มอ สกุณา
มอ....มอ.... คือเสียงร้องของฉันหรืออาจจะบรรพบุรุษ แต่ทำไมพวกมนุษย์ถึงได้มาเพิ่งตั้งชื่อของฉันเป็น 'มอ' ดังนั้นฉันจึงชื่อ 'มอ' ควายที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัวในรัศมี 20 กิโลเมตร
ใช่แล้ว ฉันเป็นควายตัวผู้เพียงตัวเดียวในบ้านที่ฉันเกิด แต่มีเพื่อนควายอีก 4 ตัวที่อยู่ห่างออกไป แต่ฉันก็ไม่อยากไปสุงสิงด้วย เพราะพวกหล่อนมองฉันตาเป็นมันเชียว
นี่เองอาจทำให้ฉันผิดแผกไปจากตัวอื่นๆ เพราะคงจะเหงาพิลึกที่ต้องเป็นควายอยู่ตัวเดียวบนพื้นที่นาอันกว้างใหญ่กว่า 4 ไร่ สงสัยละสิถึงเรียกว่าที่นาอันกว้างใหญ่ไพศาล เพราะพื้นที่ตั้ง 4 ไร่ ฉันก็เดินไม่เคยทั่วสักที เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะมันเมื่อยมากๆ ที่ต้องเดินไปตามที่นาจนครบ 4 ไร่
ดังนั้นฉันจึงชอบที่จะนอนเล่นในปลักโคลนอันแสนเย็นสบาย ยามแดดส่องสว่างมันสบายมากจริงๆ จนในบางครั้ง ฉันก็อยากให้พ่อเป้ามานอนเล่นกับฉันบ้าง
แล้วที่ฉันไม่เหงาก็คือเพื่อน ที่เธอจะมาอยู่กับฉันเกือบตลอดเวลา ไม่ว่ายามแดดอุ่นๆ ตอนเที่ยงตรง หรือแดดจางๆ ในยามเช้า เย็น เธอก็จะมาคลอเคลียบนหลังฉันบ้าง บนหัวบ้าง และที่ชอบที่สุดก็ตรงหางนี่แหละ
วันนี้เธอก็มาเกาะที่หัวของฉัน เธอชื่อสกุณา ในขณะที่เธอกำลังสาละวนจัดผมให้ฉันอย่างเมามัน ฉันเองก็รู้สึกดีที่เธอคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์เส้นผมให้ฉัน
"พี่มอ ทำไมวันนี้ผมพี่แข็งจัง หนูชอบให้พี่มอเส้มผมสลวยมากกว่า เพราะหาอาหารง่ายกว่า"
"ฉันกับเธออายุก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ฉันโตตัวกว่าเท่านั้น อย่าเรียกแทนตัวเองว่าหนูเลย"
"ก็แม่ฉันสอนว่าถ้าใครมีพระคุณให้ที่อยู่ที่กิน ก็ต้องให้ความเคารพนับถือ"
"ตามใจละกัน แล้วทำไมวันนี้มาตัวเดียวล่ะ เพื่อนเธอไปไหนเหรอ"
"เพื่อนของฉันที่ชื่อเอี้ยงเอยมันแต่งงานกับพี่เอี้ยงโอ๋ แล้วย้ายไปหากินที่บ้านโน้นแล้ว"
ฉันรู้สึกใจหายเมื่อเพื่อนสนิทของสกุณา คือเอี้ยงเอยก็เป็นอีกตัวที่ชอบมาขี่หลัง ตอนนี้เธอ แต่งงานไปแล้ว ฉันอดคิดถึงวันที่สกุณาอาจต้องแต่งงานแล้วต้องจากไป มันคงเป็นวันที่ฉันเงียบเหงาอย่างแท้จริง อยู่ๆ สกุณาก็พูดออกมา
"หนูไม่แต่งานหรอก หนูชอบที่จะอยู่กับพี่มอมากกว่า นี่หนูพูดจริงๆนะ ว่าแต่พี่มอเถอะ ถ้าต้องแต่งงานไป เมียพี่จะรังเกียจหนูหรือเปล่า"
คำพูดที่ออกมาจากปากของฉันแทบไม่ได้คิด
"ฉันไม่แต่งงานกับควายที่ไหนหรอก เพราะฉันมีเธอเป็นเพื่อนแล้วสกุณา ในท้องนาแห่งนี้ (นา=โลก) นอกจากพ่อเป้าเธอก็คือเพื่อนของฉัน"
"ซึ้งจังเลย หนูจะจำคำของพี่มอนะ เราจะไม่แยกจากกัน"
