยแค่ไหน มันไม่ส้ม ไม่แดง แต่สุกก่ำจนชมพู กลับถึงที่พักวันนี้ได้ไปอาบน้ำซะที ในห้องน้ำรวมมียุงตัวใหญ่เกาะเต็มเลย ถึงยุงที่นี่จะบินช้าและไม่ค่อยสุงสิงกับคนเท่ายุงไทย แต่เวลาอาบน้ำแปรงฟันเราก็จะเต้นตลอด คิดเองว่ายุงคงกัดไม่ทัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้