นั่นคือคำสัญญาระหว่าง มอ (ควาย) กับ สกุณา (นกเอี้ยง)
....แล้วหลังจากนั้นฉันก็อยู่อย่างเดียวดาย สกุณาไม่กลับมาอีกเลย ฉันเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่า สกุณาก็ไม่มาหา ร่างกายของฉันจากที่เคยสวยงามกลับมีตุ่มจากแมลงมารุมกัดรุมตอม แม้จะมีนกนานาชนิดมาช่วย ฉันก็ไล่ไม่ให้เข้ามา ไม่มียกเว้นนกประเภทใดๆ ทั้งสิ้น
จนนกต่างๆ ในท้องนาแถวนั้น ต่างหาว่าฉันเป็นควายขี้งกที่ไม่ยอมให้นกมาเลี้ยง นี่ก็เป็นอีกข้อสงสัยว่าทำไม ใครๆ จึงเห็นนกเอี้ยงมาเลี้ยงฉัน ทั้งที่นกทุกตัวไม่เคยเอาหญ้ามาแบ่งให้ฉันกิน มีแต่ฉันที่แบ่งปันแมลงที่เกาะอยู่ตามตัวให้เท่านั้น
ความจริงฉันไม่ได้ขี้งกจริงๆ นะ ฉันแค่ไม่อยากให้สกุณากลับมา แล้วเห็นว่าฉันมีเพื่อนใหม่ เพราะในใจของฉันมีแต่สกุณาเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฉันมองแต่บนท้องฟ้า ไม่ว่ากลางคืน กลางวัน พระจันทร์ พระอาทิตย์ ฉันดูพระจันทร์ตั้งแต่มีเต็มดวง แล้วค่อยๆ แหว่ง จนหายไป และกลับมาเต็มดวงอีกครั้งหมุนเวียน จนฉันจำไม่ได้ว่าฉันมองจันทร์เต็มดวงมากี่ครั้งแล้ว
เมื่อฉันคิดว่าสกุณาคงไม่กลับมาหาฉันแน่ๆ ฉันจึงไปแช่ในปลักมีแค่ส่วนเขากับจมูกที่โผล่พ้นโคลน เพราะฉันขี้เกียจไล่นกที่จะวนเวียนมาเกาะฉันให้ได้ ภายในใจของฉันคิดว่า
'ถึงจะเป็นควายแต่ฉันก็มีใจเดียวนะ และฉันอายที่จะบอกพวกนกที่มาเกาะแกะฉันว่า ทั้งพื้นที่ส่วนหลัง ส่วนหัว ส่วนหาง มันมีเจ้าของแล้ว นั่นก็คือเพื่อนที่ฉันรักที่สุด รองจากพ่อเป้า พ่อเป้าที่มักชวนฉันไปเดินเล่น ถึงแม้เป็นการเดินเล่นที่มีอะไรก็ไม่รู้มาให้ฉันแบกอยู่เต็มบ่าก็ตาม'
นั่นคือความคิดของฉัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันอีก ฉันคงไม่อาจรู้ เพราะแม้แต่มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ชี้มาทางฉัน แล้วบอกว่า
"แม่ๆๆ ดูนั่นสิ ควายค่ะแม่"
ฉันคิดว่าพวกนั้นยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็นตัวอะไร ต้องให้มนุษย์ตัวเล็กๆ คอยบอกว่าฉันคือควาย
แล้วเรื่องร้ายของฉันก็ยังไม่จบ พ่อเป้าอยู่ๆ ก็หายไปอีกคน เมื่อสองวันเขายังดีๆ อยู่เลย ที่ฉันว่าดีๆ ก็เพราะปกติพ่อเป้าจะเดินด้วยสองขาเหมือนคนป่วย แล้วพ่อเป้าก็มาเดินเหมือนฉัน (คลานกับพื้น) นี่แหละที่ฉันคิดว่าพ่อเป้าต้องแข็งแรงเหมือนฉันแน่ๆ
ที่บ้านดูแปลกไป มีมนุษย์จากบ้านใกล้เคียงมาเยี่ยมที่บ้านเต็มไปหมด แถมเปิดเพลงให้ฟังด้วย จนเวลาผ่านไปทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ไม่มีพ่อเป้าผู้แสนใจดีมาเดินตามฉันกลับบ้าน ฉันอยู่อย่างอิสระและเดียวดายบนท้องทุ่งนาแห่งนี้ มันเงียบและวังเวงจริงๆ
จะเกิดอะไรขึ้นอีกนะ เพราะมีมนุษย์ผู้ชายหน้าตาดุมาก มาพาตัวฉันขึ้นรถ ในตอนแรกฉันก็ไม่เคยรู้จักการขึ้นรถ มันทั้งสูงทั้งแคบฉันกลัวจะตกลงมา จึงพยายามร้องให้พ่อเป้ามาช่วยพยุงและให้สกุณามาเกาะหลัง แต่มันก็ไม่มี
ฉันถูกพาไปไหนไม่รู้ ฉันไม่กลัวหรอกนะ แต่ฉันแค่เสียใจที่ฉันจะไม่ได้เจอกับสกุณาอีกแล้ว เพราะควายอย่างฉันอยู่ได้ด้วยความหวัง ความหวังของฉันคือได้พบกับสกุณาอีกครั้ง แล้วบอกความในใจที่เก็บอยู่...เสมอมา
รถติดเป็นทางยาวในขณะเข้าใกล้เมือง แต่ภายในสมองของฉันกลับว่างเปล่า เพราะอะไรจะเกิดขึ้นมันก็คงไม่สำคัญ อีกแล้ว ฉันเผลอร้องเพลงที่สกุณาชอบฟัง ออกมาอีกครั้ง
"มอ...มอ...มอ...หม่อ...หม๊อ...มอ...หม่อ...ฯลฯ"
แล้วทันใดนั้น เสียงร้องของใครตัวหนึ่งก็เข้าหูฉัน
"พี่มอ พี่มอ พี่มอ นี่หนูเอง สกุณาเพื่อนของพี่"
ฉันหันมามองด้านข้างก็เห็นมนุษย์สองคนขี่รถคันเล็กๆ ที่กำลังแทรกในช่องว่าง ในมือของคนอยู่ข้างหลังถืออะไรสักอย่าง แต่ภายในอะไรสักอย่างมีเพื่อนรักของฉันอยู่ สกุณาของฉัน อยู่ภายในนั้น ดวงตาของเธอดูเศร้าและดีใจระคนกัน
ฉันรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง รถคันนั้นกำลังจะพาเพื่อนฉันไปแล้ว ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดกระชากจนเชือกที่พันธนาการออก แล้วก็กระโดดลงมาที่หน้าอะไรก็ไม่รู้ มันบุบลงตามแรงที่ฉันเหยียบ
แล้วฉันก็ออกวิ่งไล่กวด เพื่อนรักของฉันที่กำลังถูกพาไปต่อหน้า ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ไม่ว่าควายด้วยกันหรือแม้แต่มนุษย์ที่มักดูถูกฉันเสมอ ฉันวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยร้องออกมาสุดเสียงตลอดทาง
"มอออออออออ (สกุณา)"
จนรถคันนั้นล้มลงเพราะความรีบร้อนที่จะไปให้ทันนัดหมายหรืออะไรก็ตามแต่ ของในมือมนุษย์ผู้นั้นที่หลุดกระแทกพื้น ทำให้สกุณาเป็นอิสระ แต่เธอกลับบินไม่ได้เพราะเธออยู่ในนั้นนานเกินไป หรืออาจมีใครทำให้เธอไม่สามารถบิน
เปรี้ยงงงงงงง
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร เพราะในตอนนี้ฉันมีความสุขมากกว่าความรู้สึกแปล๊บๆ ที่แล่นเข้ามา ขาฉันอ่อนแรงลงหมอบข้างๆ สกุณา ที่กระโดดมาหาฉัน เธอก็คงบาดเจ็บไม่ใช่น้อย เธอใช้ปากน้อยๆ จูบที่เปลือกตาของฉันอย่างแผ่วเบา
"พี่มอจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะเราต้องอยู่ด้วยกัน หนูรักพี่มอนะ"
แล้วความง่วงของฉันก็หายไปวูบหนึ่ง ฉันยิ้มแล้วพูดออกมาให้เธอรับรู้ความในใจ
"ฉันก็รักเธอสกุณา เพียงแต่ฉันไม่กล้าพูด แล้วตั้งแต่ที่เธอไม่อยู่ ฉันก็ไม่ให้นกที่ไหนมาเกาะ เพราะพื้นที่ของฉันทั้งหมด รวมทั้งหัวใจของฉัน มันเป็นของเธอตัวเดียว สกุณา"
สกุณาน้ำตานองใบหน้าอันงดงาม นกเอี้ยงน้อยที่อยู่ด้วยความหวัง หลังจากถูกจับมาอยู่ในกรง เธอคิดเสมอว่าสักวันเธอจะได้เป็นอิสระ ถ้าทำตามใจมนุษย์ที่จับเธอมาฝึกพูดภาษาที่เธอไม่เข้าใจ เธอพยายามฝึกจนพูดได้ เพื่อกลับมาหาเพื่อนรักเพียงตัวเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่
ที่เธอเองก็ไม่เคยกล้าบอกความในใจว่าเธอคิดกับเพื่อนตัวนี้ มากกว่าเพื่อน มากกว่าสายพันธุ์ มากกว่าที่เธอเคยคิด แต่บัดนี้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว เธอได้พบเขาและได้ทราบว่าเขาก็รักเธอเช่นเดียวกัน ดวงตาของมอควายหนุ่มที่มีรักมั่น ยังคงจับจ้องรูปร่างอ่อนบางของเธอ จวบจนดวงวิญญาณของเขาล่องลอยจากไป
สกุณาบรรจงใช้จงอยปากปิดเปลือกตาของมอลง จนดูเหมือนว่าเขาแค่หลับไป มุมปากปรากฎรอยยิ้มน้อยๆ น้ำตาของสกุณาหลั่งออกเป็นหยดสุดท้าย
นกเอี้ยงสาวสยายปีกออกกว้าง เพื่อโอบที่หน้าผากของมอ อย่างนุ่มนวล และสิ้นใจตาม ด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เป็นภาพที่คนบนท้องถนนต่างรู้สึกเศร้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไร แต่รับรู้ถึงความอ่อนโยนที่ทั้งสองมอบให้แก่กัน และตลอดไป
------จบ-------
เรื่องสั้น เร้าอารมณ์ (มอ สกุณา)
มอ....มอ.... คือเสียงร้องของฉันหรืออาจจะบรรพบุรุษ แต่ทำไมพวกมนุษย์ถึงได้มาเพิ่งตั้งชื่อของฉันเป็น 'มอ' ดังนั้นฉันจึงชื่อ 'มอ' ควายที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัวในรัศมี 20 กิโลเมตร
ใช่แล้ว ฉันเป็นควายตัวผู้เพียงตัวเดียวในบ้านที่ฉันเกิด แต่มีเพื่อนควายอีก 4 ตัวที่อยู่ห่างออกไป แต่ฉันก็ไม่อยากไปสุงสิงด้วย เพราะพวกหล่อนมองฉันตาเป็นมันเชียว
นี่เองอาจทำให้ฉันผิดแผกไปจากตัวอื่นๆ เพราะคงจะเหงาพิลึกที่ต้องเป็นควายอยู่ตัวเดียวบนพื้นที่นาอันกว้างใหญ่กว่า 4 ไร่ สงสัยละสิถึงเรียกว่าที่นาอันกว้างใหญ่ไพศาล เพราะพื้นที่ตั้ง 4 ไร่ ฉันก็เดินไม่เคยทั่วสักที เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะมันเมื่อยมากๆ ที่ต้องเดินไปตามที่นาจนครบ 4 ไร่
ดังนั้นฉันจึงชอบที่จะนอนเล่นในปลักโคลนอันแสนเย็นสบาย ยามแดดส่องสว่างมันสบายมากจริงๆ จนในบางครั้ง ฉันก็อยากให้พ่อเป้ามานอนเล่นกับฉันบ้าง
แล้วที่ฉันไม่เหงาก็คือเพื่อน ที่เธอจะมาอยู่กับฉันเกือบตลอดเวลา ไม่ว่ายามแดดอุ่นๆ ตอนเที่ยงตรง หรือแดดจางๆ ในยามเช้า เย็น เธอก็จะมาคลอเคลียบนหลังฉันบ้าง บนหัวบ้าง และที่ชอบที่สุดก็ตรงหางนี่แหละ
วันนี้เธอก็มาเกาะที่หัวของฉัน เธอชื่อสกุณา ในขณะที่เธอกำลังสาละวนจัดผมให้ฉันอย่างเมามัน ฉันเองก็รู้สึกดีที่เธอคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์เส้นผมให้ฉัน
"พี่มอ ทำไมวันนี้ผมพี่แข็งจัง หนูชอบให้พี่มอเส้มผมสลวยมากกว่า เพราะหาอาหารง่ายกว่า"
"ฉันกับเธออายุก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ฉันโตตัวกว่าเท่านั้น อย่าเรียกแทนตัวเองว่าหนูเลย"
"ก็แม่ฉันสอนว่าถ้าใครมีพระคุณให้ที่อยู่ที่กิน ก็ต้องให้ความเคารพนับถือ"
"ตามใจละกัน แล้วทำไมวันนี้มาตัวเดียวล่ะ เพื่อนเธอไปไหนเหรอ"
"เพื่อนของฉันที่ชื่อเอี้ยงเอยมันแต่งงานกับพี่เอี้ยงโอ๋ แล้วย้ายไปหากินที่บ้านโน้นแล้ว"
ฉันรู้สึกใจหายเมื่อเพื่อนสนิทของสกุณา คือเอี้ยงเอยก็เป็นอีกตัวที่ชอบมาขี่หลัง ตอนนี้เธอ แต่งงานไปแล้ว ฉันอดคิดถึงวันที่สกุณาอาจต้องแต่งงานแล้วต้องจากไป มันคงเป็นวันที่ฉันเงียบเหงาอย่างแท้จริง อยู่ๆ สกุณาก็พูดออกมา
"หนูไม่แต่งานหรอก หนูชอบที่จะอยู่กับพี่มอมากกว่า นี่หนูพูดจริงๆนะ ว่าแต่พี่มอเถอะ ถ้าต้องแต่งงานไป เมียพี่จะรังเกียจหนูหรือเปล่า"
คำพูดที่ออกมาจากปากของฉันแทบไม่ได้คิด
"ฉันไม่แต่งงานกับควายที่ไหนหรอก เพราะฉันมีเธอเป็นเพื่อนแล้วสกุณา ในท้องนาแห่งนี้ (นา=โลก) นอกจากพ่อเป้าเธอก็คือเพื่อนของฉัน"
"ซึ้งจังเลย หนูจะจำคำของพี่มอนะ เราจะไม่แยกจากกัน"
นั่นคือคำสัญญาระหว่าง มอ (ควาย) กับ สกุณา (นกเอี้ยง)
....แล้วหลังจากนั้นฉันก็อยู่อย่างเดียวดาย สกุณาไม่กลับมาอีกเลย ฉันเฝ้ารอ รอแล้วรอเล่า สกุณาก็ไม่มาหา ร่างกายของฉันจากที่เคยสวยงามกลับมีตุ่มจากแมลงมารุมกัดรุมตอม แม้จะมีนกนานาชนิดมาช่วย ฉันก็ไล่ไม่ให้เข้ามา ไม่มียกเว้นนกประเภทใดๆ ทั้งสิ้น
จนนกต่างๆ ในท้องนาแถวนั้น ต่างหาว่าฉันเป็นควายขี้งกที่ไม่ยอมให้นกมาเลี้ยง นี่ก็เป็นอีกข้อสงสัยว่าทำไม ใครๆ จึงเห็นนกเอี้ยงมาเลี้ยงฉัน ทั้งที่นกทุกตัวไม่เคยเอาหญ้ามาแบ่งให้ฉันกิน มีแต่ฉันที่แบ่งปันแมลงที่เกาะอยู่ตามตัวให้เท่านั้น
ความจริงฉันไม่ได้ขี้งกจริงๆ นะ ฉันแค่ไม่อยากให้สกุณากลับมา แล้วเห็นว่าฉันมีเพื่อนใหม่ เพราะในใจของฉันมีแต่สกุณาเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฉันมองแต่บนท้องฟ้า ไม่ว่ากลางคืน กลางวัน พระจันทร์ พระอาทิตย์ ฉันดูพระจันทร์ตั้งแต่มีเต็มดวง แล้วค่อยๆ แหว่ง จนหายไป และกลับมาเต็มดวงอีกครั้งหมุนเวียน จนฉันจำไม่ได้ว่าฉันมองจันทร์เต็มดวงมากี่ครั้งแล้ว
เมื่อฉันคิดว่าสกุณาคงไม่กลับมาหาฉันแน่ๆ ฉันจึงไปแช่ในปลักมีแค่ส่วนเขากับจมูกที่โผล่พ้นโคลน เพราะฉันขี้เกียจไล่นกที่จะวนเวียนมาเกาะฉันให้ได้ ภายในใจของฉันคิดว่า
'ถึงจะเป็นควายแต่ฉันก็มีใจเดียวนะ และฉันอายที่จะบอกพวกนกที่มาเกาะแกะฉันว่า ทั้งพื้นที่ส่วนหลัง ส่วนหัว ส่วนหาง มันมีเจ้าของแล้ว นั่นก็คือเพื่อนที่ฉันรักที่สุด รองจากพ่อเป้า พ่อเป้าที่มักชวนฉันไปเดินเล่น ถึงแม้เป็นการเดินเล่นที่มีอะไรก็ไม่รู้มาให้ฉันแบกอยู่เต็มบ่าก็ตาม'
นั่นคือความคิดของฉัน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันอีก ฉันคงไม่อาจรู้ เพราะแม้แต่มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ชี้มาทางฉัน แล้วบอกว่า
"แม่ๆๆ ดูนั่นสิ ควายค่ะแม่"
ฉันคิดว่าพวกนั้นยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็นตัวอะไร ต้องให้มนุษย์ตัวเล็กๆ คอยบอกว่าฉันคือควาย
แล้วเรื่องร้ายของฉันก็ยังไม่จบ พ่อเป้าอยู่ๆ ก็หายไปอีกคน เมื่อสองวันเขายังดีๆ อยู่เลย ที่ฉันว่าดีๆ ก็เพราะปกติพ่อเป้าจะเดินด้วยสองขาเหมือนคนป่วย แล้วพ่อเป้าก็มาเดินเหมือนฉัน (คลานกับพื้น) นี่แหละที่ฉันคิดว่าพ่อเป้าต้องแข็งแรงเหมือนฉันแน่ๆ
ที่บ้านดูแปลกไป มีมนุษย์จากบ้านใกล้เคียงมาเยี่ยมที่บ้านเต็มไปหมด แถมเปิดเพลงให้ฟังด้วย จนเวลาผ่านไปทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ไม่มีพ่อเป้าผู้แสนใจดีมาเดินตามฉันกลับบ้าน ฉันอยู่อย่างอิสระและเดียวดายบนท้องทุ่งนาแห่งนี้ มันเงียบและวังเวงจริงๆ
จะเกิดอะไรขึ้นอีกนะ เพราะมีมนุษย์ผู้ชายหน้าตาดุมาก มาพาตัวฉันขึ้นรถ ในตอนแรกฉันก็ไม่เคยรู้จักการขึ้นรถ มันทั้งสูงทั้งแคบฉันกลัวจะตกลงมา จึงพยายามร้องให้พ่อเป้ามาช่วยพยุงและให้สกุณามาเกาะหลัง แต่มันก็ไม่มี
ฉันถูกพาไปไหนไม่รู้ ฉันไม่กลัวหรอกนะ แต่ฉันแค่เสียใจที่ฉันจะไม่ได้เจอกับสกุณาอีกแล้ว เพราะควายอย่างฉันอยู่ได้ด้วยความหวัง ความหวังของฉันคือได้พบกับสกุณาอีกครั้ง แล้วบอกความในใจที่เก็บอยู่...เสมอมา
รถติดเป็นทางยาวในขณะเข้าใกล้เมือง แต่ภายในสมองของฉันกลับว่างเปล่า เพราะอะไรจะเกิดขึ้นมันก็คงไม่สำคัญ อีกแล้ว ฉันเผลอร้องเพลงที่สกุณาชอบฟัง ออกมาอีกครั้ง
"มอ...มอ...มอ...หม่อ...หม๊อ...มอ...หม่อ...ฯลฯ"
แล้วทันใดนั้น เสียงร้องของใครตัวหนึ่งก็เข้าหูฉัน
"พี่มอ พี่มอ พี่มอ นี่หนูเอง สกุณาเพื่อนของพี่"
ฉันหันมามองด้านข้างก็เห็นมนุษย์สองคนขี่รถคันเล็กๆ ที่กำลังแทรกในช่องว่าง ในมือของคนอยู่ข้างหลังถืออะไรสักอย่าง แต่ภายในอะไรสักอย่างมีเพื่อนรักของฉันอยู่ สกุณาของฉัน อยู่ภายในนั้น ดวงตาของเธอดูเศร้าและดีใจระคนกัน
ฉันรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง รถคันนั้นกำลังจะพาเพื่อนฉันไปแล้ว ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดกระชากจนเชือกที่พันธนาการออก แล้วก็กระโดดลงมาที่หน้าอะไรก็ไม่รู้ มันบุบลงตามแรงที่ฉันเหยียบ
แล้วฉันก็ออกวิ่งไล่กวด เพื่อนรักของฉันที่กำลังถูกพาไปต่อหน้า ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ไม่ว่าควายด้วยกันหรือแม้แต่มนุษย์ที่มักดูถูกฉันเสมอ ฉันวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยร้องออกมาสุดเสียงตลอดทาง
"มอออออออออ (สกุณา)"
จนรถคันนั้นล้มลงเพราะความรีบร้อนที่จะไปให้ทันนัดหมายหรืออะไรก็ตามแต่ ของในมือมนุษย์ผู้นั้นที่หลุดกระแทกพื้น ทำให้สกุณาเป็นอิสระ แต่เธอกลับบินไม่ได้เพราะเธออยู่ในนั้นนานเกินไป หรืออาจมีใครทำให้เธอไม่สามารถบิน
เปรี้ยงงงงงงง
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร เพราะในตอนนี้ฉันมีความสุขมากกว่าความรู้สึกแปล๊บๆ ที่แล่นเข้ามา ขาฉันอ่อนแรงลงหมอบข้างๆ สกุณา ที่กระโดดมาหาฉัน เธอก็คงบาดเจ็บไม่ใช่น้อย เธอใช้ปากน้อยๆ จูบที่เปลือกตาของฉันอย่างแผ่วเบา
"พี่มอจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะเราต้องอยู่ด้วยกัน หนูรักพี่มอนะ"
แล้วความง่วงของฉันก็หายไปวูบหนึ่ง ฉันยิ้มแล้วพูดออกมาให้เธอรับรู้ความในใจ
"ฉันก็รักเธอสกุณา เพียงแต่ฉันไม่กล้าพูด แล้วตั้งแต่ที่เธอไม่อยู่ ฉันก็ไม่ให้นกที่ไหนมาเกาะ เพราะพื้นที่ของฉันทั้งหมด รวมทั้งหัวใจของฉัน มันเป็นของเธอตัวเดียว สกุณา"
สกุณาน้ำตานองใบหน้าอันงดงาม นกเอี้ยงน้อยที่อยู่ด้วยความหวัง หลังจากถูกจับมาอยู่ในกรง เธอคิดเสมอว่าสักวันเธอจะได้เป็นอิสระ ถ้าทำตามใจมนุษย์ที่จับเธอมาฝึกพูดภาษาที่เธอไม่เข้าใจ เธอพยายามฝึกจนพูดได้ เพื่อกลับมาหาเพื่อนรักเพียงตัวเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่
ที่เธอเองก็ไม่เคยกล้าบอกความในใจว่าเธอคิดกับเพื่อนตัวนี้ มากกว่าเพื่อน มากกว่าสายพันธุ์ มากกว่าที่เธอเคยคิด แต่บัดนี้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว เธอได้พบเขาและได้ทราบว่าเขาก็รักเธอเช่นเดียวกัน ดวงตาของมอควายหนุ่มที่มีรักมั่น ยังคงจับจ้องรูปร่างอ่อนบางของเธอ จวบจนดวงวิญญาณของเขาล่องลอยจากไป
สกุณาบรรจงใช้จงอยปากปิดเปลือกตาของมอลง จนดูเหมือนว่าเขาแค่หลับไป มุมปากปรากฎรอยยิ้มน้อยๆ น้ำตาของสกุณาหลั่งออกเป็นหยดสุดท้าย
นกเอี้ยงสาวสยายปีกออกกว้าง เพื่อโอบที่หน้าผากของมอ อย่างนุ่มนวล และสิ้นใจตาม ด้วยใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เป็นภาพที่คนบนท้องถนนต่างรู้สึกเศร้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไร แต่รับรู้ถึงความอ่อนโยนที่ทั้งสองมอบให้แก่กัน และตลอดไป
------จบ-------